คดีโชเฟอร์ ปอ.68 ขับพุ่ง ชนจยย.คนขี่เสียชีวิตคาที่ แล้วหนีไปไม่จอดลงมาดู ญาติคนตายเข้าพบพงส.ยืนยันเป็นศพพี่ชาย ขณะที่ผู้ต้องหา สารภาพจากห้องขัง เสพยาบ้าจริง เคยติดคุกคดีเสพแล้วขับด้วย อ้างเบรกแล้วแต่คู่กรณี กลับขี่รถพุ่งเข้าหา...
จากเหตุการณ์ที่นายสุทธิพงษ์ จงดี อายุ 38 ปี ขับรถ ปอ.สาย 68 –007 (บางลำพู – สมุทรสาคร – บางขุนเทียน) หมายเลขทะเบียน 11–5444 กรุงเทพมหานครไปชนกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีดำ หมายเลขทะเบียน กบท 991 พัทลุง ทำให้มีผู้เสียชีวิตที่บริเวณปากซอยเจียมอุทิศ ถนนเอกชัย ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และได้ขับรถหลบหนีไปจนถูกจับกุมได้ที่บริเวณใกล้เคียงกับหน้าหมู่บ้านเดอะพราวด์ ถนนเอกชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ห่างจากที่เกิดเหตุไปประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 3 ก.ย.60 ที่ผ่านมา
ต่อมา เวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ย. นายสหชาติ คำพูน นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษหัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ณัชชารีย์ นกรเกียรติวิศาล รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แจ้งว่า มาขอข้อมูลเพื่อที่รายงานการเกิดอุบัติเหตุ ไปยังกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งเพื่อจะดำเนินการกับผู้ประกอบการ นอกเหนือจากทางคดีที่ตำรวจดำเนินคดีกับคนขับรถ
ทางด้านนายสุทธิพงษ์ จงดี โชเฟอร์ รถปอ.68 ผู้ต้องหา ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้บอกว่าก่อนเกิดเหตุตนได้เสพยาบ้ามาจริง และหลังจากส่งคนหมดแล้วจะนำรถเข้าอู่ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้า ตนบีบแตรส่งสัญญาณเตือนแล้ว แต่รถจักรยานยนต์เหมือนยังพุ่งเข้าหาตนทำให้เบรกไม่อยู่ หลังเกิดเหตุ ด้วยความตกใจกลัวจึงขับรถแล่นออกมาจากจุดเกิดเหตุทันทีจนมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุม พร้อมยอมรับด้วยว่า เคยต้องคดีขับแล้วเสพเมื่อหลายปีก่อน ถูกจำคุกประมาณ 4 ปี
...

ขณะที่ ร.ต.อ.หญิง ณัชชารีย์ นกรเกียรติวิศาล รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่าทางญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางเข้าพบแล้วพร้อมยืนยันว่าคนเสียชีวิตคือนายชัยชาญ ไกรรักษ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ม.6 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทำงานเป็นช่างอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหานายสุทธิพงษ์ โชเฟอร์รถปอ.68 ว่า เสพยาเสพติดและขับรถโดยไม่หยุดและให้ความช่วยเหลือและไม่แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ดำเนินคดีต่อไป.