อธิบดีกรมกิจการสตรีฯ รุดเยี่ยมหญิงสาวที่ถูกแฟนหนุ่มไลฟ์สดทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ฝากผู้หญิงทุกคน เมื่อประสบปัญหาความรุนแรงให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ อย่าปล่อยให้คนรักมีพฤติกรรมความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ความคืบหน้ากรณี นายชัยชนะ หรือ เอ็ม ศิริชาติ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กทำร้ายร่างกาย น.ส.กุลดารา ยีสมัน หรือ นิต้า อายุ 21 ปี แฟนสาว จนบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 เม.ย. 61 นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วย นายโสภณ แก้วล้อมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (ศปก.สค.) และนักสังคมสงเคราะห์เดินทางเข้าเยี่ยม น.ส.กุลดารา ยีสมัน หรือ นิต้า หญิงสาวผู้บาดเจ็บจากการถูกแฟนหนุ่มไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และอยู่ระหว่างการพักรักษาตัว ณ โรงพยาบาลนพรัตน์ ถนนรามอินทรา กม.13 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ

นายเลิศปัญญา กล่าวว่า การมาเยี่ยมหญิงสาวผู้ได้รับบาดเจ็บในวันนี้ เป็นความตั้งใจ ที่อยากจะมาให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ และจากเหตุการณ์นี้ หากเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้หญิงไม่ทัน ผู้หญิงอาจจะพบเจอกับความรุนแรงจนได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ และในฐานะที่ตนทำหน้าที่ในการดูแล คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิสตรี รวมถึงป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวอยู่ด้วย เห็นถึงความทุกข์ ความเจ็บปวดที่มากกว่าบาดแผลบนร่างกาย เพราะการกระทำของผู้ชายที่ถูกเรียกว่าแฟนของหญิงสาวคนนี้ นอกจากจะทำร้ายทางร่างกายของผู้หญิงด้วยความรุนแรง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ถือว่ามีความผิดอาญาข้อหาพยายามฆ่า และผู้ชายที่ทำร้ายน้องยังเผยแพร่ภาพเปลือยกายของน้อง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นลักษณะการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กอีกด้วย ถือเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของหญิงสาว ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และอยู่ในภาวะที่ไม่อาจปกป้องตนเองได้ สะท้อนถึงการขาดจิตสำนึกในการปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หญิง ทั้งด้านจิตใจ ชื่อเสียง ครอบครัว สังคม หน้าที่การงาน และความเป็นส่วนตัว จึงถือเป็นการกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
...
นายเลิศปัญญา กล่าวต่ออีกว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ผู้ชายมีค่านิยมและเจตคติที่ไม่เหมาะสม เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันระหว่างหญิงกับชาย แนวคิดที่ว่าแฟนหรือคู่รักเป็นสมบัติของตน ผู้ชายมีอำนาจเหนือผู้หญิง รวมทั้งจากการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว ความเชื่อที่ว่าปัญหาความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว จึงมักพยายามปิดเป็นความลับ และทำให้คนในสังคมไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวและให้ความช่วยเหลือ การที่ไม่ได้รับการแก้ไขผู้ที่กระทำความรุนแรงมักมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการกระทำความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งหากมีการใช้สารเสพติด เช่นกรณีนี้ จะเป็นตัวกระตุ้นให้กระทำการโดยขาดความยับยั้งชั่งใจมากขึ้น
“ผมขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกทำร้าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสังคมมีการตื่นตัว ไม่ยอมรับ และไม่นิ่งเฉยต่อการกระทำความรุนแรง และขอให้ผู้หญิงหรือทุกคน เมื่อประสบกับปัญหาความรุนแรงให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ อย่าปล่อยให้คนรักหรือแฟน มีพฤติกรรมความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะพฤติกรรมเหล่านี้มีกระบวนการที่สามารถแก้ไขหรือปรับปรุงได้ อย่าทนกับปัญหาโดยคิดว่าคนรักหรือแฟนจะเปลี่ยนพฤติกรรมเอง เมื่อประสบปัญหา หรือพบเห็นเด็กหรือสตรีถูกทำร้าย ขอให้รีบแจ้งได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม พม. โทรสายด่วน 1300 ซึ่งมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วบริการในภาวะวิกฤติตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและ ครอบครัว ของ สค. รวมทั้งบ้านพักเด็กและครอบครัวอยู่ทุกจังหวัด สามารถช่วยเหลือได้ เช่น การให้ที่พักอาศัยชั่วคราว การให้คำปรึกษาแนะนำ เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมสิทธิ เสรีภาพ และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันต้องได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างครบถ้วนบริบูรณ์เช่นเดียวกัน” นายเลิศปัญญา กล่าว