ศาลอาญาเริ่มใช้กำไล EM แล้วกับ 2 ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์-ครอบครองยาไอซ์ ให้ประกันตัวผู้ต้องหายากจน ลดภาระเรือนจำ ชี้อุปกรณ์ที่มีความปลอดภัย กันน้ำ กันกระแทก ไม่สามารถตัดขาดได้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายบุญชู ทัศนประพันธ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และนายชนุดม ปิติฤกษ์ เลขานุการศาลอาญา พร้อมคณะรองอธิบดี ซึ่งดูแลการประกันตัวผู้ต้องหาและจำเลย ร่วมกันแถลงข่าวและสาธิตการติดตั้งกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ที่ข้อเท้าผู้ต้องหารายที่ 2 ภายหลังจากได้เริ่มใช้กำไลดังกล่าวแทนการใช้หลักทรัพย์ยื่นประกันตัว ตามโครงการของศาลนำร่อง 23 ศาล เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยผู้ต้องหารายที่ 2 ดังกล่าว เป็นผู้ต้องหาคดีครอบครองยาไอซ์ 0.17 กรัม ที่คดีมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 4 ปี ซึ่งศาลอาญาได้ใช้กำไล EM ไม่ได้ใช้หลักทรัพย์ประกันตัวและศาลไม่ได้จำกัดพื้นที่ในการเดินทาง

นายบุญชู เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานศาลยุติธรรม มีนโยบายการปล่อยชั่วคราวโดยใช้กำไล EM ในการติดตามตัว ศาลอาญาได้รับมอบกำไลมารวม 600 ชุด ซึ่งพิจารณาเริ่มใช้รายแรกไปเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ในคดีลักทรัพย์หรือรับของโจร แต่ผู้ต้องหามีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ ซึ่งศาลพิจารณาให้ยื่นหลักทรัพย์ 20,000 บาท พร้อมกับติดกำไล EM โดยไม่ได้จำกัดขอบเขต และพื้นที่ในการเดินทาง เพราะเห็นว่าลักษณะของผู้ต้องหานั้น ไม่ได้มีเหตุที่จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือพื้นที่เกิดเหตุ โดยปรากฏเพียงว่าแค่เดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน

นายบุญชู กล่าวต่อไปว่า การพิจารณาว่าจะให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยรายใด ได้รับการปล่อยชั่วคราวไปโดยการใส่กำไล EM นั้น เป็นดุลยพินิจของศาลอาญา ผู้ที่จะพิจารณาเรื่องการประกันตัวคือ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทั้ง 3 คน ซึ่งหลักพิจารณาคือ ผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นยากจน ไม่มีหลักทรัพย์ประกันหรือมีหลักทรัพย์เพียงบางส่วน หรือมีแนวโน้มว่าถ้าได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วอาจจะหลบหนี

...

ขณะที่ผู้สวมใส่ก็ต้องเป็นผู้ที่ให้ความสมัครใจด้วย แต่หากผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นมีหลักทรัพย์เพียงพอ ก็เป็นการพิจารณาให้ประกันไปตามขั้นตอนปกติ โดยไม่ต้องสวมใส่กำไล ส่วนการพิจารณาว่าจะกำหนดขอบเขตพื้นที่เดินทางของผู้สวมใส่กำไลหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล ที่อาจจะดูได้จากท้ายคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนว่ามีการคัดค้านการให้ประกันด้วยเหตุผลว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือจะหลบหนีหรือไม่

อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวอีกว่า การใช้กำไล EM ก็จะใช้ทั้งในชั้นฝากขังผู้ต้องหา ชั้นพิจารณาคดีในชั้นศาล และเมื่อตัดสินแล้ว ก็สามารถใช้ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ แต่ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป ส่วนลักษณะความผิดที่จะใช้คือคดีอัตราโทษไม่เกิน 5 ปี หากคดีมีอัตราโทษเกิน 5 ปี จะใช้กำไล EM ประกอบกับใช้หลักทรัพย์ประกันด้วย แต่คดีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ปริมาณมาก จะไม่พิจารณาใช้กำไล EM โดยในกลุ่มคดียาเสพติดหากใช้ก็จะเป็นคดีครอบครองไว้เพื่อเสพ ปริมาณยาเล็กน้อย ส่วนในกลุ่มผู้มีอิทธิพลนั้น ถ้ามีแนวโน้มจะหลบหนีก็อาจพิจารณาใช้กำไล EM ประกอบได้

