ตามยึดทรัพย์ บ้านหรู ร้านอาหารดัง เครือข่าย “ผู้การสุทิพย์” อดีตผู้การเลยอมเงินลูกน้อง 240 ล้าน รองผบช.ภ.4 เผยมีประชาชนตกเป็นเหยื่อด้วย สาวถึงใครเอาผิดหมด
เวลา 14.00 น. วันที่ 10 ก.ย.61 พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้ากองข่าวกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น สนธิกำลังร่วมตำรวจท่องเที่ยว, บก.สส.ภ.4 กำลังทหารและฝ่ายปกครองรวมกว่า 50 นาย กระจายกำลังกันตรวจยึดทรัพย์สินที่เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จากกรณีการนำเงินของข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลย วงเงินรวม 240 ล้านบาท ที่ข้าราชการตำรวจ 196 นายนั้นตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ แต่กลับถูกนำไปลงทุนและไม่ยอมคืนเงินให้กับข้าราชการตำรวจทั้งหมดมาตั้งแต่ปี 2560
ทั้งนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นพร้อมกันรวม 4 จุด ประกอบด้วย บ้านหรูของโครงการบ้านจัดสรรชื่อดังแห่งหนึ่งริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น, โครงการบ้านจัดสรรหรู ริม ถ.มะลิวัลย์ ห่างจาก ท่าอากาศยาน จ.ขอนแก่น 2 กม. พื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น, ร้านคาร์แคร์ ชื่อดัง ริม ถ.หน้าเมืองเขตเทศบาลนครขอนแก่น และจุดสุดท้าย คือร้านอาหารกึ่งผับชื่อดัง ตั้งอยู่ริม ถ.กัลปพฤกษ์ ห่างจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประมาณ 500 เมตร

...
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ไม่พบผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง หรือมีผู้ใดอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงติดหมายศาลไว้ที่บริเวณประตูบ้านเพื่อทำการยึดอายัด โดยให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบภายใน 30 วัน หากไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลก็จะถูกอายัดเป็นของกลางในคดีทันที
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการทุจริตฉ้อโกงประชาชนเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ กล่าวว่า ในการตรวจค้นครั้งนี้คณะทำงานร่วม บช.ภ.4 และ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. นั้นได้ลงพื้นที่ตรวจค้นและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ ทั้งหมด 10 จุด ในพื้นที่ จ.ขอนแก่นวันนี้ 4 จุด โดยทำการยึดอายัดไว้เพื่อตรวจสอบทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 20 ล้านบาท โดยให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นต้องนำเอกสารหลักฐานต่างๆมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายใน 30 วัน หากเกินระยะเวลาที่กำหนดก็จะถูกอายัดเป็นของกลางในคดีดังกล่าวทันที
“ในครั้งแรกเรายึดทรัพย์เครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ ไปแล้ว ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 60 ล้านบาท ตามอำนาจของการยึดทรัพย์ของ ปปง. โดยคดีนี้ จากการสอบสวนพบว่า ผู้เสียหายในคดีแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของ พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้นมีผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดี โดยเฉพาะของข้าราชการตำรวจ 194 นาย ขณะที่เครือข่ายหรือผู้ร่วมขบวนการเบื้องต้นจะถูกสั่งฟ้องดำเนินคดีรวม 4 คน และยังคงพบอีกว่า นอกจากตำรวจที่ตกเป็นผู้เสียหายแล้วนยังคงมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคดีฉ้อโกงประชาชนที่นำเงินไปร่วมลงทุนกับเครือข่ายดังกล่าวและวันนี้ได้กลายเป็นผู้เสียหาย อีก 40 คน ซึ่งเข้าให้ปากคำและแจ้งความเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว”
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนจนพบว่าคดีนี มีเครือข่ายแชร์ลูกโซ่รายใหญ่ระดับประเทศ ที่มีวงเงินหมุนเวียน มากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยผู้ต้องหารายสำคัญ ทำหน้าที่เป็นผู้บงการหรือทำหน้าที่เป็นต้นเรื่อง นำเงินจากผู้เสียหายทั้งประเทศไปลงทุนนั้น ขณะนี้เราทราบตัวแล้วและอยู่ในช่วงของการดำเนินการขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับ แต่ยังคงไม่ขอเปิดเผยข้อมูลเพราะเกรงว่า ผู้ต้องหารายสำคัญรายนี้จะหลบหนีได้
ในส่วนการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ พร้อมพวกอีก 3 รายนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการประสานแนวทางการทำงานและตรวจสอบสำนวนการสอบสวนร่วมกัน โดยจัดส่งพนักงานสอบสวน ของ สตช.มาประจำที่ บช.ภ.4 เพื่อทำงานร่วมกันเป็นทีม เนื่องจากป็นคดีที่สำคัญ และมีผู้เสียหายจำนวนมาก ทำให้การส่งสำนวนคดีให้กับอัยการ จ.ขอนแกน นั้นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ ต้องสอบปากคำผู้เสียหายทุกปากให้ครบ และขณะนี้ครบถ้วนแล้ว จะสามารถส่งสำนวนสั่งฟ้องในคดีฉ้อโกงประชาชนได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นไปตามระยะเวลาที่ตำรวจและ บช.ภ.4 กำหนด ขณะที่การสืบสวนสอบสวนเพื่อยึดทรัพย์และตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งการยักยอก ถ่ายโอนทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ต้องหา ยังคงดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง สาวถึงใครตำรวจจะยึดทรัพย์มาเพื่อตรวจสอบทั้งหมด