“ผู้การโจ๊ก” บินด่วนแถลงจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวมาเลย์ หลอกเหยื่อเพื่อนร่วมชาติโอนเงินทำบุญ อ้างกำลังมีเคราะห์ พร้อมส่งหวย 4 ตัวไปให้ หากมีคนถูกขอส่วนแบ่ง 30% แฉแต่ละเดือนทำยอดได้ 2 ล้าน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 พ.ย.61 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สตม. พร้อมคณะ เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวมาเลเซีย จำนวน 15 คน ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ศปอส.ตร. และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการร้องเรียนจากหน่วยงาน Cybercrime Department of Malaysia ว่า มีชาวมาเลเซียหลายคนถูกหลอกให้โอนเงินหลายครั้งเพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ โดยมีชาวมาเลเซียเป็นผู้ร่วมขบวนการ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่อพาร์ตเมนต์นิชาภา เลขที่ 555/3 ห้อง 801 และห้อง 401 หมู่ 7 ต.สำนักขาม บ้านไทยจังโหลน อ.สะเดา

พร้อมของกลางหลายรายการ เช่น คอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง โทรศัพท์ 30 เครื่อง บัตรเครดิต 65 ใบ สมุดธนาคาร 8 เล่ม เงินสดสกุลริงกิต 31,041 ริงกิต เงินไทย 41,500 บาท รถยนต์หรู ประกอบด้วย เบนซ์ 2 คัน บีเอ็มดับเบิลยู 1 คัน โตโยต้า 1 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน ผู้ต้องหาทั้งหมด 15 คน เป็นหญิงไทย 5 คน และชาวมาเลเซียผู้ชาย 10 คน พร้อมนำตัวแถลงข่าวที่ห้องประชุมอาคารตรวจคนเข้าเมือง ด่านสะเดา

พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล กล่าวว่า เป็นความร่วมมือของตำรวจไทยและมาเลเซียที่ทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ ในการสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบใหม่ โดยการโทรไปหลอก หรือส่งเอสเอ็มเอสถึงชาวมาเลเซียด้วยกัน อุปโลกน์เป็นสำนักทรงเจ้า อ้างว่ากำลังมีเคราะห์ อาจโดนคดีความ โดยให้คนในแก๊งโทรไปสวมรอยเป็นตำรวจ อ้างว่าเหยื่อพัวพันเรื่องผิดกฎหมาย หรือทางการเงิน ให้ทำบุญครั้งละ 50 ริงกิต จะได้หมดเคราะห์ พร้อมส่งเลขเด็ด 4 ตัว ลุ้นหวยมาเลย์และผ้ายันต์ไปให้

...

ทั้งนี้ หากถูกรางวัลจะขอให้ทำบุญโดยโอนเข้าบัญชี 30% ซึ่งมีผู้เสียหายหลายคนถูกหวยก็พากันหลงเชื่อโอนเงิน ถ้าไม่ถูกก็ให้ทำบุญมาใหม่ โดยอ้างว่าดวงยังไม่หมดเคราะห์ ซึ่งในแต่ละวันมีคนเสียรู้หลายคน มีรายได้วันละ 1,000-8,000 ริงกิต หรือเดือนละ 240,000 ริงกิต หรือคิดเป็นเงินไทย 2 ล้านบาท

"ความเสียหายเป็นชาวมาเลเซียทั้งหมด โดยมีหัวหน้าแก๊ง ชื่ออาคุณ เดินทางเข้าออกมารับเงินทั้งหมดในแต่ละสัปดาห์ และมาจ่ายเงินให้ลูกทีม ตม.สามารถรวบตัวได้ทั้งหมด"

เบื้องต้นให้ ตม.จว.สงขลา ทำการเพิกถอนวีซ่าทั้งหมด พร้อมส่งตัวให้ทางการมาเลย์กลับไปดำเนินคดี.