ฉาวอีก!! สาวแบงก์จ่อดำเนินคดีกลุ่มรุ่นพี่ ปี 3 เทคนิคกรุงเทพ หลังสั่งทำโทษธำรงวินัยแบบทหาร-สกรัมลูกชายจนม้ามแตก อาการโคม่านอนห้อง ICU โดยให้เหตุผล พฤติกรรมไม่เหมาะเป็นนักศึกษาปี 2 เนื่องจากทำให้รุ่นน้องปี 1 อยู่ในระเบียบวินัย เคารพเชื่อฟังไม่ได้
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 20 ก.ค.61 น.ส.ประสบสุข เชียงเชาว์ไว อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว กรณี นายปวริศ หรือเปา รังสิต อายุ 19 ปี บุตรชายซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ย่านทุ่งมหาเมฆ ถูกรุ่นพี่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเดียวกันสั่งทำโทษในลักษณะการธำรงวินัยแบบทหารและทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อย จนมีอาการม้ามแตกต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักรักษาตัวในห้องไอซียู รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุได้พยายามขอชื่อ และนามสกุลผู้ก่อเหตุจากทางคณาจารย์ของทางสถาบันเพื่อนำเป็นหลักฐานในการเข้าแจ้งความกับทางตำรวจแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

...
น.ส.ประสบสุข กล่าวว่า เลิกกับสามีซึ่งเป็นพ่อของ นายปวริศ มาได้สักระยะแล้ว ตามปกติตนก็ไม่ได้อาศัยกับ นายปวริศ บุตรชาย เนื่องจากที่ทำงานอยู่ไกล ส่วนบุตรชายต้องไปเรียนหนังสือที่สถาบันย่านทุ่งมหาเมฆ จึงได้ให้บุตรชายอาศัยกินอยู่กับน้องสาวตนย่านถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน เพื่อความสะดวกต่อการเดินทางไปกลับระหว่างเรียนหนังสือ กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา น้องสาวโทรศัพท์มาบอกตนว่า ต้องพา นายปวริศ เข้าทำการผ่าตัดจากอาการม้ามแตกที่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยด่วน ตนรู้สึกตกใจมากจึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาล จากการพยายามสอบถามเจ้าตัว และเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันทีแรกทุกคนไม่มีใครกล้าบอก ต้องคาดคั้นความจริงอยู่นานกว่าจะยอมพูดความจริงว่าโดนรุ่นพี่ปี 3 คณะเดียวกัน จำนวน 2-3 คนสั่งทำโทษและร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
“ตลอดทั้งวันที่บุตรชายตนเข้ารับการผ่าตัดจนออกมานอนพักฟื้นรอดูอาการที่ห้องไอซียูนั้น ตนได้พยายามติดต่อไปสอบถามครูอาจารย์ที่สถาบันเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นพี่ที่ทำร้ายบุตรชายตนเพื่อนำไปแจ้งความแต่ยังได้รับการบ่ายเบี่ยงไม่ให้ความร่วมมือ จึงขอนำเรื่องเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชน ก่อนจะเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ในเวลา 09.00 น.วันที่ 20 ก.ค.นี้” น.ส.ประสบสุข กล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ห้องไอซียู ชั้น 4 อาคาร 100 ปี รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พบกลุ่มเพื่อนร่วมสถาบันของ นายปวริศ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งชายและหญิงกว่า 20 คน มารวมตัวกันเพื่อติดตามอาการของ นายปวริศ ด้วยความห่วงใย จากการสอบถาม นายตู่ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี เพื่อนสนิท ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่พวกตนซึ่งเป็นนักศึกษาชาย จำนวน 6 คน รวมถึงนายปวริศ กำลังเดินทางออกจากสถาบันหลังเลิกเรียน มีรุ่นพี่ปี 3 จำนวน 3 คน ทราบเพียงชื่อเล่น 2 คน คือ นายเต๋า และ นายกาย ส่วนอีกคนไม่ทราบชื่อมาแจ้งให้พวกตนทราบว่า พวกตนมีพฤติกรรมไม่เหมาะกับการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2
