สืบ บางขุนเทียน ตามจับคู่รักทอม-ดี้ทาสยานรก แฉพฤติกรรมฝ่ายหญิงสุดแสบบินเดี่ยวย่องลักทรัพย์ตามห้องพักและบ้านเหยื่อที่นอนหลับไม่ล็อกประตู ผู้เสียหายเข้าชี้ตัวเพียบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ส.ค. 61 พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ รอง ผกก.สส.สน.บางขุนเทียน พร้อม พ.ต.ท.จารุกิตติ์พัฒน์ สุขยิ่ง และ พ.ต.ต.นพดล คงสัตรา สว.สส.สน.บางขุนเทียน นำกำลังฝ่ายสืบสวนเข้าจับกุมตัว น.ส.สุพัตรา หรือ “จุ๊บแจง” สุวรรณศร อายุ 34 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 19 เม็ด ไอซ์ ประมาณ 1 กรัม กล้องดิจิตอล 4 ตัว โน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 14 เครื่อง นาฬิกาข้อมือ 40 เรือน พระเครื่อง 26 องค์ กระเป๋าถือ 51 ใบ และตั๋วฝากขายทองรูปพรรณ 4 ใบ โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่าเลขที่ 3A7 ชั้น 3 อัญเชิญฉัตรอพาร์ตเมนต์ ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กทม.
พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีพลเมืองดีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเบาะแสว่า พบบุคคลต้องสงสัยเพศหญิงตัดผมสั้น อายุราว 30-35 ปี เดินวนไปมาคล้ายคนเมายาเสพติด และยังมีพฤติกรรมด้อมๆ มองๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูตามห้องต่างๆ ภายในอัญเชิญฉัตรอพาร์ตเมนต์ จึงสั่งการให้กำลังฝ่ายสืบสวนรุดไปตรวจสอบ พบ น.ส.สุพัตรา กำลังอยู่ในอาการเหม่อลอย เมื่อสอบถาม เจ้าตัวยอมรับเองว่าเพิ่งเสพยาบ้ามาหมาดๆ และปัจจุบันพักอาศัยอยู่กับสาวทอมที่เพิ่งคบหากัน ในห้องเช่าเลขที่ 3A7 ชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว
เมื่อชุดจับกุมขึ้นไปตรวจสอบ ที่ห้องพักก็พบ น.ส.นันทิภาคย์ หรือ “เป้ย” ปานจร อายุ 36 ปี สาวทอมเจ้าของห้องเช่า พร้อมยาบ้าวางอยู่ตรงหน้าจำนวน 5 เม็ด โดย น.ส.นันทิภาคย์ ยอมรับว่ายาบ้าทั้ง 5 เม็ดนั้น เป็นของตนเอง หาเงินจากการรับจ้างวิ่งรับส่งเอกสารนำเงินมาซื้อเอาไว้เสพเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ น.ส.สุพัตรา แฟนสาวแต่อย่างใด ทั้งนี้เมื่อตรวจค้นในห้องพักอย่างละเอียดยังพบ ยาบ้า จำนวน 19 เม็ด กับไอซ์ 1 ซองเล็ก น้ำหนักประมาณ 1 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระปุกออมสินสีชมพูแบบใส่รหัสของ น.ส.สุพัตรา วางอยู่ที่หัวเตียงนอน
...
นอกจากนี้ ยังพบทรัพย์สินทั้งกล้องดิจิตอล โน้ตบุ๊ก นาฬิกาข้อมือ จอคอมพิวเตอร์ พระเครื่อง กระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย และเครื่องใช้ของสุภาพสตรีจำนวนหลายรายการ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้มาครอบครองอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถูกซุกเอาไว้ใต้เตียงนอนและในตู้เสื้อผ้า จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดเอาไว้ แล้วเชิญตัวทั้ง น.ส.สุพัตรา และ น.ส.นันทิภาคย์ ทอมคู่ขามาสงบสติอารมณ์ ทำการแยกสอบปากคำ และดำเนินคดีที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน
จากการสอบสวน น.ส.สุพัตรา ยอมรับว่า เมื่อปี 2552 เคยถูกจับดำเนินคดีลักทรัพย์และจำหน่ายยาบ้า ติดคุกนาน 8 ปี ได้รับอิสรภาพออกมาเมื่อเดือน ส.ค. 60 จากนั้นก็ไปอาศัยอยู่ในย่านบางพลัด ยึดอาชีพหมอนวดจับกษัยเส้นตามบ้านลูกค้า ช่วงไหนเงินขาดมือไม่มียาบ้าและไอซ์เสพก็จะเดินเท้าไปหาตระเวนลักทรัพย์ตามห้องเช่า อพาร์ตเมนต์ หรือบ้านพักที่เจ้าของนอนหลับพักผ่อนโดยไม่ปิดหรือไม่ล็อกประตูยามค่ำคืน เมื่อสำรวจดูลาดเลาว่าเจ้าของห้องหรือเจ้าของบ้านหลับสนิทก็จะย่องเข้าไปลักทรัพย์ออกมา เมื่อได้ทองรูปพรรณ ข้าวของมีค่า ก็จะนำไปขายที่ร้านรับซื้อย่านวงเวียนใหญ่ บางพลัด และมีนบุรี โดยครั้งที่ลงมือแล้วได้ทรัพย์สินมากที่สุดคือ เมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ย่องเข้าไปลักทรัพย์ที่ร้านเสริมสวยย่านจอมทอง ได้ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ และพระเลี่ยมทอง น้ำหนักรวมกว่า 13 บาท นำไปขายซื้อยาเสพจนเงินร่อยหรอ ก่อนมาพบรักกับ น.ส.นันทิภาคย์ ทอมคู่ขา แล้วตัดสินใจย้ายข้าวของมาอยู่ด้วยกันได้ราวๆ 3 เดือน
ด้าน พ.ต.ท.จารุกิตติ์พัฒน์ กล่าวว่า ดูจากแผนประทุษกรรมของ น.ส.สุพัตรา น่าจะก่อเหตุลักทรัพย์มาหลายครั้งในหลายพื้นที่ หากผู้เสียหายรายใดสงสัยเคยตกเป็นเหยื่อ ขอให้เดินทางมาดูของกลางได้ ซึ่งในส่วนของ สน.บางขุนเทียน นั้น มีผู้เสียหาย 3-4 ราย ที่เคยถูกลักทรัพย์ในช่วงเวลา 6-7 เดือนที่ผ่านมา เข้าชี้ตัวผู้ต้องหาพร้อมยืนยันทรัพย์สินของตัวเองแล้ว เบื้องต้น ชุดจับกุมจึงแจ้งแก่ น.ส.สุพัตรา ว่า มียาบ้าและไอซ์ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ และลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน ส่วน น.ส.นันทิภาคย์ ทอมคู่ขา ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่า ถูกแจ้งข้อหามียาบ้าในความครอบครองเพื่อเสพ ก่อนนำตัวทั้งคู่ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.