ศาลยุติธรรมสัมมนาสื่อให้ความรู้ด้านกฎหมาย แจงขั้นตอนรื้อคดีอาญานักการเมืองเก่าไต่สวนลับหลังได้ ส่วนกฎหมายใหม่ หาก “อดีตนักการเมือง” หนีคดีเจอ 2 เด้ง ทั้งโทษคดีหลัก-โทษหนีคดีคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่น...
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 พ.ย.60 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม นำคณะสื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรมที่สำนักงานศาลยุติธรรม จัดความรู้ทางกฎหมายและระบบการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมแก่สื่อมวลชน รุ่นที่ 1 มี นายทรงเดช บุญธรรม ผู้ช่วยเลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ให้ความรู้กฎหมายเกี่ยวกับขั้นตอนการยื่นคำร้องขอไต่สวนคดีลับหลังจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่จำเลยในคดีหลบหนี ว่า ตามขั้นตอนหากอัยการสูงสุด หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นโจทก์ในคดีที่จำเลยไม่มาศาล ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลนำคดีที่จำเลยหลบหนีมาพิจารณาลับหลังจำเลยตามบทบัญญัติ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 (วิ.อม.) มาตรา 28 ที่ระบุว่ากรณีที่ศาลประทับรับฟ้องในคดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลแล้วคดีนั้นจำเลยไม่มาศาลและศาลได้ออกหมายจับจำเลยแล้วแต่ไม่สามารถจับตัวจำเลยมาได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะแต่งตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตนได้แล้วนั้น
เมื่อรับคำร้องแล้ว ศาลจะต้องตรวจดูว่าสำนวนเดิมที่ฟ้องไว้นั้น องค์คณะผู้พิพากทั้ง 9 คนในคดีเดิมนั้นยังดำรงตำแหน่งครบอยู่หรือไม่ หากมีท่านใดพ้นจากองค์คณะก็จะต้องให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เลือกผู้พิพากษามาเป็นองค์คณะทดแทนให้ครบทั้ง 9 คน หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาคำร้อง
...
นายทรงเดช บุญธรรม ผู้ช่วยเลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวว่า วิ อม. ใหม่ ในมาตรา 32 ที่มีการกำหนดโทษจำเลยที่หลบหนีระหว่างการพิจารณาคดีไว้ว่าจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นหากติดตามจำเลยมาได้ นอกจากจะต้องรับโทษในคดีหลักตามคำพิพากษาแล้ว ยังจะต้องรับโทษฐานหลบหนีแยกออกมาเป็นอีกหนึ่งคดี ซึ่งพนักงานอัยการ หรือ ป.ป.ช. อาจจะตั้งเป็นอีกสำนวนคดีหนึ่งก็ได้ ส่วนอีกประเด็นที่ขอกำชับสื่อมวลชนเรื่องการนำภาพหมายจับผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาไปเผยแพร่อาจกระทบต่อตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย ในคดีนั้นๆ รวมถึงการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ผู้ได้รับความเสียหายอาจยื่นฟ้องผู้เผยแพร่ และการเผยแพร่อาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลด้วย
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายสุริยัณห์พาคณะสื่อมวลชนไปรับฟังการอบรมระเบียบข้อกฎหมายการพิจารณาคดี ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี โดยมี นายบัลลังก์ จิระบุญศรี เลขานุการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ให้ความรู้ถึงขั้นตอน การฟ้องคดีอำนาจ ศาลและกระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญาคดีทุจริตฯ พร้อมเยี่ยมชมห้องพิจารณาคดีและฝ่ายงานต่างๆ ในศาลอาญาคดีทุจริตฯ.