ดีเอสไอ หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ พบมีชาวบ้านถูกฟ้องกว่า 1,200 ราย ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม และ จ.กาฬสินธุ์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พ.ย.60 ที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย นายอำนวย ปะติเส ประธานคณะกรรมการประสานงานการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ ในฐานะเลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ร่วมเปิดศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ ดีเอสไอ
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า กลุ่มลูกหนี้ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรได้ร้องขอความเป็นธรรมมายังศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ เนื่องจากได้ทำสัญญากู้ยืมเงิน ขายฝากและจำนอง กับกลุ่มนายทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าว พบว่ามีเจ้าหนี้ด้วยกันทั้งหมด 8 กลุ่ม ซึ่งมีพฤติการณ์ทำสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบ และข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กลุ่มนายทุนได้ฟ้องร้องขับไล่ หากลูกหนี้ไม่ยอมย้ายออกจากที่ดิน จะมีการข่มขู่ คุกคาม โดยให้ลูกน้องซึ่งเป็นชายฉกรรจ์กระทำการอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มีลูกหนี้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน และถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกว่า 1,200 คดี ทุนทรัพย์ในการฟ้องร้องคดีกว่า 278 ล้านบาท
ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ตั้งแต่ปี 2556 – 2560 คดีความที่ฟ้องร้องมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉพาะเดือน ม.ค. 2560 เพียงเดือนเดียว มีคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลถึง 75 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีฟ้องขับไล่ ซึ่งมีมูลหนี้จากสัญญาขายฝาก ลูกหนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีเงินเพียงพอในการซื้อทรัพย์คืนจากเจ้าหนี้ ทำให้ต้องสูญเสียที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย
...

ด้าน นายอำนวย เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลพบสาเหตุหนึ่งที่ลูกหนี้ส่วนใหญ่ประสบปัญหาดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ขาดความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายและการทำสัญญา ขาดการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิต เมื่อถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องดำเนินคดีจึงไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างทันท่วงที จนเป็นเหตุให้ถูกบังคับคดีและยึดที่ดินทำกิน สร้างความเสียหายในวงกว้าง ทำให้ต้องหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยการนำหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามกรอบเวลาภายใน 3 เดือน
"สำหรับการประชุมในวันนี้ มีวัตถุประสงค์ให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลืออำนวยความยุติธรรมทางแพ่งอันเนื่องมาจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ใช้มาตรการทางอาญาในการดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนเจ้าหนี้นอกระบบและการจัดการด้านภาษีอากร สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้านแหล่งทุนพร้อมสร้างอาชีพ การเยียวยาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิต เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม" นายอำนวย กล่าว.