กองปราบรวบ “ปริญญา จารวิจิตร” พี่ชายบูมดารานักแสดง หัวโจกโกงบิทคอยน์ คาสุวรรณภูมิ คุมสอบเงียบ ก่อนหิ้วฝากขัง ค้านประกันกลัวหนี

เมื่อวันที่ 11 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองปราบปราม (บก.ป.) ว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ว่าได้จับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญตามหมายจับของศาลอาญาตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป เดินทางไปประสานงาน ก่อนจับกุมตัว นายปริญญา จารวิจิตร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/22 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1693/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2561 ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ก่อนจะรีบนำตัว นายปริญญา เดินทางมาสอบสวนที่กองปราบปรามตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้ทนายความเข้าร่วมสอบสวนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ นายเออาร์นี่ โมตาวา ซาริมา อายุ 23 ปี เจ้าพ่อเงินอิเล็คทรอนิคตระกูลบิตคอยน์ชาวฟินแลนด์ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. ระบุว่า นายปริญญากับพวกได้ร่วมกันฉ้อโกงเงินบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 797 ล้านบาทด้วยการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในตลอดหลักทรัพย์แต่กลับมีการถ่ายเทเงินไปยังที่ต่างๆโดยไม่ได้ทำตามที่ตกลงกันไว้ ต่อมาพนักงานสอบสวนกองปราบฯได้สอบสวนขยายผลจนพบว่าคดีนี้มีผู้กระทำความผิดประกอบด้วย นายปริญญา ที่เป็นหัวโจกสำคัญในคดี นายธนสิทธิ์ จารวิจิตร นายจิรพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิตร ดารานักแสดง น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิตร สี่พี่น้อง และนายวิสิทธิ์ จารวิจิตร และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิตร บิดาและมารดา รวมทั้งนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้กว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์ และนายชาคริส อาห์มัด ผู้บริหารบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ นายประสิทธิ์ และนายชาคริส นั้นผู้เสียหายได้มาถอนแจ้งความไปแล้วหลังจากตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันได้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหารายอื่นพนักงานสอบสวนได้ทยอยแจ้งข้อหาไปแล้วในฐานความผิดเกี่ยวกับร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ในขณะที่นายปริญญาได้หลบหนีไปสหรัฐอเมริกาก่อนที่หมายจับจะออกเพียงไม่กี่วัน

...

มีรายงานว่าก่อนการจับกุมตัวนายปริญญา ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนี้นั้น สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.ชาคริต ได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายปริญญาเพื่อกดดันตัวให้เดินทางกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้ทำเรื่องยกเลิกหนังสือเดินทางตามที่กองปราบฯร้องขอ ทำให้นายปริญญาจำเป็นต้องเดินทางกลับเนื่องจากไม่สามารถอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ กระทั่งวันที่ 10 ตุลาคม เวลาประมาณ ‪23.20 น.‬ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากฝ่าย ตม.ขาเข้า ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าจะมีบุคคลตามหมายจับเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร จึงพร้อมกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณฝ่าย ตม.ขาเข้า โซนตะวันตก โดยพบ นายปริญญา เดินทางกับสายการบินเอเซียนน่าแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OZ741 ที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลี โดยมีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหายจับดังกล่าวจึงเข้าควบคุมตัวและแจ้งข้อหาให้ทราบทันที ก่อนที่จะควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม

โดยเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ โดยจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาเวลา 09.30 น. วันที่ 12 ตุลาคมนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนอาจจะพิจารณาคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่จะหลบหนี.