ภายหลังทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอเรื่องราวมิจฉาชีพหากินในอีกรูปแบบ ตีเนียนสุ่มส่งของจ่าหน้ากล่อง ระบุชื่อที่อยู่ถึงผู้รับได้อย่างชัดเจน ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ทำรายการสั่งของแต่อย่างใด ทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ต้องสูญเงินตั้งแต่หลักร้อยถึงพันบาท เมื่อคิดมูลค่าของเงินแล้ว ในแต่ละเดือนแก๊งมิจฉาชีพ ได้เงินเป็นหลักล้าน

ในที่สุดพวกมิจฉาชีพ ต้องมาเจอตอ มีผู้เสียหายไม่ใกล้ไม่ไกลในวงการสื่อ แม้จะเสียเงินไม่ถึงพันบาท แต่ต้องการไม่ให้ไปหลอกลวงใครเพิ่มอีก และที่สำคัญสินค้าในกล่องพัสดุเป็นของปลอม ละเมิดลิขสิทธิ์ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความยังสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ก่อนจะประสาน พ.ต.ท.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ รอง ผกก.3 บก.ทท.1, พ.ต.ท.สุรชัช สุวรรณศรี รอง ผกก.3 บก.ทท.1, ทีมตำรวจท่องเที่ยวดอนเมือง และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองปทุมธานี นำข้อมูลสืบจับ ใช้ระยะเวลากว่า 1 อาทิตย์ สามารถสืบค้นเจอต้นตอโกดังใหญ่ย่านคลอง 2 จังหวัดปทุมธานี 

...

- นาทีบุกทลายเครือข่ายใหญ่ จากจีน - 

ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ไม่หยุดนิ่ง และทันทีที่ได้หมายจับ ได้กำหนดวันดีเดย์ 22 พ.ย. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวดอนเมือง พร้อมตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และในพื้นที่ บุกจู่โจมเข้าค้นโกดังเป้าหมายที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากการแกะรอยผ่านตัวกลางเป็นบริษัทส่งพัสดุชื่อดัง ซุ่มรอยังหน้าตึกแถว 7 คูหา ชั้น 1 ตึก kp-12 เลขที่ 42/12 หมู่ 8 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุธานี ลักษณะตึกแถวบริเวณชั้น 1 ทั้ง 7 คูหา ถูกทุบเชื่อมต่อกันเป็นทางยาว และต้องตะลึงพบชั้นวางสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หลายรายการ เช่น เครื่องสำอางแบรนด์เนมปลอม รองเท้าแบรนด์เนมปลอม เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น 

จากนั้นได้เข้าตรวจ พบกล่องพัสดุเปล่าที่เตรียมแพ็กของสุ่มส่งลูกค้า และบาร์โค้ด โลโก้ยี่ห้อบริษัทตัวกลางรับส่งของ สำคัญที่สุดคือ รายชื่อของผู้รับซึ่งถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดในระบบคอมพ์พิวเตอร์ และยังมีสินค้าตีกลับอีกนับพันรายการ เจ้าหน้าที่นำหมายจับรวบตัว Mr.chen junqin (นายชาง จูนคิม) สัญชาติจีน และ Mr.Dingnan wang (นายดินนาน หวัง) สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับฉ้อโกงประชาชน  นอกจากนี้ยังพบ Mr.Li hongjing อยู่ภายในโกดังดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้กับบุคคลทั้ง 3 ทราบว่า "เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต"

- 4 ลูกจ้าง คนไทย ให้ข้อมูล แพ็กของส่งวันละหลายร้อยกล่อง -  

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวพนักงานแพ็กของ ซึ่งเป็นคนไทยอีก 4 ราย เบื้องต้นอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าเป็นพฤติกรรมการหลอกลวงส่งของเก็บเงินปลายทาง อ้างเพียงถูกจ้างมาแพ็กของติดชื่อส่งพัสดุยังผู้รับ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเจ้าของกิจการซึ่งเป็นคนจีนทั้ง 2 ราย 

...

ขณะที่ น้องเปิ้ล หนึ่งในพนักงานแพ็กของ เล่าให้เราฟังว่า การทำงานที่นี่จะทำซ้ำๆ แบบเดิมทุกวัน โดยมีสินค้านานาชนิดเก็บสต็อกไว้เป็นจำนวนมาก เบื้องต้นทราบว่านำเข้ามาจากจีน แต่ไม่ทราบวิธีการนำเข้า จากนั้นพนักงานจะนำชื่อที่อยู่ของผู้รับ จากระบบคอมพิวเตอร์ปริ้นท์ลงกระดาษแปะหน้ากล่อง ก่อนจะนำไปส่งต่อยังบริษัทรับส่งพัสดุ เพื่อเป็นตัวกลางส่งไปเก็บเงินปลายทางยังผู้รับทุกวัน จำนวนวันละหลายร้อยกล่อง ซึ่งที่ผ่านมาก็ถูกตีกลับเกินครึ่ง เนื่องจากผู้รับไม่หลงกลเซ็นชื่อรับของจ่ายเงิน 

- ลูกค้าหลงกลจ่ายเงินรับของก็มาก ถูกตีกลับมหาศาล นำลอกชื่อหน้ากล่อง แปะชื่อคนอื่นส่งซ้ำ -

พนักงานสาวคนเดิมบอกเราด้วยว่า ที่ผ่านมาตัวกลางบริษัทส่งของ สามารถนำส่งยังผู้รับและเก็บเงินปลายทางได้สำเร็จบ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ราคาไม่แพง ส่วนสินค้าที่ถูกตีกลับมาจะนำลอกชื่อหน้ากล่องออก แปะข้อมูลของอีกคนเข้าไปแทนจากนั้นดำเนินการส่งใหม่อีกรอบ ทำซ้ำๆ วนไปแบบนี้เป็นวงจรปกติ สำหรับรายชื่อของผู้รับไม่ทราบว่าเจ้าของซึ่งเป็นคนจีนนำมาจากไหน แต่จะมีเข้ามาในระบบเรื่อยๆ 

...

