2 พ่อลูกตระกูลโรจน์รุ่งรังสี เจ้าของบริษัทในเครือโอเอ เข้ามอบตัว ปอศ. ยังให้การปฏิเสธคดีเลี่ยงภาษีกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท พร้อมควักคนละ 5 ล้าน ยื่นประกัน...

จากกรณี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. แถลงจับกุมนางนิสา โรจน์รุ่งรังสี อายุ 62 ปี ประธานบริษัทในเครือโอเอทรานสปอร์ต จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 474/2561 ลงวันที่ 16 มี.ค. ข้อหาร่วมกันกระทำการโดยเท็จโดยฉ้อโกงหรือโดยวิธีการใดๆทำนองเดียวกันหรือ พยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร และร่วมกันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูค่าเพิ่มกระทำการโดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการใดทำนองเดียวกัน หลังหลีกเลี่ยงภาษีธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 17,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ นางนิสาเป็นภรรยาของนายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 61 ปี เจ้าของบริษัทในเครือโอเอทรานสปอร์ต จำกัด น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี อายุ 36 ปี ลูกสาว เป็นกรรมการบริษัทในเครือโอเอทรานสปอร์ต จำกัด ถูกออกหมายจับเช่นเดียวกันแต่อยู่ระหว่างหลบหนี ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มี.ค.61 ที่ห้องประชุมศูนย์ข้อมูลอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 61 ปี เจ้าของบริษัทในเครือโอเอทรานสปอร์ต จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 473/2561 ลงวันที่ 16 มี.ค. และ น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี อายุ 36 ปี กรรมการบริษัทในเครือโอเอทรานสปอร์ต จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับอาญาที่ 475/2561 ลงวันที่ 16 มี.ค. ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนพร้อมทนายความ โดยมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก พ.ต.อ.ปภัชเดช เกตุพันธ์ รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.ท.สรรเสริญ ศิริประเสริฐกุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปอศ. ร่วมกันสอบปากคำเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

...

จากนั้นนายธงชัย เดินออกมาเป็นคนแรกมีสีหน้าเรียบเฉยพยายามใช้มือปิดบังใบหน้าแล้วรีบเดินออกไปทันที เวลาห่างกันเล็กน้อย น.ส.สายทิพย์ เดินออกมาก้มหน้าใส่แว่นตาสีดำนำกระดาษเอ 4 ปิดบังใบหน้าก่อนเร่งฝีเท้าไปขึ้นรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเวนจูรี่ สีขาว ทะเบียน ฮฐ 2076 กรุงเทพมหานคร ออกไปทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนใดๆ

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษแก่นายธงชัย และบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานหลบหลีกภาษี พนักงานสอบสวนจึงได้ดำเนินการตามพยานหลักฐาน แล้วไปขออนุมัติหมายจับจากศาล ต่อมาทั้งคู่ได้เข้ามามอบตัวพร้อมทนายความ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบปากคำแล้วแจ้งข้อกล่าวหา แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ พร้อมขอใช้สิทธิประกันตัว พนักงานสอบสวนอนุญาติให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดประกันตัวคนละ 5 ล้านบาท หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งรอผลตรวจสอบมูลค่าความเสียหายทางภาษี ที่อยู่ระหว่างการประเมินอย่างละเอียดจากกรมสรรพากร จากนั้นก็จะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องต่อไป.