ตร.นำ 3 หัวโจกตัวการอุ้มทำร้าย 2 วัยรุ่นเคหะเอื้ออาทรสายไหม จำลองแผนเหตุการณ์รุมตื้บ ด้าน “หนุ่มมอส” ลูกพี่ใหญ่เปิดใจปมค้ายา ลั่นเป็นเรื่องไร้สาระ พร้อมแฉปมเปลี่ยนอาวุธปืนจริง ให้เป็นบีบีกัน
จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 8 คน เข้าไปข่มขู่ นายวรพัฒน์ เหมชะญาติ หรือคาส อายุ 24 ปี และ นายธนภัทร์ สุขขัง หรือฟิล์ม อายุ 20 ปี ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรสายไหม ก่อนจะใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ขึ้นรถไปทำร้ายร่างกายบริเวณถนนเลียบวงแหวนตะวันออก (หนองระแหง) ก่อนจะกลับมาส่งที่บ้านเอื้ออาทรสายไหมอีกครั้ง และหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 พ.ย.61 ที่สน.สายไหม พ.ต.ท.ธนู สุขเสริม รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สายไหม พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำตัวนายจิราชัย มาสะอาด หรือ จิ อายุ 19 ปี นายทินกร หรือ แบงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี และ นายกิตติพรรดิ์ ทองยืน หรือ เอ็กซ์ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ในข้อหา "ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฯ" และ "ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนทำให้ได้รับบาดเจ็บฯ" จำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ประกอบสำนวนการทำคดี ทั้งหมดสองจุด เริ่มตั้งแต่จุดที่กลุ่มผู้ต้องหา ขับรถผ่านมาพบกับผู้เสียหายภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร ซึ่งกำลังขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คัน หลังไปเที่ยวในงานเทศกาลลอยกระทงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยลำดับเหตุการณ์ เริ่มจาก นายจิราชัย ลงจากรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ เข้าไปพูดคุยกับนายวรพัฒน์ และตบเข้าที่ศีรษะ ก่อนที่นายทินกร จะลงจากรถมาพร้อมกับปืนบีบีกัน และตบนายวรพัฒน์ซ้ำ จากนั้นจึงได้เข้าไปกอดคอนายธนภัทร์ และพาตัวทั้งคู่ขึ้นรถไปยังจุดหมายที่สอง คือ บริเวณถนนเลียบวงแหวนตะวันออก (หนองระแหง) ที่ผู้เสียหายถูกรุมทำร้าย โดยมีนายกิตติพรรดิ์ ได้เข้าไปต่อยนายวรพัฒน์ พร้อมกับถามว่า “มึงไม่ให้น้องกูเข้าบ้านเหรอ” ก่อนจะนำตัวผู้เสียหายทั้งสอง กลับไปส่งยังหมู่บ้านเอื้ออาทรตามที่ปรากฏในข่าว
...
ขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในคดีนี้ทั้งหมดมี 8 ราย สามารถจับกุมตัวได้ 5 ราย ยังหลบหนีอีก 3 ราย และมีนายปรัชญา 1 รายที่ไม่รับสารภาพ โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 13.30 น. นายจิตติ จิตตพรรณ หรือ "มอส" บุคคลที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาตามล่าตัวในหมู่บ้านเอื้ออาทรสายไหม เปิดใจถึงปมเหตุที่ถูกกลุ่มคนร้ายดังกล่าวเข้ามาตามล่าตัว พร้อมชี้แจงความบริสุทธ์ใจในเรื่องใช้นายแบงค์ หนึ่งในผู้ต้องหาให้ขายใบกระท่อม ทั้งที่เจ้าตัวอยากเลิก จนเป็นเหตุให้นายแบงค์ต้องกลับบ้านในเอื้ออาทรสายไหมไม่ได้, เรื่องการมีอาวุธปืน และพฤติกรรมเป็นคนขายยาโดยมีญาติของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นคนกล่าวอ้าง
นายมอส เปิดเผยว่า ตนเองอาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทรสายไหมมาหลายปีแล้ว ส่วนตัวรู้จักกับนายคาสและนายฟิล์มผู้เสียหาย โดยรู้จักเพียงห่างๆไม่สนิท เป็นแค่รุ่นน้องของเพื่อนเท่านั้น สงสารน้องที่ต้องมาเจ็บตัวแทน ตนเองยอมรับว่าเคยมีปัญหาชกต่อยกับกลุ่มผู้ต้องหาจริง ในช่วงวันสงกรานต์ปีที่แล้ว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เพราะตนเองต้องทำงานกับมารดาเป็นผู้ช่วยไกด์ เลิกงานไม่เป็นเวลา จนเพิ่งมาว่ารู้ว่าพวกผู้ต้องหาทั้งหมดยังแค้นตนเองอยู่ และยกพวกมาทำร้ายตนเองวันลอยกระทง แต่โชคดีวันเกิดเหตุพอตนเองเลิกงานมาก็เข้าบ้านนอนเลยไม่ได้ออกไปลอยกระทงที่ไหน
นายมอส เผยต่อว่า เรื่องที่ตนเองถูกกล่าวหาว่า เป็นคนให้นายแบงค์ (ผู้ต้องหา) ขายใบกระท่อมให้นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนเองรู้จักกับนายแบงค์จริง ในฐานะรุ่นน้องคนหนึ่งในหมู่บ้านเท่านั้นไม่สนิท และเรื่องที่เคยมีปัญหากันจนทำให้นายแบงค์กลับหมู่บ้านไม่ได้ก็เป็นเรื่องไร้สาระ ตนเองไม่มีเวลาขนาดที่จะมานั่งเฝ้านายแบงค์ทั้งวันทั้งคืน เรื่องที่เคยมีปัญหากันตนเองก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว เพราะตนเองต้องช่วยแม่ทำงาน ส่วนเรื่องที่มีญาติผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าตนเองเป็นผู้ค้ายานั้น ตนเองพร้อมให้พิสูจน์ และเช็กประวัติตนเองดูได้ว่ามีข้อมูลยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ เชื่อว่าตนเองถูกใส่ร้าย
ทั้งนี้มีหนึ่งในคนร้ายที่อยู่ในที่เกิดเหตุวันนั้น โทรมาสารภาพว่า “เขาอยู่ในกลุ่มตอนเกิดเหตุ แต่เขาไม่ได้ทำอะไร ขณะนี้มีการเปลี่ยนอาวุธปืนจริง ให้เป็นปืนบีบีกัน” นายมอสกล่าว