ญาติฮือประชาทัณฑ์ "ไอ้โฟร์" หลานบิ๊กสีกากี มือมีดจ้วงแทง "ยาย-หลาน" หวังชิงทรัพย์ ตร.ต้องนำเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกกันน็อกให้สวมใส่ ขณะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนจะรีบนำตัวกลับฝากขัง...

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 1 ส.ค.61 พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ พ.ต.อ.ดร.เพทาย ทัพมงคล รรท.ผกก.สภ.หล่มสัก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก และตชด. กว่า 100 นาย นำตัวนายวัชรพล สีมา หรือ โฟร์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 2 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาใช้มีดชิงทรัพย์ฆ่านางสนม เกษร อายุ 56 ปี และเด็กชายอรรถโกวิทย์ มณฑาจันทร์ อายุ 11 ปี สองยายหลานที่บ้านเลขที่ 73/2 หมู่ 3 หน้าวัดอินทร์เตชะสว่างวราราม ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านหลังที่ก่อเหตุ ท่ามกลางญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตที่กำลังเตรียมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย ภายหลังทราบข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำให้มีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงทยอยเดินทางมาดูการทำแผนกว่า 70 คน


เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนาพร้อมนำเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกกันน็อกให้นายวัชรพลสวมใส่ และนำตัวนายวัชรพลทำแผนตั้งแต่ขี่จักรยานจากบ้านของนายช้างจนมาถึงบ้านของผู้ตาย จนถึงขั้นตอนการเข้าบ้านและฆ่าผู้ตายโดยละเอียด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังกันญาติพี่น้องและชาวบ้านอย่างแน่นหนา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งทำแผนให้เสร็จอย่างรวดเร็วเพราะเวลายิ่งนานชาวบ้านยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจควบคุมไม่ได้ จากนั้นจึงให้นายวัชรพล มาจุดธูปขอขมาผู้ตาย ทันทีที่นายวัชรพลกราบก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนทันที ลูกและญาติพี่น้องผู้ตายได้พยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่เพื่อรุมประชาทัณฑ์พร้อมด่าสาปแช่งต่างๆ นานา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบวิ่งพานายวัชรพลขับขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว โดยจะนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมก่อนยื่นฝากขังที่ศาลจังหวัดหล่มสัก และคัดค้านประกันตัว 


...

ด้านนายพีรพล เกสร อายุ 32 ปี บุตรชายผู้ตายที่โกรธแค้นนายวัชรพลอย่างมากที่ฆ่าแม่และหลานอย่างโหดเหี้ยมทารุณได้ตะโกนร้องว่า "อย่าคิดว่าลุงมึงใหญ่ ญาติผมเป็นตำรวจอยู่ส่วนกลางบอกว่ามันมีหมายจับยาเสพติดตั้งแต่ปี 59 แล้วทำไมถึงไม่มีตำรวจไปจับมัน ถ้าผมไม่มีพี่อยู่ส่วนกลางเรื่องนี้ก็เงียบ"

นางจินตนา ทิพยเนตร อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของสามีนางสนม ได้ร้องไห้และขอความเป็นธรรมให้ญาติตนเองด้วยว่า "ทำไมมันเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตหรือไงแล้วเราล่ะ เราเป็นคนน้อยถึงไม่มีสิทธิ์มีเสียง น้ามันใหญ่แค่ไหน แล้วบ้านเมืองจะอยู่อย่างไรถ้าปกป้องมันอยู่ ถึงมันจะเป็นลูกหลานใหญ่โตก็ช่าง มันทำกับพี่น้องเราอย่างโหดร้าย ถ้ายังปล่อยมันอีก ถ้าไม่ประหารมันเราจะร้องถึงนายกรัฐมนตรี เรากลัวพี่น้องเราจะตายฟรี กลัวจังเลย"

ด้านพ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รองผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก ผู้บัญชาการภาค 6 และพล.ต.ต.สัณฑ์ โพธิ์รักษา ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ ได้กำชับให้เร่งรัดติดตามนำตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่ทำงานอย่างหนักตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนสามารถจับกุมคนร้ายได้ภายใน 7 วัน ซึ่งตรงกับวันที่เผาศพผู้ตายพอดี ซึ่งพยานหลักฐานที่ได้นั้นครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งของกลางที่เป็นจักรยานที่ใช้ในการกระทำความผิด โทรศัพท์มือถือ และการรับสารภาพของผู้กระทำผิด ขอให้พี่น้องประชาชนและญาติผู้เสียชีวิตมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ไม่มีการเข้าข้างคนกระทำความผิดอย่างแน่นอน ส่วนในกรณีที่ญาติของผู้ต้องหาเป็นนายตำรวจนั้นก็ไม่ส่งผลกระทบเพราะ เราเป็นตำรวจอาชีพและทำงานแบบมืออาชีพ และขอยืนยันว่าท่านผู้นั้นไม่เคยโทรศัพท์ติดต่อหรือประสานให้ช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น ขอให้สบายใจว่าเราอำนวยความยุติธรรมให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอนไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น.