นายตู่ บอกอีกว่า รุ่นพี่ทั้ง 3 คนให้เหตุผล เนื่องจากพวกตนไม่สามารถทำให้รุ่นน้องปี 1 อยู่ในระเบียบวินัยและให้การเคารพเชื่อฟังบรรดานักศึกษารุ่นพี่ๆ ได้ ดังนั้นพวกตนซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ต้องรับโทษร่วมกัน จึงถูกรุ่นพี่ทั้ง 3 คนนั้นสั่งให้ลุกนั่ง วิดพื้น และออกกำลังตามคำสั่งในลักษณะธำรงวินัยแบบทหาร ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00-20.00 น.ของวันดังกล่าว โดยระหว่างที่พวกตนปฏิบัติตามคำสั่งนั้น นายเต๋า และ นายกาย ได้ใช้กำปั้นชกเข้าที่หน้าท้องพวกตนเป็นระยะๆ จน นายปวริศ ทนไม่ไหวฟุบลงกับพื้นการสั่งทำโทษจึงยุติ จากนั้นพวกตนก็ได้ช่วยกันพา นายปวริศ ไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นทีแรกคิดว่าแค่จุกและเกิดอาการเป็นลมธรรมดา ก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป จนช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ค.ทราบข่าวอีกทีว่า นายปวริศ ม้ามแตกต้องเข้ารับการผ่าตัดจึงชักชวนกันมาเยี่ยมเพื่อนเพื่อติดตามอาการด้วยความเป็นห่วง
ด้าน น.ส.รุ่งโรจน์ ขวัญโกมล อายุ 36 ปี น้าสาว นายปวริศ ซึ่งเป็นผู้พาตัวหลานเข้าพบแพทย์ เล่าว่า ดูแลหลานมาตั้งแต่ยังเล็ก นายปวริศ เป็นเด็กมีความรับผิดชอบสูง เรียนเก่งและชอบทำกิจกรรม เจ้าตัวศึกษาวิชาทหารจนจบชั้นปีที่ 5 สมัยเรียน ม.ปลาย ที่โรงเรียนวัดราชโอรส ก็เป็นกรรมการนักเรียน เมื่อสอบติดมหาวิทยาลัยก็ยังร่วมทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์กับเพื่อนๆ อยู่เสมอไม่เคยขาด ช่วงกลางดึกวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา นายปวริศ กลับจากมหาวิทยาลัยด้วยอาการอิดโรย หน้าซีด และบ่นให้ตนฟังว่า รู้สึกเจ็บปวดกล้ามเนื้อตามร่างกายหลายแห่งเนื่องจากไปเล่นฟุตบอลและเพิ่งออกกำลังกายกลับมา ตนจึงได้ให้ทานยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน
“กระทั่งเวลาตี 4 วันที่ 19 ก.ค. นายปวริศ มาเคาะห้องบอกตนว่าให้ช่วยพามาหาหมอเนื่องจากมีอาการอาเจียนและถ่ายท้องไม่หยุด ตนจึงพาหลานพาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการกระทั่งหลานยอมพูดความจริงว่าถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย โดยผลตรวจเบื้องต้นแพทย์แจ้งว่ามีเลือดออกในช่องท้องเพราะม้ามแตก และต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาม้ามออก ขณะนี้ นายปวริศ ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและนอนดูอาการในห้องไอซียู ซึ่งช่วงสายวันนี้ตนและพี่สาวในฐานะผู้ปกครองจะเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีกับรุ่นพี่ที่ทำร้ายร่างกายหลานตนให้ถึงที่สุด” น.ส.รุ่งโรจน์ กล่าว
...
ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า ที่ผ่านมาเคยมีกรณีพิพาทกันระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องจากประเพณีการรับน้อง ของสถาบันแห่งนี้จนเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงเดือน กรกฎาคม 2551 หรือเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ศาลแขวงพระนครใต้ เคยมีคำพิพากษาให้ 3 นักศึกษารุ่นพี่ชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจ หลังจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ของสถาบันด้วยวิธีรุนแรง โดยใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นรูปกงจักรบนแผ่นหลังของรุ่นน้องชั้นปีที่ 1 คณะเดียวกัน แล้วใช้ไฟแช็กจุดไฟเผาจนเป็นแผลพุพอง ซึ่งครั้งนั้นศาลมีคำสั่งจำคุกไว้ 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และให้จำเลยมารายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้งต่อ 1 ปี.