“สันธนะ ประยูรรัตน์” หอบหลักฐานขอโอกาสศาลพิสูจน์ข้อเท็จจริง ในคดีกรรโชกทรัพย์และซ่องโจร ตลาดใหม่ดอนเมือง มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ ยืนยันยังคงให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.ย. 61 ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานที่ปรึกษา บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ ดอนเมือง ได้เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังศาลนัดตรวจหลักฐาน ในคดีดำ อ. 1951/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานที่ปรึกษา บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ ดอนเมือง จก.กับ พวกรวม 11 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมือง ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 59 เป็นเงิน 750,000 บาท และความผิดฐานซ่องโจร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติการณ์ของคดี คือ การเรียกเก็บเงินรายเดือนจากผู้ค้าขายที่เช่าพื้นที่ในตลาดใหม่ดอนเมือง ประมาณร้านละ 1,000-3,000 บาทต่อเดือน รวมทั้งค่าจอดรถยนต์อีกเดือนละ 700 บาท ส่วนรถจักรยานยนต์ 300 บาท ซึ่งจะเรียกเก็บเงินดังกล่าวของทุกเดือนในปลายเดือน โดยพวกจำเลยมีพฤติกรรมลักษณะข่มขู่คุกคามผู้ค้าขาย จนทำให้เกิดความหวาดกลัว หากไม่ยอมจ่ายเงิน และอาจทำให้เกิดความเดือดร้อนในการค้าขาย

โดยในวันนี้ พ.ต.ท.สันธนะ เดินทางมาศาล ได้เดินทางมาศาล พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้เป็นคดีหลักมุ่งเป้ามาที่ตนโดยตรง จะขอโอกาสพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างที่เรียนกับสังคมว่าเกิดอะไรขึ้น ไปถึงต้นน้ำว่าเขาทำอะไรอย่างไร เป็นเรื่องที่ตนทราบชะตากรรมมาโดยตลอดก่อนเกิดเหตุ เมื่อเกิดขึ้นจึงไม่ได้รู้สึกตระหนกตกใจ ถ้าพุ่งเป้ามาที่ตนคนเดียวไม่ติดใจ แต่มันมีผลกระทบกับคนอื่นอย่างกลุ่มผู้ค้า ตนมีความรับผิดชอบ นอนไม่หลับทุกคืน เพราะยอมรับว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบเดือดร้อนด้วย การค้าในตลาดถูกมองว่ามีมาเฟีย กระทำผิดกฎหมายเยอะแยะ ซึ่งมันเป็นการค้าขายปกติ ที่บอกว่าจะตรวจค้นจับกุมมันมีอีกไหม มาตรฐานมีอีกไหม หลังจากที่ตลาดใหม่ดอนเมืองก็ไม่เห็นจะไปทำที่ไหน ไม่เห็นบูรณาการอะไรอย่างที่เคยพูดมา กล่าวหาตนมากมายทุกเรื่อง ตนก็แสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง โดยไปที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ ตนไม่มีทรัพย์สินอะไรเพิ่มขึ้นมามากมาย

...

“ข้อเท็จจริงผมอยากให้ศาลท่านพิพากษาเลยในวันนี้พรุ่งนี้ สังคมจะได้ประจักษ์ แล้วพื้นที่ที่พวกคุณอยู่และผมอยู่ จะได้รู้ ถ้าผมผิดเหมือนอย่างที่พวกคุณกล่าวหาผม ผมก็ขอจบตัวเองจริงๆ ในชีวิตนี้ ผมรู้ว่าผมสู้กับอะไร แต่เนื่องจากว่าถ้าผมไม่สู้แล้วปล่อยให้สังคมเป็นไปอย่างนี้ เขานึกจะทำอะไรกับใครยังไงก็ได้ เผอิญผมมันพอมีกำลังที่จะสู้ แต่กับคนอื่นผมได้รับเรื่องอีกหลายๆ เรื่องที่เขาถูกกระทำโดยองค์กรนี้” พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวด้วยว่า ตนทราบดีว่าอัยการก็หนักใจในคำฟ้องที่ยื่นฟ้อง ตนรับราชการมา 20 กว่าปี ขอพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้มากที่สุด ที่หาว่าตนเป็นหัวหน้าซ่องโจร กรรโชกทรัพย์แล้วจะเดินอยู่ในสังคมได้อย่างไร ตนก็ประกาศแล้วใครที่หาว่าตนกรรโชกทรัพย์ก็มาช่วยแจ้งความดำเนินคดีกับตนให้ชัดเจน ไม่ใช่มีตำรวจกลุ่มเดียวพูด หากตนผิดก็ไปขอโทษ ถ้าตนผิดแล้วหน้าด้านพูดให้สังคมรับทราบอย่างนี้ไม่ใช่ตน ตนก็เป็นอย่างนี้มาเกือบ 20 ปีหลังพ้นราชการตำรวจ และยืนยันหนักแน่นพร้อมสู้ตลอดไม่มีเลิกรา.