แม่แอ๋มรับเหนื่อย ได้ยินคำให้การแก๊งเปรี้ยว จำเลยคดีฆ่าลูกในศาล บอกร้ายแรงกว่าที่คิด พร้อมน้อมรับคำตัดสินศาล ...
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น นายบุญยงค์ แก้วฝ่ายนอก ทนายความฝ่ายจำเลย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการสอบคำให้การฝ่ายโจทก์นัดที่ 5 ว่า หลังจาก องค์คณะผู้พิพากษา เบิกตัวจำเลยคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีเลขดำที่ 1957/60 มาสืบพยานฝ่ายโจทก์นัดที่ 5 คดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ระหว่างโจทก์คือพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น และฝ่ายจำเลย คือ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว พร้อมพวก ในฐานะทนายฝ่ายจำเลย ที่ได้ฟังคำให้การฝ่ายโจทก์ไปแล้ว 20 ปาก และมีการซักค้านแล้วก็ไม่มีความหนักใจ เพราะทุกอย่างต้องว่ากันด้วยเหตุและผล
ในสิ่งที่จำเลยทำผิด จำเลยก็รับสารภาพกันแล้วว่าผิด ผิดในข้อหาใดบ้าง แต่ปฏิเสธในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งในข้อหานี้จำเลยให้การปฏิเสธ เนื่องจากว่า ถ้าไตร่ตรองหรือวางแผนลวงมาฆ่าทิ้ง คงไม่มีการขับรถวนไปมาหลายชั่วโมง ฉะนั้น ในการทำหน้าที่ทนายฝ่ายจำเลยก็ต้องฟังการสอบคำให้การฝ่ายโจทก์ ที่เหลืออีก 3 ปากในวันที่ 13 มีนาคม 2561 คือแพทย์นิติเวช และแพทย์ รพ.เขาสวนกวาง รวมถึงเจ้าหน้าที่ ศพฐ.4 ขอนแก่น
ซึ่งเมื่อการสอบคำให้การฝ่ายโจทก์เสร็จสิ้น ทนายฝ่ายจำเลยก็ไม่หนักใจ เชื่อว่าจำเลยทุกคนจะพ้นผิดในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ด้าน นายนพดล สีดาทัน ทนายความฝ่ายโจทก์ ก็ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่า ศาลสอบคำให้การฝ่ายโจทก์มาถึงนัดที่ 5 แล้ว รวมพยานทั้งหมด 20 ปาก ก็ยังมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ว่า น.ส.เปรี้ยว พร้อมพวก จะมีความผิดในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเฉพาะพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการสืบสวนสอบสวน ทำให้รู้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอย่างชัดเจน และในวันที่ 13 มีนาคมที่จะถึงนี้ เป็นการสอบคำให้การฝ่ายโจทก์ นัดที่ 6 ซึ่งจะมีพยานเข้าเบิกคำให้การอีก 3 ปาก
...
นายนพดล ยังกล่าวถึง กรณีที่ฝ่ายจำเลยจ่ายเงินให้มารดาผู้ตายจำนวน 55,000 บาทนั้น เป็นการจ่ายเงินด้วยความสมัครใจที่จะให้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการฟ้องในคดีแพ่ง จำนวน 10.3 ล้านบาท เพราะเงินที่ฟ้องแพ่งนั้นเป็นเงินสินไหม ค่าเลี้ยงดูที่คนตาย หากยังมีชีวิตอยู่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูมารดาได้
ขณะที่ นางสาวพิชชาภา คำเพิงใจ มารดาของ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม ผู้เสียชีวิต พูดกับผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นกระบวนการสืบพยานโจทก์นัดที่ 5 ในวันนี้ว่า ตอนนี้รู้สึกเหนื่อย แต่ดีใจที่ตำรวจทุ่มเทช่วยตามจับคนฆ่าแอ๋มได้ทั้งหมด ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตำรวจดีๆ ในเมืองไทยยังมีอยู่ รู้สึกโล่งใจที่ทางครอบครัวได้พูดความจริงไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งถือว่าจบแล้ว แต่เหนื่อยใจที่ได้ยินเรื่องราวต่างๆ จากคำให้การ พอปะติดปะต่อกันเป็นเรื่องราวแล้วรู้สึกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่คิด
ซึ่งในวันที่ 13 มี.ค. นี้จะเป็นการสืบพยานโจทก์นัดสุดท้าย และจะต่อด้วยการสืบพยานฝ่ายจำเลยในวันที่ 14 และ 15 มี.ค.61 ก็จะเข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาล ซึ่งตนเองและครอบครัว ก็น้อมรับคำตัดสินของศาลไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร.