ประธานสมาพันธ์ทนายบุกกองปราบ ร้องทุกข์กล่าวโทษ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. ชุดจับกุม “สุกิจ” คาโรงพักพหลโยธิน ลุแก่อำนาจ กระทำเกินกว่าเหตุ
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 21 มิ.ย.61 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายบุญชัย วสุนธรา ประธานที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ และทนายความ กว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุรจิต ชะระ สว(สอบสวน) กก.1 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป.ชุดจับกุมนายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแม่สอด ข้อหาร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้, ร่วมกันยึดครองที่ดินเขตอุทยานแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ, ร่วมกันยึดถือหรือครอบครองทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ และร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เหตุเกิดที่ สน.พหลโยธิน เป็นการกระทำการที่รุนแรงเกินกว่าความจำเป็น โดยได้ออกแถลงการณ์ในนามสมาพันธ์ฯ ในกรณีที่เกิดขึ้น
นายวรกร กล่าวว่า กรณีการเข้าจับกุมนายสุกิจ ของตำรวจกองปราบปราม ตามที่ปรากฏคลิปภาพทางสื่อมวลชนถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ว่ามีการกระทำที่รุนแรง มีการฉุดแขน ดึงรั้ง กระชาก กดตัวให้คว่ำหน้า นั่งชันเข่าทับศีรษะเพื่อจะใส่กุญแจมือ ทั้งที่ปฏิบัติการเกิดขึ้น หลังจากมีการควบคุมหรือจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว และอยู่ในสถานที่ราชการ นอกจากนี้นายสุกิจ เอง ก็มีอายุมาก ร่างกายไม่แข็งแรงคือรูปร่างอ้วน เจ้าหน้าที่กลับลุแก่อำนาจ เป็นการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรค 3 ที่ระบุว่า การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจําเลยให้กระทําได้เพียงเท่าที่จําเป็น เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี
...
“ทนายความคือประชาชนคนหนึ่ง พวกผมไม่ได้เรียกร้องเพียงเพื่อทนายความด้วยกันเท่ากัน แต่เป็นการป้องกันไม่ให้ตำรวจทำอะไรตามอำเภอใจ หากเป็นการกระทำในที่ลับตาจะเป็นเช่นไร” นายวรกร กล่าวและว่า พวกตนจึงเห็นสมควรว่าจะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการพิจารณาเอาผิดดังกล่าว
ขณะที่ นายบุญชัย กล่าวเสริมว่า การกระทำลักษณะนี้จะต้องถูกตรวจสอบเพราะหากทางสมาพันธ์ฯ นิ่งเฉย ไม่เพียงแต่จะเกิดการกระทำต่อทนายความเท่านั้น แม้แต่ประชาชนทั่วไปอาจต้องรับสภาพการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ปราศจากความรับผิดชอบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มือหนึ่งนั้นถือปืน อีกมือถือกฎหมาย กรณีที่เกิดขึ้นตนได้โทรศัพท์สอบถามนายสุกิจ ซึ่งยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รับมอบอำนาจให้แจ้งความดำเนินคดี แต่พวกตนเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษสามารถดำเนินการได้ และหากตำรวจไม่รับพิจารณา ก็มีช่องทางอื่น เนื่องจากยังมีหน่วยงานที่พร้อมจะให้ความเป็นธรรม เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมทั้งในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ จะเข้าร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.สุรจิต กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.