“รองโจ๊ก” แถลงผลจับกุม 2 ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ตุ๋นทัวร์ตุรกี 9 วัน เรียกหัวละ 3 หมื่น สุดท้ายเชิดเงินหนี อีกรายปล่อยทิ้ง 33 นักท่องเที่ยวไทย หลงเชื่อซื้อแพ็กเกจเที่ยวเมืองโอซาก้า
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่ กก.1 บก.ทท.1 (สนามศุภชลาศัย) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 แถลงข่าวจับกุม บริษัทนำเที่ยวหลอกลวงทิ้งกรุ๊ปทัวร์ รวม 2 คดี โดยมีผู้เสียหายทั้ง 2 คดี ทัวร์ประเทศตุรกี และประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาร่วมฟังแถลงข่าว

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า คดีแรก จับกุม น.ส.อภิณห์พร พงษ์ปรีชาวงศ์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 796/2561 ลงวันที่ 18 เม.ย. ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน นำเข้าข้อมูลซึ่งระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยหลอกลวง ผู้เสียหาย 35 คน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีโปรแกรมทัวร์ประเทศตุรกี 9 วัน 8 คืน วันที่ 23-31 มี.ค. ในราคาต่อคน 31,000 บาท กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงตกลงชำระเงิน 1,085,000 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดเดินทาง ผู้ต้องหาไม่พากลุ่มผู้เสียหายไปท่องเที่ยวตามที่ตกลงไว้ เมื่อติดตามขอเงินคืนหลายครั้ง ก็บ่ายเบี่ยงไม่คืนเงินให้และหลบหนี กลุ่มผู้เสียหายจึงเข้าร้องทุกข์ที่ สน.บางเขน สอบสวนให้การปฏิเสธ เมื่อตรวจสอบประวัติ น.ส.อภิณห์พร เป็นกรรมการผู้จัดการ ขอจดทะเบียนพาณิชย์ในชื่อ บริษัท อินเทรน จำกัด แต่ไม่ได้ขออนุญาต จดทะเบียนกับกระทรวงท่องเที่ยว
...

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยต่อไปว่า คดีที่ 2 จับกุม นายสนธยา โพธิ์ศรี อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงชลบุรีที่ จ.60/2561 ลงวันที่ 18 เม.ย.ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ผู้ต้องหาเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคพีเอส เวิร์ด เซอร์วิส จำกัด นำนักท่องเที่ยวชาวไทย 33 คน ไปเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 2-6 ก.พ. เป็นเงิน 1,184,700 บาท แต่ระหว่างกลุ่มผู้เสียหายกำลังท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เจ้าของรถบัสนำเที่ยว ขอเก็บเงินโดยแจ้งว่าทางบริษัททัวร์ไทยยังไม่จ่ายเงิน กลุ่มผู้เสียหายไม่มีเงินให้ จึงถูกปล่อยทิ้งไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และได้ยึดสัมภาระพร้อมหนังสือเดินทางจึงต้องนำเงินส่วนตัวสำรองจ่ายค่าโรงแรม ค่ารถ ค่าอาหาร ระหว่างรอกลับประเทศไทย เมื่อกลับมาถึงไทยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ สอบสวน นายสนธยา ให้การปฏิเสธ บอกว่า พยายามติดต่อผู้เสียหายแล้ว แต่ไกล่เกลี่ยกันไม่ลงตัว
ด้าน น.ส.สุชาดา นาดี อายุ 56 ปี หนึ่งในผู้เสียหายทัวร์เที่ยวญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ตนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะพาตัวแทนจำหน่ายที่ทำยอดขายทะลุเป้าไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยครั้ง กระทั่ง บริษัท เคพีเอส ติดต่อมาเสนอขายทัวร์ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดูโปรแกรมและราคา รวมค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางตั้งแต่ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่ารถทัวร์ และค่าที่พัก จึงตกลงไปเที่ยวเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 2-6 ก.พ. ทั้งหมด 33 คน รวมเป็นเงิน 1,184,700 บาท
วันเดินทางขึ้นเครื่องบินได้ปกติ แต่เมื่อเที่ยวเข้าวันที่ 2 ทางรถบัสนำเที่ยว ขอเก็บเงินจึงทราบความจริงว่า บริษัทดังกล่าว ไม่ได้ชำระค่าที่พักและค่ารถบัสที่ญี่ปุ่น ทำให้ตนต้องออกเงินเองไปก่อน ประมาณ 1.3 แสนบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายทัวร์ครั้งนี้เสียหายไปกว่า 1.3 ล้านบาท ซึ่งทราบจากพนักงานของบริษัทดังกล่าวที่ไปทริปนี้ด้วยกันว่า ก็ไม่ได้รับเงินค่าจ้างประมาณ 50,000 บาท กระทั่งวันที่ 6 ก.พ. เดินทางกลับถึงไทย จึงโทรหา นายสนธยา ก็บ่ายเบี่ยงจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.แสนสุข โดยขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่จับกุมตัว นายสนธยา มาดำเนินคดี.