กลุ่มทนายความป้ายแดงรวมตัวร้องกองปราบ หลังตกเป็นเหยื่อถูกรุ่นพี่มหา'ลัยหลอกใช้เป็นเครื่องมือตุ๋นเงินนักโทษคดียาเสพติดที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยที่ไม่รู้ว่าเอกสารที่ไปส่งเป็นเอกสารปลอม จึงต้องวิ่งร้องให้ข้อมูลตำรวจช่วย...
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พากลุ่มทนายความ จำนวน 10 คน เข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. เพื่อให้ข้อมูลการกระทำผิดของ น.ส.ธนิตา มีลาภ อดีตทนายความและพวก เนื่องจากถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดเกี่ยวกับกรณีหลอกเอาเงินจากนักโทษในคดียาเสพติดที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยนำหลักฐานเอกสารต่างๆ มามอบเพื่อประกอบการพิจารณา
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ธนิตา สาวทอม อดีตทนายความ เนื่องจากถูกเพิกถอนใบอนุญาตทนายความตั้งแต่เมื่อปี 2558 ได้เข้ามาตีสนิทกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) จนคบหาดูใจและแต่งงานกัน แต่ต่อมา น.ส.ธนิตา ได้ใช้ความเชื่อใจหลอกใช้พ่อของ น.ส.เอ ซึ่งรู้จักกับ ผอ.เรือนจำแห่งหนึ่ง เพื่อขอรายชื่อนักโทษในคดียาเสพติด ก่อนจะมาติดต่อเข้าเยี่ยมเพื่อพูดคุยกับบรรดานักโทษเหล่านี้ เพื่อหลอกลวงเอาเงินจากนักโทษ โดยการอ้างว่าสามารถช่วยวิ่งเต้นลดโทษทางคดีให้ได้ แต่ต้องยอมจ่ายค่าดำเนินการรายละ 2 แสนบาท เมื่อนักโทษหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จึงได้ให้ น.ส.ธนิตา ติดต่อกับญาติพี่น้องของนักโทษเพื่อดำเนินการเรื่องเงินค่าใช้จ่าย
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า เมื่อได้รับเงินมาแล้ว น.ส.ธนิตา จะหลอกให้กลุ่มน้องๆ ทนายความเหล่านี้ที่เพิ่งจบใหม่ ช่วยทำคดีให้ ด้วยการนำเอกสารใบรับรองขอลดหย่อนโทษในคดียาเสพติดจากโรงพักเจ้าของคดีที่ น.ส.ธนิตา ทำปลอมขึ้นมามอบให้กับทนายความเหล่านี้นำไปยื่นคำร้องต่อศาล โดยที่ทนายความเหล่านี้ไม่ทราบว่าเป็นเอกสารที่ทำปลอมขึ้นมา และไม่ทราบว่ามีการเรียกรับเงินเพื่อวิ่งเต้นช่วยคดี จึงยอมทำให้ กระทั่งต่อมามีการตรวจสอบพบว่าเป็นเอกสารปลอม เพราะไม่สามารถเรียกตำรวจเจ้าของเรื่องในการขอลดหย่อนโทษมาเป็นพยานได้ จนศาลได้ยกคำร้องดังกล่าวในภายหลัง ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อยอมโอนเงินเป็นค่าวิ่งเต้นคดีให้กับ น.ส.ธนิตา ประมาณ 20 คน รวมมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ส่วนการที่กลุ่มทนายความเหล่านี้ และ น.ส.เอ ได้รวมตัวกันมาขอลงบันทึกประจำวันให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบฯ ในวันนี้นั้น เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว
...
ด้านเหยื่อที่เป็นทนายความป้ายแดง กล่าวว่า รู้จักกับน.ส.ธนิตา เพราะเคยเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน มีชื่อเสียงประวัติดี หลังจบออกมา น.ส.ธนิตา ได้ชวนให้ไปทำงานด้วย โดยบอกว่าเปิดสำนักงานทนายความที่ รังสิต-ปทุมธานี คลองสาม ต้องการให้มาช่วยงาน ส่งเอกสารเรื่องการลดโทษคดียาเสพติด ไปให้เจ้าหน้าที่ศาล จึงคิดว่าเป็นเรื่องจริง รวมทั้งถือว่าเป็นการช่วยเหลือนักโทษที่ทำความดีให้ได้รับโทษน้อยลง จึงร่วมทำงานเรื่อยมา โดยที่ไม่รู้ว่าเอกสารที่ไปส่งเป็นเอกสารปลอม จนสุดท้ายเกิดความสงสัยเพราะทุกเรื่องที่ยื่นไป ไม่เคยสำเร็จเลยสักราย จึงรู้ว่าถูกหลอกก่อนจะรวมตัวกันมาให้ข้อมูลตำรวจกองปราบปราม
ด้าน พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า คดีนี้ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. และ กก.4 บก.ป. สอบปากคำกลุ่มทนายความที่มาให้ข้อมูลเพื่อใช้เป็นหลักฐานเบื้องต้นในการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา ขณะเดียวกันยังได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. สืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.ธนิตา มาดำเนินคดีด้วยเนื่องจากศาลอุทธรณ์ได้ออกหมายจับกุมผู้ต้องหารายนี้ไว้แล้วในคดีความผิดลักษณะเดียวกัน เนื่องจาก น.ส.ธนิตา หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาให้จำคุกผู้ต้องหารายนี้เป็นเวลา 9 ปี.