“กลุ่มเป้าหมายเราต้องการให้คนจนที่ไม่มีหลักทรัพย์ หลักประกันมายื่นกับเราโดยใช้ EM เป็นหลัก ส่วนคนที่มีอัตราโทษสูงและมีแนวโน้มว่าจะหลบหนี หรือยุ่งเหยิง เราก็จะใช้ EM ประกอบการพิจารณา” นายบุญชู กล่าวและว่า การใช้กำไล EM เพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้รับสิทธิการปล่อยชั่วคราว และเข้าสู่กระบวนการตามวันนัด โดยไม่ทำให้การพิจารณาคดีสะดุดลงเพราะหลบหนี อย่างไรก็ดี ขณะนี้การใช้กำไล EM อยู่ในช่วงทดลอง ศาลอาญาจะประเมินผลทุกเดือน ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมก็มีความประสงค์จะใช้กำไลนี้เยอะๆ เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งเป็นการลดภาระในเรือนจำ

เมื่อถามว่า ระบบประเมินความเสี่ยงกับกำไล EM เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ นายบุญชู กล่าวว่า ระบบประเมินความเสี่ยงเป็นการประเมินโดยที่ไม่มีหลักประกัน จึงไม่เกี่ยวกับกำไล EM แต่เราสามารถนำมาใช้คู่กันได้ เพราะหากเราประเมินความเสี่ยงแล้วไม่มีเหตุจะหลบหนี เราก็ปล่อยชั่วคราวไป แต่หากประเมินแล้วยังมีความเสี่ยงที่จะหลบหนีอยู่บ้าง เราก็เอากำไล EM เข้ามาใช้ควบคู่กันได้ เรื่องนี้จึงมีความคล้ายกัน

เมื่อถามถึงความปลอดภัยของกำไล EM นายบุญชู กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศของศาลยุติธรรม กำไลนี้เป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัย สามารถกันน้ำ กันกระแทก ไม่สามารถตัดขาดได้ เพราะหากตัดขาดก็จะมีการแจ้งเตือนมาที่ศูนย์ควบคุม ส่วนกรณีที่เครื่องชำรุดเสียหาย เราก็จะพิจารณาดูว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ทำลาย หรือชำรุดจากการใช้เอง ส่วนการชาร์จแบต จะใช้พาวเวอร์แบงค์ ถ้าเรานัดรายงานตัวแล้วไม่มา ก็ถือว่าผิดเงื่อนไข อาจจะพิจารณาออกหมายจับและนำตัวมาขังโดยไม่ให้ใช้กำไล EM

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการแถลงข่าวได้มีการพาสื่อมวลชนไปดูการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมและติดตามการปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring Center) ซึ่งภายในห้องจะมีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่เรียงติดต่อกัน ปรากฏภาพแผนที่ระบุจุดพิกัดตาม GPS ของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้สวมใส่กำไล EM โดยศูนย์นี้ก็จะรับข้อมูลของผู้ต้องหาหรือจำเลยทั่วประเทศที่ได้ใช้กับศาลนำร่องทั้ง 23 ศาล ซึ่งปัจจุบันนี้มีรายงานว่า ได้มีการติดกำไล EM ให้กับผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้วประมาณ 5-6 ราย ประกอบด้วยศาลจังหวัดมีนบุรี 1 ราย ศาลอาญากรุงเทพใต้ 1 ราย ศาลอาญา 2 ราย และที่เหลือเป็นศาลจังหวัดนครปฐม

โดยนายชนุดม เลขานุการศาลอาญา เปิดเผยว่า ศูนย์ควบคุม EM ดังกล่าวจะทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ถูกปล่อยชั่วคราว โดยใช้กำไล EM ซึ่งทางศูนย์จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่ประจำการตลอด ทั้งนี้เมื่อผู้ต้องหาเริ่มสวมกำไล ก็จะมีสัญญาณปรากฏที่ศูนย์ควบคุม EM ทันที จากการมอนิเตอร์เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ถูกปล่อยชั่วคราวอยู่ในพื้นที่ที่ศาลกำหนดไว้หรือไม่ ถ้าออกนอกพื้นที่หรือฝ่าฝืนคำสั่ง ตัวกำไล EM จะส่งสัญญาณมาทางศูนย์ควบคุมทุก 2 นาที เมื่อทางศูนย์ได้รับสัญญาณ ก็จะแจ้งไปยังศาลที่ออกคำสั่งปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย จากนั้นหากพบว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ก็จะประสานไปยังตำรวจจับกุมตัวมาเพื่อไต่สวนว่า เหตุใดจึงกระทำผิดเงื่อนไข EM ซึ่งศาลจะมีผู้พิพากษาเวรที่พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว

...