สาวสะเดาร้องตำรวจกองปราบ ช่วยเร่งรัดคดีถูกผู้ใหญ่บ้าน ดาบตำรวจทางหลวงขับรถไล่ยิง เผยทำทีอ้างเข้าใจผิด คิดว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หวังรีดทรัพย์

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 4 ก.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ศิรินทร บุญจันทร์ อายุ 33 ปี ชาว อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมด้วย ร.ต.อ.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ อดีตข้าราชการตำรวจ และนายไชยา คุ้มอำ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญผล สว.(สอบสวน) กก.6 บก. ป.เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตำรวจกองปราบปรามช่วยเร่งรัดคดีที่ น.ส.ศิรินทร ถูกผู้ใหญ่บ้าน ดาบตำรวจทางหลวง และชาวบ้านอีกหนึ่งคน ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถ ขณะขับอยู่บนถนนสี่แยกตลาด บ้านปริก ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อคืนวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้คดีกลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

น.ส.ศิรินทร กล่าวว่า ตนเป็นพนักงานของห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาสะเดา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.50 น. ของวันที่ 20 ส.ค. หลังจากเลิกงานตนได้ขับรถยนต์เก๋งกลับบ้านอยู่ที่ บ้านทุ่งหมอ ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยขับรถไปตามถนนบ้านปริก-บ้านคลองรำ เมื่อถึงถนนสี่แยกตลาด บ้านปริก ได้มีรถยนต์คันหนึ่งขับตามหลังมา เปิดไฟสูงไฟใส่ลักษณะขอทาง จึงได้ขับชิดขอบทาง แต่รถคันดังกล่าวไม่ยอมแซงกลับเปิดไฟสูงต่ำสลับกัน ตนรู้สึกผิดสังเกต และเห็นเป็นที่เปลี่ยว จึงได้เร่งความเร็วเพื่อหลบหนี แต่รถคันดังกล่าวยังขับไล่ติดตาม กระทั่งไปถึงบริเวณสะพานห้วยสวนใหญ่ ม.1 ต.ทุ่งหมอ ได้มีรถกระบะขับตาม ทราบภายหลังว่าเป็น นายวิพันธ์ คงสกุล หรือผู้ใหญ่บ้านหนุ่ย ม.6 ต.ทุ่งหมอ ได้ขับแซงปาดหน้า ตนจึงได้หยุดรถ นายวิพันธ์ ได้ลดกระจกด้านคนขับ จังหวะนั้นเหลือบเห็นอาวุธปืนสั้นอยู่ในมือ ผู้ใหญ่หนุ่ย ด้วยความตกใจกลัวจึงได้ขับรถหนี และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงขับรถไปจอดหน้าบ้านของชาวบ้านรายหนึ่งเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาคดีของตนไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควรแม้ว่าจะมีการเข้าร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ แล้วหลายที่ก็ตาม จึงอยากให้กองปราบเข้ามาช่วยสืบสวนเร่งรัดคดีดังกล่าว

...

ร.ต.อ.วัชรินทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทราบว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุดังกล่าวมีประมาณ 3 คน ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงยศดาบตำรวจ และชาวบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อย ประมาณ 4-5 ครั้ง โดยพฤติการณ์ของคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นการกระทำเพื่อหวังรีดทรัพย์จากเหยื่อ และมักจะใช้แผนประทุษกรรมเดียวกัน โดยการอ้างว่าเข้าใจผิดคิดว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด เมื่อมีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ สภ.สะเดา มักไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เท่าที่ควร ส่วนใหญ่คดีจะล่าช้า อีกทั้งทางพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา และข้าราชการท้องถิ่น ก็มักจะมาเป็นคนกลางช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อขอให้ยอมความกัน หากไม่ยอมความเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย ผู้เสียหายส่วนใหญ่จึงได้ยอมความ ทั้งนี้ตนจึงได้พาผู้เสียหายมาเข้าร้องทุกข์กับกองปราบช่วยรับทำคดีดังกล่าว และคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อ.สะเดา นี้ด้วย เนื่องจากเชื่อว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ถือเป็นผู้มีอิทธิพล และน่าจะมีผู้หนุนหลังอยู่เบื้องหลัง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา พร้อมกับสอบปากคำผู้ร้องไว้เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานของผู้ร้อง ก่อนรวบรวมเรื่องราวทั้งหมดส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารราสั่งการดำเนินการต่อไป.