“รองโจ๊ก-สุรเชษฐ์” นำกำลังตำรวจ-ปปง. ลุยค้น 12 จุด ยึดทรัพย์-บ้านหรู-รถยนต์ ‘เจ้าหน้าที่ศาล’ คนสนิท ‘พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช’ อดีตผู้การเลย โกงเงินโครงการกู้รวมหนี้ เสียหายนับพันล้าน

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 ก.ย.61 ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์รอง ผบช.ภ.4 ร่วมกันปล่อยแถวกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กว่า 300 นาย เพื่อออกปฏิบัติการขุดรากถอนโคนอาชญากรรมทำบ้านเมืองน่าอยู่ จังหวัดขอนแก่น โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 6 ชุด ลงพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร เลียบบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น และที่บ้านโนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด เพื่อทำการตรวจค้นและยึด อายัดทรัพย์เพื่อตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ นางวรวีร์ โพธิ์ศรี ภรรยา อายุ 58 ปี ภรรยา ร.ต.อ.สมเผ่า โพธิ์ศรี อายุ 60 ปี รอง สว.ป.สภ.ปากชม จ.เลย หนึ่งในเหยื่อที่เข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ฯ ของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สกพ. อดีต ผบก.ภ.จว.เลย เกิดความเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก หามส่ง รพ.เลย และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมนายตำรวจจาก จ.เลย อีก 15 นาย เข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กรณีที่ถูก พล.ต.ต.สุทิพย์ กับพวก ชักชวนเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย จนกลายเป็นหนี้สิน จำนวนมาก ซึ่งเมื่อสามีเสียชีวิตก็ไม่มีรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว ขณะนี้ก็ยังไม่ผ่าศพของสามีด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รับปากว่า จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จากนั้นทั้งหมดก็เดินทางกลับทันที

...

ในเวลาต่อมากำลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้น ยึด และอายัดทรัพย์ บ้านและทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.เลย จากกรณีการทุจริตโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.เลย โดยมีข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลย เสียหาย รวม 192 นาย คิดเป็นเงินรวม 240 ล้านบาท รวมถึงคดีแชร์ลูกโซ่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท

จุดแรก กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น ยึดอายัดบ้าน 3 หลัง เลขที่ 999/35/36/37 ภายในหมู่บ้านบุราสิริ ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบนายเกรียงไกร เกตพิบูลย์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นคนที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 999/37 จึงได้แสดงหมายค้น เข้าตรวจค้น ยึดอายัดทรัพย์สินในบ้าน มีทั้งทีวี ตู้เย็น แอร์ เครื่องซักผ้า และเอกสารต่างๆ รวมถึงรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ BMW สีขาวทะเบียน ขก-2772 ขอนแก่น อีกจำนวน 1 คัน พร้อมบ้านหลังดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ยังได้ไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 365 ม.6 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นของบิดาภรรยาของนายเกรียงไกร ซึ่งก็พบ น.ส.เสาวลักษณ์ แสนเจ้ก อายุ 24 ปี ภรรยานายเกรียงไกร พักอยู่ในบ้านด้วย เจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 3 สีแดง ทะเบียน ขก-7100 ขอนแก่น จำนวน 1 คัน และได้เชิญตัวมาสอบปากคำ

จากการสอบปากคำในเบื้องต้น นางสาวเสาวลักษณ์ ให้การว่า เป็นภรรยาของนายอาร์ต หรือเกรียงไกร จริง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการชักชวนผู้อื่นเอาเงินมาร่วมทุนเล่นหุ้นด้วย เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงที่นายเกรียงไกรคบหากับนางนุช หรือ นางธิญาดา แต่ทราบว่ามีการแบ่งผลประโยชน์ให้แก่ผู้ร่วมลงทุนด้วย และทราบว่าทั้งนางนุช และนายอาร์ตรู้จักกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ เพราะนายอาร์ตเคยเอาข้อความที่คุยกันทางไลน์กับอดีตผู้การสุทิพย์มาให้อ่าน

