ผบช.ภ.5 เผยเริ่มรู้ตัวแล้ว มือยิงกระสุนปริศนาใส่รถไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นด่านปกครอง คาดเข้าใจผิดคิดว่าแหกด่าน พร้อมเรียกสอบกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่เอ่ยปากยอมรับยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนนำปืนของกลางเร่งตรวจสอบคราบเขม่าดินปืน ขณะที่ฝ่ายญาติลั่น! ไม่เผาศพหากไม่ได้รับคำตอบข้อเท็จจริง
วันที่ 4 ม.ค.61 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เปิดเผยภายหลังได้ประชุมเพื่อคลี่คลายคดี โดยมีนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอแม่สรวย เดินทางไปร่วมด้วย กรณีมีเหตุยิงนายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรง อายุ 35 ปี ที่อยู่ 517 ม.16 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย เข้าที่ท้ายทอยเสียชีวิตขณะขับรถผ่านด่านชุมชน ซึ่งเป็นจุดบริการประชาชนบ้านแม่ต๋ำ หมู่ 4 ต.ท่าก๊อ ก่อนถึงถนนสายหลักเชียงราย-เชียงใหม่ ประมาณ 30 เมตร เหตุเกิดราว 1 ทุ่มเมื่อคืนวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ปัจจุบันได้เริ่มเห็นรูปคดีชัดเจนมากขึ้นแล้วโดยหลังจากได้มีการสอบปากคำไปหลายคนที่อยู่ในด่านชุมชนดังกล่าว ก็มีคนที่เริ่มรับแล้วว่ามีการยิงปืน แต่ก็ยังไม่ยอมรับตรงๆ
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบเอง โดยได้ให้เจ้าหน้าที่กับตัวผู้ที่มีปืนรายต่างๆ ในกลุ่มให้กลับไปเอาปืนที่ตัวเองมีครอบครองเอาไว้มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในจุดเกิดเหตุดังกล่าวเลย โดยด่านดังกล่าวเป็นด่านชุมชนของทางฝ่ายปกครอง และส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาวุธปืนที่ถูกเรียกมาสอบสวนจะเป็นกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าวอีกว่า จุดตรวจดังกล่าวมีไว้เพื่อการดูแลเรื่องอุบัติเหตุตามท้องถนนในช่วงนี้รวมทั้งป้องกันอาชญากรรม กระนั้นเบื้องต้นเชื่อว่าอาจเกิดจากความเข้าใจผิด โดย น.ส.ศิริรัตน์ ที่นั่งมาด้วยระบุว่า มองแทบไม่เห็นเจ้าหน้าที่เพราะมีไฟน้อยมากแต่แท้จริงแล้วมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ด้านหน้า 4 คน และช่วงเกิดเหตุก็คงคิดว่าเป็นการแหกด่าน และบางคนก็มีการใช้อาวุธจึงทำให้เกิดการสูญเสีย อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่จะรวบรัดทันทีไม่ได้เช่นกันเพราะต้องมีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนด้วย แต่ก็ยืนยันว่าแม้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเมื่อกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี
...

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง น.ส.ศิริรัตน์ แยเปียง อายุ 26 ปี แฟนสาวของนายศรชัย ที่นั่งโดยสารไปกับรถคันเกิดเหตุ เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กอ 2137 กรุงเทพฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของฝ่ายปกครองที่ประจำอยู่ในด่านตรวจดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครตำรวจบ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน จิตอาสา ฯลฯ ซึ่งตามรายชื่อผู้ที่บันทึกการเข้าไปประจำด่านมีอยู่จำนวน 18-19 คน แต่มีคนที่ยอมรับว่าได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพียงแค่ 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำปืนของกลางไปตรวจสอบว่าเป็นกระบอกเดียวกับที่ยิงนายศรชัยจนเสียชีวิตหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น คราบเขม่าดินปืนที่มือ เป็นต้น
ขณะที่กล้องวงจรปิดที่อยู่ที่หน้ารถของผู้ตายเป็นภาพของรถที่แล่นผ่านจุดตรวจจริง โดยมีแสงไฟจากหลอดข้างตั้งบริเวณดังกล่าวน้อยแต่ก็เห็นคนโบกอยู่ข้างๆ จากนั้นรถแล่นผ่านด่านตรวจมาได้เพียงเล็กน้อยก็ไถลลงไปชนข้างทาง
ด้าน น.ส.ศิริรัตน์ ซึ่งได้นำศพของนายศรชัยใส่รถยนต์ออกจากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งเป็นสถานที่ชันสูตรพลิกศพไปยังหน้าอาคาร สภ.แม่สรวย เพื่อขอความเป็นธรรมตั้งแต่ช่วงเย็น อย่างไรก็ตามปรากฏว่า ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประชุมเพื่อคลี่คลายคดี น.ส.ศิริรัตน์ พร้อมญาติอีกจำนวนหนึ่งได้นำศพของนายศรชัยในโลงศพบรรทุกรถยนต์กระบะเดินทางไปยังบริเวณลานจอดรถของ สภ.แม่สรวย โดย น.ส.ศิริรัตน์ ถือภาพถ่ายของนายศรชัยไปด้วย พร้อมแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า มาขอความเป็นธรรมโดยจะไม่ยอมฌาปนกิจศพ หากว่าไม่ได้รับคำตอบเรื่องการเสียชีวิตของนายศรชัยดังกล่าว
ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการสอบสวนเพิ่มเติมทราบว่า มีกระสุนฝังในที่เบาะอิงหัวที่นั่งคนขับ 2 นัด เบื้องต้นส่งไปพิสูจน์ที่ กทม. ใช้เวลา 1-2 วันก็จะทราบ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป.