“เจ้าสัวบุญชัย” พร้อมทนายเข้าให้ปากคำ “ดีเอสไอ” ชี้แจงที่มาโฉนดที่ดินสร้างบ้านพักหรู “ดาวล้อม” มูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท บนยอดเขาเขตป่าสงวนฯ ควนโต๊ะหลา จ.พังงา

จากกรณี เจ้าหน้าที่สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กรมป่าไม้ ทหารกองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และกองกำลังชุดพยัคฆไพร สนธิกำลังเกือบ 150 คน เข้าตรวจค้นบ้านพักตากอากาศสองหลัง ตั้งอยู่บนยอดเขาครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบล คือ หมู่ 5 บ้านติเต๊ะ ต.คลองเคียน และหมู่ 9 บ้านบากัน ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ชื่อว่า บ้านดาวล้อม มูลค่าไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท ที่เชื่อว่าเป็นของนักธุรกิจใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลาและแหลมซำ แต่ขายต่อให้กับเจ้าสัวหมื่นล้านชื่อดัง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ย.60 ที่สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ชั้น 8 ศูนย์ราชการอาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายบุญชัย เบญจรงคกุล เจ้าสัวหมื่นล้าน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ และนายพิเชฏฐ์ ทองศรีนุ่น พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำในฐานะเคยมีชื่อเป็นเจ้าของคฤหาสน์ดาวล้อม โดยนายบุญชัย พร้อมทนาย ตรงเข้าห้องพนักงานสอบสวนทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มาดักรอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเรียกนายบุญชัยมาให้ปากคำในวันนี้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องการทราบว่า นายบุญชัย ซื้อที่ดินต่อมาจากใคร ในปี พ.ศ.ใด ราคาเท่าไหร่ เนื่องจากดีเอสไอต้องการสาวให้เห็นเส้นทางเงินว่าจะโยงไปถึงเสี่ย "ธ" นักธุรกิจภูเก็ตหรือไม่ เนื่องจากมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดคนแรก นอกจากนี้จะดูเจตนาว่านายบุญชัยมีเจตนาบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ หรือเป็นเพียงผู้รับซื้อคฤหาสน์ต่ออีกทอดโดยไม่ทราบว่ารุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ

...

ทั้งนี้บ้านดาวล้อมจะต้องมีการรื้อถอนเพราะสร้างบนที่ดินป่าสงวนฯ และออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ.