รรท.เลขา ป.ป.ท.มอบโล่ 2 สาวให้ข้อมูลทุจริตโกงงบคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เผยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบความผิดปกติส่อไปในทางทุจริต 5 จังหวัด...

จากกรณี น.ส.ปนิดา ยศปัญญา นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ น.ส.ณัฏกานต์ หมื่นพล อดีตลูกจ้างศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้ตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ที่ส่อทุจริต ปลอมลายมือชาวบ้านเซ็นรับเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ติดเชื้อ HIV คนละ 2,000-3,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 6.9 ล้านบาท

ต่อมา พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ท. สั่งจัดชุดปฏิบัติการ ป.ป.ท.ทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั้ง 70 แห่ง โดยพบว่ามีศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่เป็นเป้าเร่งด่วน 37 ศูนย์ คาดว่าจะใช้เวลา 3 เดือน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รรท.เลขาธิกา ป.ป.ท มอบโล่ประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติให้กับ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ น.ส.ณัฏกานต์ หมื่นพล อดีตลูกจ้างของศูนย์คุ้มครองฯ ขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลการทุจริต ปลอมแปลงเอกสารข้อมูลสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ตรวจพบหลักฐานส่อถึงการทุจริต และนำไปสู่การขยายผลตรวจสอบไปยังศูนย์คุ้มครองฯ ทั่วประเทศ โดยมี พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.ร่วมในงานด้วย

...

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า น.ส.ปณิดา และน.ส.ณัฏกานต์ ถือเป็นบุคคลต้นแบบของการต่อต้านทุจริต กล้าเปิดเผยตนเองและลงทุนจ่ายเงินค่าเดินทางมาร้องเรียนที่ศูนย์นับเรื่องร้องเรียนกองทัพบกจนนำไปสู่การปราบปรามทุจริต ซึ่งหลังจากตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ป.ป.ท.ได้ขยายผลตรวจสอบทั่วประเทศโดยจัดชุดตรวจสอบ 15 ชุดลงตรวจสอบ 76 ศูนย์คุ้มครองฯ

เบื้องต้น พบศูนย์คุ้มครองฯ จ.เชียงใหม่ มีพฤติการณ์ส่อไปทางทุจริตคล้ายกับที่เกิดขึ้นใน จ.ขอนแก่น โดยนำรายชื่อ และเอกสารของชาวบ้านจากการอบรมในโครงการต่างๆ มาขอรับเงินสงเคราะห์ ซึ่งผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐตั้งแต่ 1-3 พันบาท ส่วนใหญ่พบมีการทำรายชื่อ และหลักฐานไปขอเบิกรับเงิน แต่ไม่มีการจ่ายเงินสงเคราะห์ให้ชาวบ้านจริง ขณะที่ทั้งโครงการได้รับงบประมาณในปี 2560 จำนวน 493 ล้านบาทเศษ ใน จ.เชียงใหม่ได้งบประมาณจัดสรรมากที่สุด

"เป้าหมายการตรวจสอบจึงมุ่งหาหลักฐานการทำผิดในปีงบประมาณ 2560 หากพบมีความผิดต่อเนื่องก็ต้องตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งปี 2552 คาดว่าหลังครบกำหนด 90 วัน จะสามารถสรุปการกระทำความผิดได้ พร้อมทั้งจะทำรายงานเสนอต่อรัฐบาลว่า โครงการจ่ายเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ยากไร้ควรมีมาตรการป้องกันอย่างไร ทั้งระบบการจ่ายเงินและการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ ยืนยันว่า การเข้าไปตรวจสอบของ ป.ป.ท.ทำเพื่ออุดช่องว่างให้กับการดำเนินโครงการของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์" พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

รรท.เลขาธิการ ป.ป.ท กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบพบความผิดปกติส่อไปในทางทุจริต 5 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น จ.เชียงใหม่ จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย และ จ.สุราษฎร์ธานี โดยพบมีพฤติการณ์แปลกๆ ในหลายพื้นที่ เช่น ที่ จ.หนองคาย กลุ่มส่งเสริมอาชีพผู้มีรายได้น้อย 17 ราย ต้องได้รับเงินสงเคราะห์ 34,000 บาท แต่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดหนองคายได้มอบเงินให้เพียง 1 หมื่นบาท

โดยหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบของ ป.ป.ท.เพียง 2 วัน เจ้าหน้าที่ของศูนย์คุ้มครองฯ นำเงิน 24,000 บาท ไปส่งมอบให้กับประธานกลุ่มแม่บ้านฯ เมื่อได้รับเงินแล้ว ประธานกลุ่มแม่บ้านฯ ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากความผิดสำเร็จแล้ว เพราะเบิกรับเงินเมื่อเดือน มิ.ย. 60 แต่กลับนำเงินมาส่งมอบหลังเซ็นรับเงินนานกว่า 8 เดือน

ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้ใหญ่บ้านมาแสดงตัวว่าเป็นผู้มีรายได้และมีที่ดินทำกิน จึงไม่มีคุณสมบัติต้องรับเงินสงเคราะห์ แต่กลับมีชื่อได้รับเงินช่วยเหลือ จึงขอให้ ป.ป.ท.ตรวจสอบจุดบกพร่องดังกล่าวด้วย" พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

พ.อ.วินธัย เผยว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นนโยบายหลักของ คสช.และรัฐบาล ซึ่งเรื่องร้องเรียนที่ประชาชนร้องเรียนมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐของ ทบ.มีจำนวนมาก ซึ่งถือว่าศูนย์เป็นเครื่องมือพิเศษในการปราบปรามการทุจริต โดยเมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจะมีคณะกรรมการกลั่นกรองหากเป็นเรื่องร้องเรียนทั่วไป จะส่งให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการ แต่หากเป็นความผิดด้านความประพฤติก็จะส่งให้หน่วยงานต้นสังกัด ขณะที่เรื่องใดมีมูลทุจริตก็จะให้ ป.ป.ท.ตรวจสอบ ทั้งนี้ ในฐานะโฆษก คสช.หวังว่าศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของ ทบ.จะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนที่พบการทุจริตคอร์รัปชัน.