- ตะลึง สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ยี่ห้อดังกว่า 8 พันชิ้น -

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดของกลาง เป็นเครื่องสำอาง จำนวน 5,026 ชิ้น, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1,202 ชิ้น, รองเท้า เสื้อ 5,465 ชิ้น, ของใช้เบ็ดเตล็ด 614 ชิ้น, สินค้าบรรจุหีบห่อพัสดุ 714 ชิ้น รวมกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งสิ้น 8,410 ชิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจยึดของกลาง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคือ ซื้อหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยนำเข้ามาในราชอาณาจักรที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร, แสดงฉลากที่มีข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง, ฉลากไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

...

- คาด ซื้อข้อมูลฐานลูกค้ามาจากบริษัทรับส่งของ - 

พ.ต.ท.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ รอง ผกก.3 บก.ทท.1 เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาชาวจีนยังไม่รับสารภาพว่านำรายชื่อและที่อยู่ผู้รับจำนวนมากในระบบคอมพิวเตอร์มาจากแหล่งใด แต่คาดว่าน่าจะซื้อมาจากฐานข้อมูลลูกค้าบริษัทส่งของ โดยสินค้าทั้งหมดถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน นำมายัดเยียดส่งให้ลูกค้าเพื่อเก็บเงินปลายทาง ซึ่งที่ผ่านมามีผู้คนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก เนื่องจากนำสินค้าปลอมแพ็กใส่กล่องยัดเยียดส่งไปทั้งที่ไม่ได้สั่ง แถมยังได้กำไรจำนวนมากเมื่อหักจากต้นทุน 

สำหรับกรณีดังกล่าวผู้ต้องหาอ้างว่า เพิ่งเริ่มทำมาเพียง 2 เดือนเท่านั้น โดยเช่าตึกแถวเป็นที่เก็บของ ส่วนบ้านที่พักอาศัยเช่าไว้อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก ตรวจสอบวีซ่าของทั้ง 3 คนใช้เป็นประเภทวีซ่าท่องเที่ยว เดินทางเข้าออกไทยมาแล้ว 3 ครั้ง จากการสอบถามบริษัทตัวกลางรับส่งของให้ข้อมูลว่าจะมีสินค้าประเภทนี้ที่ลูกค้าปฏิเสธรับ และถูกตีกลับวันละเป็นจำนวนหลายร้อยกล่อง 

- เตือนระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อ - 

พ.ต.ท.ปิยะพันธุ์ วนอุกฤษฏ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้ต้องหาใช้วิธีเสี่ยงดวงสุ่มส่งไป หากบ้านหลังไหนมีคนชรา หรือเพื่อน หรือคนสนิทอยู่ที่บ้าน ก็เชื่อได้ว่าน่าจะรับของแทนและเก็บเงินปลายทางได้ โดยที่เจ้าของสินค้าไม่ทันทราบเรื่อง มารู้อีกทีตอนเปิดกล่องออกมาดูและรู้ว่าตัวเองไม่ได้สั่ง แต่หากคนส่งของนำมาส่งถึงมือผู้ที่มีชื่อหน้ากล่อง ก็มักจะถูกปฏิเสธการรับสินค้าและถูกตีกลับทุกรายไป 

"สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สร้างกำไรมหาศาล เพราะเป็นของปลอมและต้นทุนไม่มาก กล่องไหนถูกตีกลับ สามารถส่งวนไปวนมา แกะรายชื่อคนเก่าออก ติดรายชื่ออีกคนส่งใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำๆ เบื้องต้นตรวจสอบยอดเงินในบัญชีพบมีวงเงินหมุนเวียนกว่า 15 ล้านบาท ในรอบ 2 เดือน"

- อย่าซื้อสินค้าราคาแพงทางเว็บ เสี่ยงได้ของปลอมสูง -  

นอกจากนี้ที่ผ่านมายังพบว่า ลูกค้าหลายรายเลือกซื้อสินค้าตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีของให้เลือกมากมาย ราคาถูกกว่าในห้างร้าน สามารถจ่ายเงินได้หลายช่องทาง เหตุนี้เองทำให้ลูกค้าเป็นจำนวนไม่น้อยที่ถูกฉ้อโกง เพราะมิจฉาชีพจะส่งของปลอมกลับมาให้ หลายคนเลือกที่จะไม่แจ้งความดำเนินคดีเพราะคิดว่าราคาไม่แพงมาก และมีอีกเป็นจำนวนมากที่แจ้งความดำเนินคดีในท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย 

***ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ได้รับการประสานร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ตำรวจท่องเที่ยวดอนเมือง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ดำเนินการเข้าบุกทลายโกดังได้ในครั้งนี้.