อดีตตำรวจบ้าน คดีติดตัวเป็นหางว่าว หลอกหญิงพม่าอ้างเป็นตำรวจ ขอตรวจเอกสาร ก่อนข่มขืนชำเรา ตรวจพบมีประวัติโชกโชน ทำพฤติกรรมซ้ำๆ ออกกลอุบายเพื่อก่อเหตุลักทรัพทย์-ฉ้อโกงในหลายพื้นที่ ทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล นครบาลแถลงจับ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ รรท.ผบก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร และสืบสวนนครบาล 2 แถลงผลการจับกุมตัว นายสมพร ออละวัลย์ อายุ 53 ปี ชาวบ้าน ม.8 ต.ยางสว่าง อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2518/2560 ลงวันที่ 16 พ.ย.2560 ข้อหาข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่น ที่มิใช่ภรรยาตน

พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ สีดำ แดง หมายเลขทะเบียน 6 กข 4082 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน (ใช้ก่อเหตุ) รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซิตี้ สีฟ้า ทะเบียน ษง 1740 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน เสื้อคลุมแขนยาว แถบขาว จำนวน 1 ตัว (ใช้สวมใส่วันก่อเหตุ) กางเกงยีนส์ขายาว สีดำ จำนวน 1 ตัว (ใช้สวมใส่วันก่อเหตุ) หมวกนิรภัย สีดำ จำนวน 1 ใบ (ใช้สวมใส่วันก่อเหตุ) รองเท้าแตะ จำนวน 1 คู่ (ใช้สวมใส่วันก่อเหตุ) โดยสามารถจับกุมตัวและยึดของกลางได้ที่พูนทรัพย์อพาร์ทเม้นท์ ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา

...

เมื่อเวลาประมาณ 10.05 น.(11 พ.ย.) ได้มีคนร้ายแอบอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกอุบายทำทีขอพาผู้เสียหาย (หญิงชาวพม่า) อายุ 27 ปี ไปตรวจสอบเอกสารประจำตัวที่สถานีตำรวจ โดยนำตัวผู้เสียหายขึ้นรถจักรยานยนต์คันของกลางไปจากบริเวณปากซอยลาดพร้าว 48 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ หลังจากนั้นได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องเช่ารายวัน ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี และทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ที่ สน.สุทธิสาร

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนที่ศาลจะอนุมัติหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายสมพร หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านลำลูกกา คลอง 7 ในจังหวัดปทุมธานี จึงได้นำกำลังไปซุ่มสังเกตการณ์ และพบตัวนายสมพร อยู่ที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าวจริง จึงได้ทำการจับกุมตัว โดยจากการสอบปากคำนายสมพร ให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริง และกำลังหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มาถูกจับกุมได้ในที่สุด

จากการตรวจสอบประวัตินายสมพร ยังพบมีประวัติการกระทำความผิดมาอย่างโชกโชน โดยได้ลงมือก่อเหตุในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ รวม 9 ครั้งโดยก่อเหตุลักทรัพย์ รถ จยย.ท้องที่สน.บุคคโล (คันที่นำไปก่อเหตุต่อ) เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.60 หลังจากนั้นได้นำรถจยย.ไปก่อเหตุข่มขืนโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท้องที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.60 ก่อเหตุลักทรัพย์ โดยใช้กลอุบายหลอกว่าเกิดไฟไหม้ก่อนฉวยโอกาสช่วงชุลมุนลักทรัพย์สิน ท้องที่ สน.พญาไท วันที่ 21 ส.ค.60 พื้นที่ สน.บวรมงคล เหตุเกิด 26 ก.ย.60 และพื้นที่ สน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 25 ต.ค.60 ก่อเหตุลักทรัพย์ ในพื้นที่สน.บางขุนเทียน ได้ทรัพย์สินเป็น รถยนต์ฮอนด้า รุ่นซิตี้ (ของกลาง)

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 60 ก่อเหตุลักทรัพย์หรือฉ้อโกงโดยหลอกขายรถ จยย. พื้นที่สน.พระโขนง วันที่ 12 ต.ค.60 ก่อเหตุลักทรัพย์ โดยใช้กลอุบายทำทีเป็นขอเช่าบ้านแล้วฉวยโอกาสชุลมุนลักทรัพย์สิน ในพื้นที่สภ.เมืองสมุทรปราการ วันที่ 3 พ.ย.60 จนกระทั่งมาก่อเหตุข่มขืน โดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในท้องที่ สน.สุทธิสาร ก่อนถูกจับกุม และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรย้อนหลังยังพบว่านายสมพร  เคยถูกจับกุมดำเนินคดีระหว่าง พ.ศ.2530-2559 มาแล้วจำนวน 8 ครั้ง

นางเจี๊ยบ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ​อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า กรณีของตนเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนและลูกสาววัย 6 ขวบ กำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้านพักใน ซ.ลูกหลวง 8 ได้มีชายสวมหมวกกันน็อกขับขี่รถจยย. มาจอดหน้าบ้านพร้อมตะโกนบอกว่า บ้านของตนมีประกายไฟเกิดขึ้นที่ชั้นดาดฟ้า ให้รีบไปสับคัตเอาต์ไฟลง และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือ

ซึ่งขณะที่ตนกำลังจะโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ คนร้ายได้ออกอุบายว่าจะโทรติดต่อให้ ด้วยความตกใจตนจึงรีบส่งโทรศัพท์ให้คนร้าย ก่อนรีบเข้าไปในบ้านเพื่อสับคัตเอาต์ที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่มีทั้งประกายไฟและกลุ่มควันใดๆ เกิดขึ้น จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกก่อนรีบวิ่งกลับมาด้านล่างแต่ไม่พบชายคนดังกล่าวแล้ว โทรศัพท์มือถือที่ให้คนร้ายถือไว้กับโทรศัพท์มือถือของลูกชายที่วางอยู่ด้านล่างได้หายไปด้วย จึงเดินทางมาแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง ไว้เป็นหลักฐาน

...

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายสมพร เคยเป็นอาสาตำรวจบ้าน ของ สน.บางเขน ก่อนจะผันตัวมาเป็นคนร้ายตระเวนก่อเหตุ ในพื้นที่ต่างๆ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวนายสมพร ส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ดำเนินคดีในข้อหาข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่น ที่มิใช่ภรรยาตน ส่วนการก่อเหตุในท้องที่อื่นๆ ก็จะประสานให้แต่ละท้องที่มาทำการอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป