“แม่น้องพลอย” หอบกระเช้าเข้าขอบคุณผู้การฯอยุธยาทั้งน้ำตา ย้ำไม่เชื่อ “ไอ้เอส” จะลงมือเพียงลำพังวอนตำรวจดำเนินคดี ผู้เกี่ยวข้องให้ที่พักพิงและช่วยให้หลบหนี แถมร้องขอความคุ้มครองหลังมีบุคคลลึกลับเฝ้าติดตาม ขณะที่ผู้กำกับโรงพักท่าเรือระบุ แม่เหยื่อแจ้งให้ดำเนินคดี พ.อ.และเมียทั้ง 2 คนของผู้ต้องหาแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด

สังคมยังเฝ้าจับตาคดีดังจะยังมีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังหรือไม่ กรณีนางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี มารดา น.ส.พลอยนรินทร์ หรือพลอย ผลิผล อายุ 25 ปี เข้าแจ้งตำรวจ สภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าลูกสาวถูกนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ อายุ 29 ปี อดีตแฟนหนุ่มและอดีตทหารยศสิบเอก สังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี อุ้มตัวขึ้นรถเก๋งหายไปตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.57 ตลอดเวลากว่า 3 ปี คดีไม่มีความคืบหน้า ตำรวจอ้างว่านายพลกฤตหลบหนีไม่ทราบที่อยู่ กระทั่งนางพัชรีได้เข้าร้องเรียนสำนักนายกรัฐมนตรี และส่งเรื่องให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดำเนินการ นำกำลังไล่ล่ากดดันจนนายพลกฤตยอมมอบตัวกับทหารพร้อมสารภาพว่า ได้ฆ่าน้องพลอยไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน นำศพไปเผาทิ้งในป่าเขากะบุด ริมถนนสายแสลงพัน-แก่งคอย หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งคำให้การของผู้ต้องหาสอดคล้องกับคดีพบโครงกระดูกผู้หญิงถูกฆ่าเผาเมื่อปลายปี 57

ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ส.ค. พล.ต.ต.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี เรียกประชุมตำรวจผู้เกี่ยวข้องด้านคดี เพื่อแบ่งงานรวบรวมหาข้อมูลหลักฐานและพยานในคดีฆาตกรรม น.ส.พลอยนรินทร์ หรือพลอย ผลิผล ภายหลังจากที่นายพลกฤต วิเศษ ผู้ต้องหา รับสารภาพว่าฆ่าเผาน้องพลอยในพื้นที่ อ.แก่งคอย และผลตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูกที่พบในป่าเขากะบุด ริมถนนสายแสลงพัน-แก่งคอย หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 5 พ.ย.57 ตรงกับดีเอ็นเอของพ่อแม่น้องพลอย เพื่อเตรียมขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสระบุรี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาซ่อนเร้น ปิดบัง อำพรางทำลายศพ

...

พล.ต.ต.ชัยรัตน์เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจได้ทราบผลตรวจดีเอ็นเอของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล นางพัชรี ปั้นทอง และนายวิชา ผลิผล ทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูกตรงกันอย่างไม่เป็นทางการ วันนี้ได้เรียกประชุมตำรวจ 2 โรงพัก คือ สภ.แก่งคอย และ สภ.หินซ้อน เพื่อแบ่งงานในการเร่งรัดทำสำนวนคดี รวมทั้งเร่งรวบรวมหาหลักฐานและพยานเพื่อขอหมายอนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสระบุรี ถ้าศาลฯอนุมัติหมายออกมา ตำรวจจะนำหมายศาลเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหากับนายพลกฤต ผู้ต้องหาที่ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ มทบ.11 ต่อไป ส่วนเรื่องผลดีเอ็นเอ ยังต้องรอเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการจากสถาบันนิติเวชก่อน หากได้รับมาแล้วจะเร่งดำเนินการทันที

ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 10.20 น. วันเดียวกัน นางพัชรี ปั้นทอง พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ นำกระเช้าของขวัญและช่อดอกไม้ มามอบให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายเพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วและแจ้งรายละเอียดให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยหลังมอบกระเช้า นางพัชรีได้โผเข้ากอด พล.ต.ต.สุทธิ พร้อมกล่าวคำขอบคุณและร่ำไห้ด้วยความซาบซึ้งใจที่ช่วยคลี่คลายคดีจนสำเร็จ

นางพัชรีกล่าวว่า ไม่เชื่อว่านายพลกฤตจะกระทำเพียงคนเดียว เพราะได้ไปดูที่เผาศพแล้วพบว่ามีความยากลำบากในการเดินทางและเป็นสถานที่เปลี่ยว คาดว่าต้องมีคนร่วมลงมือมากกว่า 2 คน ต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกคน โดยต้องการให้ดำเนินคดีกับนายพลกฤตในข้อหาเจตนาฆ่า ปิดบังอำพรางซ้อนเร้นศพ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้ดำเนินคดีในข้อหาให้ที่พักอาศัยกับผู้ต้องหาและพาผู้ต้องหาหลบหนี แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะแจ้งดำเนินคดีกับใครบ้าง ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากตำรวจก่อน อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณตำรวจและสื่อมวลชนที่ช่วยกันเสนอข่าวจนจับกุมผู้ต้องหาได้ สำหรับพยานหลักฐานที่ตนรวบรวมไว้ได้ให้ตำรวจไปหมดแล้ว พร้อมกันนี้ได้ร้องขอให้ตำรวจช่วยคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของตนด้วย เนื่องจากขณะนี้มีบุคคลลึกลับคอยติดตามทำให้รู้สึกหวาดกลัว

พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่การดำเนินคดีที่ล่าช้าเนื่องจากผู้ต้องหามีความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างดี สามารถหลบหลีกการติดตามของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด หลังจากที่ตนรับเรื่องร้องเรียนจากนางพัชรี ปั้นทอง เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เรียกพนักงานสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบถามข้อมูลจนสามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 13 วัน ตามที่รับปากกับนางพัชรีไว้

ส่วนความคืบหน้าด้านคดี พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.ท่าเรือ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ได้รับแจ้งจากนางพัชรี ปั้นทอง ให้ดำเนินคดีกับ พ.อ. นายทหารนอกราชการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ รวมทั้งภรรยาของนายพลกฤตทั้ง 2 คน ขณะนี้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีในมาตรา 189 ช่วยเหลือให้ที่หลบซ่อนคนร้าย ซึ่งคนร้ายได้ก่อเหตุนอกพื้นที่ สภ.ท่าเรือ จึงต้องส่งหลักฐานให้แต่ละพื้นที่ดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ สภ.หินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี อยู่ระหว่างเสนอศาลออกหมายจับนายพลกฤตในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว

เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ต.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดสระบุรี อนุมัติหมายจับนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.พลอยนรินทร์ หรือพลอย ผลิผล ใน 2 ข้อกล่าวหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และซ่อนเร้นปิดบังอำพรางศพ จากนี้ตำรวจ สภ.แก่งคอยจะนำหมายศาลเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหากับนายพลกฤตต่อไป ส่วนจะรับตัวจากเจ้าหน้าที่ทหารกลับมาดำเนิน คดีที่ สภ.แก่งคอยได้ทันทีหรือไม่นั้น จะต้องรอคำสั่งการจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงก่อน เนื่องจากคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคม