“ผู้การ ปปป.” ยืนยันพยานบุคคลเพียงพอที่จะเอาผิด “พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล” รอผลตรวจทางวิทยาศาสตร์จาก ปอท. และพิสูจน์หลักฐานกลาง ก่อนรวบรวมสำนวนส่ง ป.ป.ช.
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 61 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ช่วยราชการ ศปก.ตร. ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแก้ไข เปลี่ยนแปลงสำนวนหวย 30 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รองผู้กำกับสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี 2 นายตำรวจที่กันตัวไว้เป็นพยาน ในคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน ซึ่งพยานเหล่านี้ก็คือผู้ที่รู้เห็นการกระทำความผิดด้วย แต่การที่จะเอาผิดกับตัวการสำคัญ ก็มีความจำเป็นที่ต้องกันไว้เป็นพยาน แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช.ก็อาจจะพิจารณา และพยานอาจจะถูกตกเป็นผู้ต้องหาด้วย แต่ส่วนของ ปปป.นั้นกันไว้เป็นพยาน เพราะเห็นว่า คำให้การมีสาระสำคัญที่จะไปเชื่อมโยงถึงตัวการสำคัญ
ทั้งนี้ จะต้องมีการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อเป็นพยานยืนยันในสำนวนเพิ่มเติมด้วย ว่าตรวจสอบถึงไหน มีพยานส่วนใดบ้าง ซึ่งจะทำการสอบปากคำหลังสอบนายตำรวจทั้ง 2 คนเสร็จสิ้น เพราะขณะนี้ เอกสารที่ส่งไปตรวจสอบที่ ปอท. ยังไม่ได้เอามามอบให้กับ ปปป. และยังต้องรอผลตรวจพิสูจน์คอมพิวเตอร์ การตรวจสอบลายมือ การขีดค่าจากกองพิสูจน์หลักฐานกลางด้วย
โดยจากคำให้การ ได้ยอมรับอยู่แล้วว่า แก้เอกสารสำนวนการสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีทั้งแผ่นแล้วทำลายไป แต่คำให้การเดิมนั้นอาจจะยังอยู่ในคอมพิวเตอร์ จึงต้องรอผลการตรวจสอบว่าจะสามารถกู้ไฟล์ได้หรือไม่ ซึ่งก็คาดหวังว่าจะสามารถกู้ไฟล์ได้
...
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้แม้จะมีเพียงพยานบุคคล แต่ก็เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี.