แม่และน้องชาย 'รัดติ้ว-ณัชชา' อดีตผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ ร้องรองปลัดยธ.ให้รื้อคดีใหม่ หลังลูกสาวถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี 8 เดือน ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า อย่างไม่เป็นธรรม...
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม นางเรียม ทองย้อย อายุ 60 ปี พร้อม นายสุรไกร ทองย้อย อายุ 26 ปี มารดาและน้องชายคนเล็กของ น.ส.ณัชชา ทองย้อย หรือ รัดติ้ว อายุ 35 ปี อดีตผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ เดินทางยื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้รื้อฟื้นคดี หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก น.ส.ณัชชา 6 ปี 8 เดือน ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.2560
นางเรียม กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2556 นายสุชาติ ทองย้อย อายุ 34 ปี น้องชายคนกลางของ น.ส.ณัชชา ได้ทะเลาะวิวาทกับคู่กรณีซึ่งเป็นญาติพี่น้องที่มีที่ดินติดๆ กัน เรื่องที่ดินบริเวณบ้านพักใน อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการด่าทอกันไปมา เพราะก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากันมาแล้วหลายครั้ง นายสุชาติเกิดบันดาลโทสะ ใช้ปืนยิงเฉียดน่องคู่กรณี 1 นัด โดยขณะเกิดเหตุ น.ส.ณัชชา กับ นายสุรไกร อยู่ภายในบ้าน
ต่อมา คู่กรณีเข้าแจ้งความที่ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เอาผิด นายสุชาติ ข้อหาพยายามฆ่า จากนั้นผ่านมาอีก 2 เดือน คู่กรณีได้แจ้งความเพิ่มเติมต่อ น.ส.ณัชชา และนายสุรไกร น้องชายคนเล็ก ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าด้วย อ้างว่ามีพยานยืนยันว่า น.ส.ณัชชา เป็นคนสั่งให้ยิง พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า น.ส.ณัชชา และ นายสุรไกร

...
"เมื่อเรื่องถึงศาลชั้นต้น นายสุชาติ ผู้ที่ก่อเหตุได้ยอมรับตั้งแต่ต้น ถูกพิพากษาจำคุก 25 ปี ส่วน น.ส.ณัชชา ศาลสั่งจำคุก 6 ปี 8 เดือน ส่วนนายสุรไกร อัยการไม่ได้สั่งฟ้อง เพราะไม่มีหลักฐานเอาผิด ต่อมาศาลอุทธรณ์มีเห็นต่างเปลี่ยนพิพากษา น.ส.ณัชชา เป็นร่วมกันทำร้ายร่างกาย สุดท้ายศาลฎีกาเห็นพ้องศาลชั้นต้น สั่งจำคุก 6 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ก่อนถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนสาเหตุที่ น.ส.ณัชชา ไม่ร้องเรียนตั้งแต่เเรก เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง และกระบวนการยุติธรรม โดยการเดินทางมาวันนี้ เพื่อให้ข้อมูลบางอย่างซึ่งยังไม่ปรากฏในสำนวน" นางเรียม กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องไว้ พร้อมระบุว่า ตนเองยินดีจะให้คำปรึกษาในขั้นตอนของการขอรื้อคดี แต่ขณะนี้หลักฐานที่นำมายังไม่ครบ และไม่มีพยานหลักฐานอื่นเพียงพอให้นำมาหักล้าง จึงให้ครอบครัวกลับไปเตรียมหลักฐานพร้อมนำทนายความมาด้วยในครั้งหน้า.