นางสาวเสาวลักษณ์ แสนเจ้ก อายุ 24 ปี กล่าวว่า เมื่อเห็นสิ่งที่สามีทำ คิดว่าได้เงิน จึงนำเงินสดส่วนตัวร่วมลงทุนกับสามี เริมต้นจาก เงิน 4 แสนบาท ซึ่งก็ได้เงินปันผลอาทิตย์ละ 3% เมื่อได้เงินมาก็ไม่ได้ถอนออกมาใช้ แต่ได้นำเงินสด สมทบเพิ่มทุนขึ้นไปเรื่อยๆ ญาติพี่น้องเห็นว่ามีรายได้ดี ก็นำเงินมาร่วมทุนด้วย รวมแล้ว 14 ล้านบาท กระทั่งเดือนกรกฎาคม 2560 รายได้ก็ชะงักจนถึงปัจจุบันและเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย

“โดยสามีได้นำเงินไปซื้อบ้าน 3 หลังด้วยเงินสด ที่หมู่บ้านบุราสิริ ริมบึงหนองโคตร โดยบ้านเลขที่ 999/35 ซื้อด้วยเงินสดในนามชื่อของมารดา ในราคา 5 ล้านบาท ส่วนเลขที่ 36 ซื้อในชื่อของภรรยา ด้วยเงินสด 6 ล้านบ้าน และเลขที่ 37 นายเกรียงไกร ซื้อเป็นชื่อตัวเองในราคา 6 ล้านบาท แล้วมีการต่อเติมบ้านเลขที่ 36 และเลขที่ 37 เชื่อมต่อก่อน ส่วนบ้านเลขที่ 35 ที่ซื้อในชื่อของมารดานั้น ปัจจุบันมีการขายฝากให้กับบุคคลอื่นแล้ว”

ภายหลังตรวจค้น ยึด อายัดทรัพย์สินของนายเกรียงไกรแล้ว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่สนธิกำลังกันเพื่อเข้าตรวจสอบ ยึด อายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 พร้อมกัน รวม 12 จุด คือ ในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ และจังหวัดขอนแก่น ในส่วนของจังหวัดขอนแก่นนั้น ยึดอายัดบ้านรวม 6 หลัง พร้อมเอกสารและทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ ทุกจุดยึดอายัดตามอำนาจของพนักงานสอบสวน จากนั้นก็จะมีการดำเนินการตามอำนาจของ ปปง.

ทุกจุดมีความเชื่อมโยงกัน ที่ ปปง. มีการตรวจสอบที่มาที่ไปของเส้นทางการเงินจากบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งเป็นอดีตเป็นนิติกรของศาลจังหวัดเชียงใหม่ และย้ายมาที่จังหวัดขอนแก่น ก่อนจะลาออกมาชักชวนประชาชนร่วมลงทุน โดยพบว่ามีเงินสดหมุนเวียนในบัญชีจำนวน 15 ล้านบาท บุคคลที่ถูกตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์ในครั้งนี้ เกี่ยวพันกับความเดือดร้อนของประชาชน ที่นำเงินมาร่วมลงทุนแล้วนำไปเล่นหุ้นหรือแชร์ลูกโซ่ และตำรวจที่จังหวัดเลย ที่ถูกฉ้อโกงเงินไป รวมมูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท ซึ่งเมื่อยึดอายัดทรัพย์มาแล้วก็จะมีการนำทรัพย์ไปเฉลี่ยเป็นเงิน เพื่อนำเงินมาคืนให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของบุคคลเหล่านี้ นอกจากนี้ยังจะขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 10 กว่าราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่จะถูกยึด และอายัดจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวกว่า 100 ล้านบาท

...

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บช.ทท. และ พ.ต.อ.จุมพล อินทลักษณะ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจค้นบ้านหรู เลขที่ 16/101 ภายในหมู่บ้านหรูย่านบางแค แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค เนื่องจากพบว่าบ้านดังกล่าวเป็นของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ซึ่งทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น พบบ้านถูกปิดไว้ไม่มีผู้พักอาศัย ตำรวจจึงได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.สุทิพย์ เพื่อขอความร่วมมือในการนำค้นบ้านพัก จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง นางเรวดี ผลิตกุศลธัช ภรรยาของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ได้เดินทางเข้ามาที่บ้านพัก พร้อมรับทราบหมายค้นของศาล และให้ความร่วมมือในการนำเข้าค้น

ทั้งนี้ในส่วนของ พล.ต.ต.สุทิพย์ เบื้องต้นยังไม่เดินทางเข้ามาที่บ้านพัก แต่จากการประสานงาน ทราบว่า อยู่ระหว่างทำธุระส่วนตัว ซึ่งจะเข้ามาร่วมนำตรวจค้นในภายหลัง.