ไร้เงา “พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช” รอง ผบช.สกพ. อดีต ผบก.ภ.จ.เลย เข้าให้ปากคำอมเงินโครงการกู้รวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์กว่า 229 ล้านบาท “ผบช.ภ.4” สั่งออกหมายเรียก 2 ครั้ง หากไม่มา เจอหมายจับ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 มิ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งจะต้องเดินทางมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนที่ถูกแต่งตั้งขึ้นโดย บช.ภ.4 ในคดีการทุจริตโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย โดยในคดีดังกล่าวนี้นั้น มีผู้เสียหายที่เป็นข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.เลย ทั้งหมด 192 นาย ที่ถูกอดีต ผบก.ฯ นั้นนำเงินไป ซึ่งในวันนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้นัดหมายให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ เข้าให้ปากคำเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นได้มีการทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เข้ามารายงานตัว และให้ปากคำแล้ว 2 ครั้ง แต่เจ้าตัวไม่เดินทางมาให้ปากคำแต่อย่างใด มีเพียงการส่งเอกสารชี้แจงถึงขั้นตอนของการดำเนินงานเท่านั้น
โดยบรรยากาศบริเวณด้านหน้า บช.ภ.4 เต็มไปด้วยสื่อมวลชนและผู้ที่ติดตามข่าวในประเด็นดังกล่าวมาปักหลักทำข่าวกันเป็นจำนวนมากเนื่องจากครั้งสุดท้ายตามการประสานเข้าให้ปากคำ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและคณะกรรมการสอบสวนและทีมพนักงานสอบสวนที่ บช.ภ.4 ได้แต่งตั้งขึ้นนั้นเตรียมความพร้อมอยู่ในห้องสอบสวนทั้งหมด จนกระทั่งถึงเวลานัดหมายในเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุทิพย์ ไม่เดินทางมารายงานตัวและเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมการสอบสวนฯ แต่อย่างใด

...
พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่ง บช.ภ.4 ได้แต่งตั้งขึ้นนั้น ได้ออกหมายให้มารายงานตัวและให้ปากคำ แต่จนถึงเวลานัดหมายไม่เดินทางมา ได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการสอบสวนและสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายคือการออกหมายเรียกให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้น เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ซึ่งการออกหมายเรียกนั้นสามารถดำเนินการได้ 2 ครั้ง ซึ่งหาก พล.ต.ต.สุทิพย์ ไม่มาอีกก็จะออกหมายจับทันที
“วันนี้เราได้แยกคดีออกเป็น 2 ส่วน คือคดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ที่เกี่ยวกับตำรวจ ทั้งหมด ได้ถูกรวบรวมคดีมาที่ บช.ภ.4 โดยมี พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ. เป็นหัวหน้าคณะทำงานทั้งสืบสวนและสอบสวน โดย บก.สส.ภ.4 จะส่งทีมมือปราบและนักสืบมาเป็นคณะทำงานในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินคดีทางอาญานั้นเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
ส่วนที่ 2 คือการแยกคดีที่เกิดขึ้นกับประชาชน ที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในรูปแบบของเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่พบว่ามีการนำเงินจำนวน 229 ล้านบาท ของตำรวจทั้ง 192 นายในสังกัด ภ.จว.เลย ไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ โดยมีนายหน้าเป็นชาวขอนแก่น 2 คน และมีเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ครอบคลุมพื้นที่ จ.เลย จ.ขอนแก่น และ จ.หนองบัวลำภู ที่ขณะนี้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในคดีดังกล่าวรวมทั้งชุดสืบสวนได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ที่ถือเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับ รอง ผบช.ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บช.ภ.4 ได้มีการสรุปสำนวนการสอบสวนและการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แจ้งให้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้รับทราบแล้ว เพื่อดำเนินการเอาผิดทางวินัยและอาญา ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว”
ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ยืนยันว่าคณะทำงานของ บช.ภ.4 ทุกคนนั้นทำงานอย่างเต็มที่ เพราะผู้เสียหายคือผู้ใต้บังคับบัญชา และไม่มีนายตำรวจรายใดที่จะไปรับสินบนหรือไปให้การช่วยเหลือ พล.ต.ต.สุทิพย์ อย่างแน่นอน ทั้งนี้ยืนยันว่า พล.ต.ต.สุทิพย์ ต้องเข้ามารายงานตัว รับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบ
สำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่ข้าราชการตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากการทุจริตดังกล่าวนั้นได้มีการหารือกับสถาบันการเงินในการหาทางออกร่วมกันแล้ว รวมทั้งมีการปรับวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับข้าราชการตำรวจทั้ง 192 นาย ที่สามารถกู้ยืมเงินกับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย อีกรายละ 50,000 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงมีการอนุมัติงบประมาณจากสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจกลาง ให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.ขอนแก่น เพื่อเสริมสภาพคล่องอีก 90 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้ขวัญกำลังใจของตำรวจ ภ.จว.เลยนั้นดีขึ้นอย่างมาก เพราะผู้บังคับบัญชาทุกระดับใส่ใจและหาทางออกร่วมกัน ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร.และ บช.ภ.4 จะลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาพื้นที่ จ.เลยในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายตำรวจท่านหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้รับทราบแล้วว่า พล.ต.ต.สุทิพย์ จะไม่มาให้ปากคำ เนื่องจากได้รับข้อความทางไลน์ของ พล.ต.ต.สุทิพย์ เมื่อตอน 9 โมงเช้าวันนี้ ว่า “บอกทุกคนไม่เดือดร้อน จะหาทางมาเคลียร์ให้ทุกคน” ซึ่งเป็นคำพูดที่ผัดผ่อนมากว่า 4 เดือนแล้ว ไม่ตรงนัดสักครั้ง ซึ่งตำรวจ 192 นาย ขณะนี้ทำใจแล้วที่จะไม่ได้เงินคืน จึงปรึกษาหารือกันว่า ภายในอาทิตย์หน้าจะเข้าไปที่สมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ เพื่อขอคำแนะนำ ก่อนที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ ตร.ภาค 4 ได้มีการนัดสอบปากคำร้องทุกข์ตำรวจทั้ง 192 นาย ภายในอาทิตย์หน้า หลังกลับจากสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ และจะมีการร้องทุกข์ต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ตํารวจภูธรจังหวัดเลย ที่เซ็นเช็คและปลอมแปลงลายเซ็นของตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ จะมาบอกว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เมื่อรู้ว่ามันผิดในการสั่งจ่ายเช็คเงินสด โดยไม่เขียนชื่อผู้รับ และไม่นำไปโปะหนี้เก่ากับธนาคาร จะมาอ้างได้อย่างไรว่าไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอยู่ 3-4 คน ที่ต้องรับผิดชอบ.
...