คดีทุบรถยังไม่จบง่ายๆ 2 ป้ามือทุบควงทนาย ลุยแจ้งความกลับสาวคู่กรณีจอดกระบะขวางหน้าบ้าน ฐานแจ้งความเท็จ กล่าวหาว่าใช้อาวุธเพื่อข่มขู่ ระบุขวาน-เสียมไม่ได้เป็นอาวุธ เป็นเครื่องมือทางการเกษตร

จากกรณี น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ หรือ ป้าเก่ง อายุ 61 ปี พร้อมด้วย น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ อายุ 57 ปี ใช้เสียม และขวานทุบรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีขาว ทะเบียน ฎค 9297 กรุงเทพมหานคร ที่จอดขวางประตูหน้าบ้านเลขที่ 37/208 ซ.ศรีนครินทร์ 55 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2561 ต่อมา น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี เจ้าของรถแจ้งความดำเนินคดี น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ และ น.ส.มณีรัตน์ ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต รวม 3 คดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าที่ สน.ประเวศ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 มี.ค. 61 น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ หรือ ป้าเก่ง อายุ 61 ปี น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ อายุ 65 ปี พร้อม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ และ ร.ต.ท.ศิริพงษ์ วรรณสัมผัส พงส.สน.ประเวศ พร้อมนำเอกสารบันทึกถ้อยคำ ใบอนุญาตจัดสรรค์ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เอกสารคำสั่งศาลปกครองสูงสุด และภาพถ่าย ในวันเกิดเหตุ มามอบเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความดำเนินคดี กับ น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี เจ้าของรถในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ

ตาม ป.อาญา มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย มาตรา 173 ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิด และ มาตรา 174 ถ้าการแจ้งข้อความตามมาตรา 172 หรือ มาตรา 173 เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย หรือเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษ

...

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ภายหลัง น.ส.รชนิกร เจ้าของรถได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสน.ประเวศ กล่าวหา น.ส.มณีรัตน์ กับพวกในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ พกพาอาวุธและข่มขู่ ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการแจ้งความที่เกินความเป็นจริง เพราะขวานและเสียมที่ป้าใช้นั้น ไม่ได้เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่เป็นเครื่องมือทางการเกษตรเท่านั้น และเมื่อไม่ใช่อาวุธก็จะไม่เข้ามาตรา 371 พกพาอาวุธ การแจ้งความของผู้กล่าวหานั้นควรจะแจ้งให้พอควรให้อยู่ในกรอบ แจ้งตามความเป็นจริง

นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ซึ่งจากการตรวจภาพวิดีโอในวันเกิดเหตุ เมื่อบ่ายวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าป้าทั้งสองได้พยายามเรียกให้ น.ส.รชนิกร เลื่อนรถไม่ให้ขวางประตูบ้านแล้ว แต่ น.ส.รชนิกร กลับไม่ยอมเลื่อนรถให้ กลับลงจากรถ และมายืนโทรศัพท์ต่ออีก จนป้าทั้งสองต้องใช้สิทธิของตัวเองจึงก่อเหตุดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าคุณป้าได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากการที่ผู้ประกอบการตลาดที่ไม่ดูแล และให้มีการจอดรถขวางหน้าบ้านเป็นประจำเกือบทุกวันเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี จนเป็นความเคลียดสะสม และการนำขวานและเสียมมาทุบรถนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม แต่เป็นการป้องกันสิทธิของป้าทั้ง 2 คน

ด้าน น.ส.รัตนฉัตร ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุตนมีแค่เสียมที่ใช้ในการทำสวน ที่ตนใช้ทุบรถในวันนั้นเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร บีบแตรหลายครั้งแต่เจ้าของรถก็ไม่มาเคลื่อนย้ายรถ ซึ่งเมื่อคู่กรณีเดินมาตนก็ไม่ได้ถือเสียมหรืออาวุธอื่นๆ ไว้ ในมือมีเพียงโทรศัพท์เท่านั้น แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคู่กรณีจึงแจ้งความตนว่าใช้อาวุธข่มขู่ ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้สังคมมองว่าตนเป็นอันธพาล วันนี้จึงตัดสินใจมาแจ้งความกลับเพื่อใช้สิทธิปกป้องตนเอง

โดยหลังจากเกิดเรื่องเคยมีตัวกลางติดต่อจากฝ่ายคู่กรณีขอเจรจา ว่าไม่อยากให้เป็นคดี และจะรับผิดชอบค่าเสียหายทุกอย่าง แต่ขณะนั้นมีกระแสว่าตนสร้างสถานการณ์ จึงเกรงว่าสังคมจะเข้าใจผิด จึงตัดสินใจแจ้งความดีกว่า หากหลังจากนี้มีการติดต่อขอเจรจาจากคู่กรณีอีก ตนจะปรึกษาทนายและพิจารณาอีกครั้ง พร้อมเปิดโอกาสให้คู่กรณีเข้าเจรจาเสมอ

ขณะที่ พ.ต.อ.อลงกรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความกรณีดังกล่าวไว้ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำ โดยวันที่ 19 มี.ค.นี้ จะเชิญ น.ส.รชนิกร ฝ่ายรถกระบะ มารับทราบข้อหาจอดรถกีดขวาง สร้างความรำคาญ และจะรีบสรุปสำนวนคดีให้ทันภายในสัปดาห์หน้า.