ปปป.ส่งสำนวนคดีฟอกเงิน กรณีอดีตพระครูกิตติพัชรคุณ กับพวก โกงเงินทอนวัด 28 ล้าน ให้อัยการ คาดพิจารณาได้ทันก่อนครบกำหนดฝากขังของพระครูชื่อดัง ในชั้นพนักงานสอบสวนช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้...
จากกรณีที่กองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. จับกุมตัวนายสมเกียรติ ขันทอง อายุ 53 ปี หรือ อดีตพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามหมายจับสมคบกันฟอกเงิน ในคดีทุจริตโกงเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาหรือเงินทอนวัด และมีการส่งตัวฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 14.20 น.วันที่ 1 ก.พ.2561 ที่ สำนักอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ได้นำสำนวนคดี พร้อมคุมตัว นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 1 ในผู้ต้องหา ร่วมกับ นายสมเกียรติ มาส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ ที่เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกบวนการยุติธรรม โดยในคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนะ อดีต ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา, นายฉัตรชัย ชูเชื้อ อดีตผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนายสมเกียรติ ขันทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน” แต่ขณะนี้ นายนพรัตน์ หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว
...
นายวิเชียร ถนอมพิชัย อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ระบุว่า ในวันนี้ได้รับมอบสำนวนจากพนักงานสอบสวน ปปป. จำนวน 7 แฟ้ม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาในสำนวนนี้ 1 ราย ที่อยู่ระหว่างการฝากขังผัดที่ 6 คือนายสมเกียรติ และจะครบผัดที่ 6 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ คาดว่าพนักงานอัยการจะสามารถรวบรวมสำนวนและมีคำสั่งได้ แต่หากยังมีข้อสงสัยในรายละเอียด ก็ยังมีเวลาในผัดที่ 7 จนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะไม่มีปัญหาและมีความเห็นสั่งฟ้องได้ทัน ซึ่งสำนวนคดีเงินทอนวันมีการแบ่งสำนวนเป็นแต่ละช่วงความผิด ซึ่งในสำนวนนี้เป็นสำนวนที่ 3 ที่อัยการได้รับ โดยต่อจากนี้จะตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการในสำนวนโดยจะให้ ระดับรองอธิบดีลงมาดูแลความเรียบร้อยในการดำเนินการ
ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 3 ในสำนวนนี้ เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินงบประมาณสำนักพระพุทธศาสนา หรือคดีทุจริตเงินทอนวัด ในลอตที่ 2 ที่พบว่ามีเกี่ยวข้องกระทำผิด 12 คดี วงเงินรวมกว่า 28 ล้านบาท ซึ่งต่อมา ป.ป.ช.ได้มีการชี้มูลความผิด และส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินจนพบว่าในจำนวน 12 คดี มี 2 คดีที่มีความผิดในฐานสมคบกันฟอกเงิน จึงเข้าร้องทุกข์เพื่อเอาผิดในข้อหาการฟอกเงิน ต่อ ปปป.