คนร้ายไม่ทราบจำนวนไล่ยิงรถพ่วง 18 ล้อ ที่จอดบนถนนเอเชีย ขาล่องใต้ ส่งผลให้คนขับเสียชีวิต ส่วนเพื่อนที่นั่งมาด้วยเปิดประตูรถวิ่งหนีแล้ว ไม่วายโดนตามมาเก็บอีก 1 ศพ ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 27 มิ.ย.2561 พ.ต.ท.โกวิทย์ ปล้องบรรจง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ถนนเอเชียสาย 41 ขาล่องใต้ บ้านเตาปูน หมู่ 4 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.จุฬาภรณ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมยศ สีหาบัว ผกก. พ.ต.ท.นพดล อินละเอียด รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สมพงศ์ คงอุป สว.สส. พ.ต.ต.มานพ สุขหอม สวป. นำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกข้าวสาร ยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขพ่วงหน้า 70 1182 นราธิวาส พ่วงหลัง ทะเบียน 70 5332 เพชรบุรี จอดอยู่ไหล่ทาง พบรอยเลือดที่เบาะหน้ารถ กระเซ็นกระจาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าได้รับการช่วยเหลือนำส่ง รพ.จุฬาภรณ์ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึงที่เกิดเหตุ นอกจากนี้พบปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่บนพื้นด้านขวาของรถ 5 ปลอก และห่างไปราว 100 เมตร พบปลอกระสุนปืนขนาดเดียวกันอีก 2 ปลอก ตกอยู่บนไหล่ถนน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานทางคดี
...
หลังตรวจที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปที่ รพ.จุฬาภรณ์ พบว่าคนถูกยิงได้เสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อคือ นายนิเล๊าะ ลาเต๊ะ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ปี ถนนปะนาเระ ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่กกหูขวา 1 นัด กระสุนฝังใน ไหล่ขวา 1 นัด ชายโครงขวา 1 นัด กระสุนฝังในเช่นเดียวกัน
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายนิเล๊าะได้ขับรถพ่วงคันดังกล่าวบรรทุกข้าวสารจากกรุงเทพมหานคร เพื่อไปส่งที่จังหวัดปัตตานี โดยมีนายวิทยา วิริยะบุปผา อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ถนนอาเนาะรู ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี ซึ่งเป็นคนขับรถที่ 2 นั่งมาเบาะหน้าคู่คนขับ ซึ่งเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ได้ชะลอความเร็วรถ และได้จอดรถข้างทาง หรือไหล่ทาง พยานซึ่งเป็นชาวบ้านในย่านที่เกิดเหตุให้การกับตำรวจว่า หลังจากรถจอด ได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด เมื่อพากันมาดู พบร่างนายนิเล๊าะถูกยิงฟุบคาพวงมาลัย ชาวบ้านจึงแจ้งช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลและแจ้งตำรวจ
ต่อมาเวลา 08.15 น.วันนี้ (28 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า พบศพผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย บริเวณคูน้ำริมถนน ห่างจากที่เกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมาราว 300 เมตร ตำรวจจึงรุดไปตรวจสอบ พบศพนายวิทยา เสียชีวิตอยู่ในคูน้ำในสภาพท่อนล่างจมน้ำถึงคอ โผล่ให้เห็นแต่ศีรษะ เจ้าหน้าที่นำขึ้นมาตรวจชันสูตรพบว่ามีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน 9 มม. เข้าที่กลางหลัง 1 นัด และชายโครงซ้าย 1 นัด จึงนำศพไปตรวจชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.จุฬาภรณ์
พ.ต.ท.นพดล อินละเอียด รอง ผกก.สส.สภ.จุฬาภรณ์ กล่าวว่า การสอบสวนสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายนิเล๊าะขับรถมาจอดริมถนนตรงที่เกิดเหตุ แล้วได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิงนายนิเล๊าะ ส่วนนายวิทยาได้เปิดประตูรถอีกด้านวิ่งหนี ถูกคนร้ายไล่ติดตามและยิงจนตกคูน้ำ แต่เนื่องจากที่เกิดเหตุมืดมาก ทำให้การตรวจที่เกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงไม่พบร่างของนายวิทยา เพิ่งมีชาวบ้านไปพบในช่วงสายของวันนี้ ในสภาพเห็นแต่ศีรษะโผล่เหนือน้ำ
รอง ผกก.สส.สภ.จุฬาภรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุการถูกสังหาร จากการส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ การสอบสวนสืบสวนจนถึงขณะนี้ ตำรวจให้น้ำหนักไปที่เรื่องชู้สาว ตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองมีอาชีพขับรถบรรทุกพ่วงรับจ้างขนส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพมหานครกับภาคใต้ เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลและเบาะแสว่าทั้งสองมักจะนำรถจอดแวะที่อู่ซ่อมรถ 2–3 แห่ง ในอำเภอทุ่งสง และอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านลงจังหวัดชายแดภาคใต้ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ
และผู้เสียชีวิตทั้งสองค่อนข้างเป็นคนเจ้าชู้ ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากับเจ้าของอู่และช่างในอู่ซ่อมรถบางแห่ง เรื่องที่คนทั้งสองไปติดพันผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของเจ้าของอู่ซ่อมรถและช่างในอู่ซ่อมรถ
จึงมีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายซึ่งมีความโกรธแค้น น่าจะทราบว่าทั้งสองจะนำรถผ่านเส้นทางดังกล่าว จึงได้ติดตามมา และอาจเรียกให้จอดหรือหยุดรถ หรือคนร้ายอาจติดตามมาห่างๆ เมื่อสบโอกาสที่ผู้เสียชีวิตจอดรถเพื่อพัก จึงสบโอกาสเข้าประกบยิงจนนายนิเล๊าะเสียชีวิต ส่วนนายวิทยาวิ่งหนี และถูกตามยิงจนตกคูน้ำเสียชีวิตเป็นศพที่ 2
เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพวงจรปิดตามจุดต่างๆ เนื่องจากขณะนี้มีเพียงพยานแวดล้อม คือชาวบ้านที่ได้ยินเสียงปืน ยังไม่มีประจักษ์พยานที่จะทำให้ทราบว่าคนร้ายมีกี่คน และใช้ยานพาหนะใด เป็นรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์
อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นเรื่องชู้สาวแล้ว สาเหตุอื่นๆ อาทิ ความขัดแย้งของผู้ตายในเรื่องอื่นๆ หรือความขัดแย้งส่วนตัว เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ตัดทิ้ง จะได้เร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อสร้างความกระจ่างคลี่คลายคดี และติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป.