บอร์ด ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน 5 จ. ปมทุจริตเงินสงเคราะห์คนจน พบ ผอ.ศูนย์ฯ-พนง.-ลูกจ้าง-คนนอก รวม 25 ราย เอี่ยวทุจริต รวม 28 จ.ทั่วไทย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 มี.ค. ที่สำนักงาน ป.ป.ท. อาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ ประธานบอร์ดกรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พร้อม พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการบอร์ด ป.ป.ท. ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ท. และคณะกรรมการ ป.ป.ท.ทั้งหมด ได้เข้าร่วมประชุมพิจารณาการตรวจสอบการทุจริตเงินช่วยเหลือศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เพื่อเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงฯ 5 จังหวัดเพิ่มเติม ประกอบด้วย หนองคาย บึงกาฬ ตราด น่าน และสุราษฎร์ธานี จากเดิมที่มีการแต่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบก่อนหน้านี้ 2 จังหวัด คือจังหวัดขอนแก่น และเชียงใหม่

พล.ต.อ.จรัมพร เปิดเผยหลังการประชุมกว่า 3 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง จำนวน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.น่าน จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ตราด หลังพบว่ามีการปลอมลายมือชื่อเบิกจ่ายเงินไม่ครบตามความจริง มีการสวมสิทธิคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งเข้าข่ายความผิดในมาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ถัดมามาตรา 161 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และมาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร รวม 4 ข้อหา ซึ่งใน 5 จังหวัดดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ระดับผอ.ศูนย์ฯ 5 ราย และเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ลูกจ้าง พนักงาน คนนอก รวมแล้ว 25 ราย เข้ามาเกี่ยวข้องการทุจริตด้วย และอาจมีการใช้กฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 123/1 มาดำเนินการกับผู้กระทำผิดร่วมเช่นกัน

...

"ทั้งนี้ จะเชิญ สตง.มาร่วมตรวจสอบประสานข้อมูลในการทำงานร่วมกันด้วย ขณะเดียวกัน ตอนนี้อยู่ระหว่างลงพื้นที่เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน และพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินอีกกว่า 21 จังหวัดแล้ว ประกอบด้วย
1. จ.พระนครศรีอยุธยา 2. สระบุรี 3. กระบี่ 4. ตรัง 5. สงขลา 6. นราธิวาส 7. ยะลา 8. พัทลุง 9. อุดรธานี 10. ร้อยเอ็ด 11. นครราชสีมา 12. สุรินทร์ 13. บุรีรัมย์ 14. ชัยภูมิ 15. ยโสธร 16. ลำพูน 17. ลำปาง 18. เชียงราย 19. พิษณุโลก 20. สระแก้ว 21. อ่างทอง" กรรมการ ป.ป.ท. กล่าว

พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวอีกว่า ทำให้ปัจจุบันพบว่ามีการทุจริตงบประมาณรวมแล้ว 28 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการตรวจสอบงบประมาณปี 2560 และอาจมีการตรวจสอบงบประมาณย้อนหลังไปถึงปี 2558 ย้อนหลังอีก หากพบความเชื่อมโยง

พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์นั้น ได้แก่ 1. มีการนำชื่อคนเสียชีวิตมาเป็นบุคคลที่ได้รับสิทธิรับเงิน 2. นำข้อมูลบุคคลที่ไปร่วมในโครงการอื่นมาเป็นชื่อของผู้มีสิทธิได้รับเงิน โดยบุคคลนั้นไม่รับรู้ 3. นำชื่อคนที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์มาเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงิน 4. ปลอมลายมือชื่อข้อมูลในแบบสำรวจ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียน 5. ให้ประชาชนลงลายมือชื่อในเอกสารเกี่ยวกับการขอรับเงินฯ โดยแจ้งว่าเพื่อนำไปใช้ในการกิจกรรมต่างๆ ของศูนย์ 6. ให้หน่วยงานของรัฐอื่น เช่น โรงเรียน องค์การบริหารส่วนตำบล ส่งรายชื่อผู้เข้าหลักเกณฑ์พร้อมเอกสารประกอบให้ศูนย์ เพื่อไปดำเนินการ แต่ศูนย์จ่ายเงินให้ไม่ครบตามจำนวนฎีกา

ต่อมา 7. รายชื่อที่ปรากฎในแบบสำรวจ เมื่อตรวจสอบกับข้อมูลทะเบียนราษฎร ไม่ปรากฎรายชื่อบุคคลดังกล่าวในทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร และ 8. มีการคัดสำเนาบัตรประชาชนจากทะเบียนราษฎร แล้วมาปลอมลายมือชื่อ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบยังไม่พบว่ามีขบวนการขายสำเนาบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่บางจังหวัดมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นเข้ามาสนับสนุนการกระทำผิด เช่น ปลอมรายมือชื่อของผู้รับเงิน, ปลอมใบสำคัญการรับเงิน มีชื่อแต่ไม่ได้รับเงิน และได้รับเงินไม่ครบตามจำนวนจริง

รายงานข่าวแจ้งว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งเร่งด่วน 37 ศูนย์ ป.ป.ท. พบพื้นที่ จ.ขอนแก่น มีเจ้าหน้าที่รัฐนอกศูนย์คุ้มครองฯ สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีพฤติการณ์ส่อทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองฯ โดยมีรายชื่อเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับเงิน ทั้งที่คุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์เป็นผู้มีรายได้น้อย ซึ่ง ป.ป.ท.จะตรวจสอบหลักฐานให้แน่ชัดอีกครั้งว่า เจ้าหน้าที่รัฐกลุ่มดังกล่าวมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หรือถูกนำชื่อไปสวมสิทธิแทน.