หากให้จัดอันดับสถานีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไล่เรียงความเพียบพร้อมกันตั้งแต่ อันดับ 1-5 วัดได้จากพื้นที่เศรษฐกิจ สถานที่สำคัญรายรอบ แหล่งรวมตัวชาวต่างชาติ ห้างร้าน บ้านเรือน ตึกสูง ความศิวิไลซ์พื้นที่กรุงเทพชั้นใน เชื่อว่าหลายคนต้องโหวตให้ “สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี” ติดอันดับ 1 ใน 3 จากทั้งหมด 88 สน. ในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในห้วงเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา นายตำรวจเจเนอเรชั่นใหม่ คิด - ทำ - สร้าง - พัฒนา - เปลี่ยนแปลง ทั้งด้านอุปกรณ์เครื่องใช้ ความทันสมัยของระบบจัดเก็บข้อมูลสำคัญทางคดี รวมไปถึงศักยภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละฝ่าย หลังลุยงานหนักลงพื้นที่กวาดจับอาชญากรรม กระทั่งมียอดจับกุมเป็นอันดับ 1 ของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5
สน.ลุมพินี ภายใต้ภาพลักษณ์ที่สวยงามตามแบบฉบับผู้บังคับบัญชาสร้าง มองโดยรวมเหมือนถูกจัดแจงเพียบพร้อมลงตัวดี หากแต่ว่ามุมคิดของนายตำรวจ ระดับผู้ใต้บังคับบัญชา ลงพื้นที่ปฏิบัติงานสัมผัสประชาชนโดยตรง กลับคิดเห็นมุมที่ต่างกันไป ก่อนจะปฏิรูปภาพรวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราลองปฏิรูปกันเองโดยเริ่มจากหน่วยงานที่ตัวเองสังกัดอยู่ ....โดยเฉพาะ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี "ที่ค่อนข้างจะพร้อมทุกด้าน" ...แล้วอะไรบ้างที่ผู้ใต้บังคับชาคิดว่า "ยังไม่พร้อม"

...

“ไทยรัฐออนไลน์” โดย Police Community พาเจาะทุกซอกมุมจุดศูนย์รวมโรงพักเพื่อประชาชนยุค 4.0 ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.ลุมพินี นักเรียนนายร้อยรุ่น 48 มีความเชี่ยวชาญทั้งหน้างาน สืบสวน สอบสวน ปราบปราม จราจร ฯลฯ ใช้กลยุทธ์จัดวาง “รองผู้กำกับ” แต่ละสาย ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะได้บังคับบัญชาบุคลากรในความควบคุมให้ทำงานเป็นไปตามเป้าหมายเดียวกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อประสิทธิภาพการทำงานตรวจตราดูแลเหตุร้ายในพื้นที่ ส่งผลดีแก่ความปลอดภัยของประชาชน
“เราทำงานเป็นทีม พี่ดูแลภาพรวมแจกงานให้รองผู้กำกับแต่ละท่านเป็นคนสั่งงานลงลึกรายละเอียดลูกน้องกันเอง ส่วนสำคัญที่สุดที่เน้นย้ำคือ การทำงานของโรงพักต้องเป็นหนึ่งเดียว ทุกฝ่ายทุกทีมต้องถึงกัน ช่วยกัน ประสานงานกัน และในส่วนของสารวัตร หรือรองผู้กำกับแต่ละฝ่ายต้องทำงานได้หมด สืบมาทำจราจรได้ จราจรมาทำปราบปรามได้ เมื่อกำลังคนขาด หรือลาราชการ สามารถดูแลงานแทนกันได้ทันที เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนต่อไป”
พนักงานสอบสวนเพียงพอ เทคโนโลยีอุปกรณ์พร้อม เน้นยกระดับบริการ ปชช. เป็นอันดับ 1
สน.ลุมพินี มีประชาชนเข้ามาใช้บริการแต่ละวันนับร้อย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้น พนักงานสอบสวนต้องเพียงพอต่อการรองรับ โดยจะแบ่งแยกตำรวจ รับเหตุคดีอาญา คดีจราจร และรับแจ้งเหตุทั่วไป และเนื่องจากลุมพินีเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ เหตุที่เกิดบ่อยมักจะเป็นเหตุฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกต้มตุ๋นหลอกลวง ปริมาณคดีเหล่านี้ค่อนข้างเยอะ แต่เราเน้นย้ำงานบริการประชาชนมาเป็นอันดับ 1 ทุกคดีความนำเข้าสู่ระบบ CRIMES ตรวจสอบฐานข้อมูลเชื่อมต่อกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ง่ายต่อการสืบค้น


...
จุดแข็งของพื้นที่คืองานด้านป้องกันและปราบปราม
สายตรวจของแต่ละโรงพักจะมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ ให้ดูที่จำนวนเหตุลัก วิ่ง ชิง ปล้น ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สำหรับ สน.ลุมพินี จัดชุดสายตรวจแบบฟูลทีมตลอด 24 ชม. ตามถนนหนทางมีทั้งสายตรวจและจราจรยืนอยู่ทุกแยก พ.ต.ท.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผกก.ป. จัดแผนป้องกันสายตรวจ จยย. เสริมด้วยรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ อีก 2 คัน จอดตามจุดเสี่ยงที่จะเกิดเหตุ ปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่าเหตุฉกชิงวิ่งราวลดน้อยลงกว่าเดิมมาก รวมไปถึงการจัดตั้งชุดปฏิบัติการจู่โจม เสริมทัพความเข้มข้นในการตรวจ
ขณะเดียวกัน สายตรวจยังทำการนำตัวสาวประเภท 2 กว่า 400 คน มาทำประวัติ เนื่องจากที่ผ่านมา บุคคลกลุ่มนี้ก่อเหตุต้มตุ๋น ฉกทรัพย์ นักท่องเที่ยวต่างชาติ นำความเสื่อมเสียชื่อเสียงสู่ประเทศชาติ ดังนั้นตำรวจสายป้องกันและปราบปราม สน.ลุมพินี ถือเป็นทีมงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 95% หากเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นอีก จะถือว่าเป็นสายตรวจที่สมบูรณ์ ครบ 100%
งานจราจร เน้นติดกล้องตามแยก ลดแรงปะทะ-ตั้งด่านความมั่นคง
เพื่อลดปัญหาถูกผู้ใช้รถใช้ถนน กล่าวหา กรณีตำรวจจราจรรับส่วย-สินบน ทางโรงพักได้มีการติดตั้ง CCTV ไว้ตามแยกสำคัญ หากผู้ใดฝ่าฝืนผิดกฎ เอกสารหลักฐานจะส่งถึงบ้าน นำมาจ่ายค่าปรับตามธรรมเนียม ไม่เน้นตำรวจแจกใบสั่งตัวๆ เพื่อลดการเผชิญหน้า พร้อมตั้งด่านความมั่นคงบูรณาการร่วมกับตำรวจโรงพักอื่นๆ ในพื้นที่ บก.น.5 นอกจากนี้ ตำรวจจราจรยังทำงานประสานกับฝ่ายปราบปราม ร่วมกันดูแลเหตุอาชญากรรมในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

...


ฝ่ายสืบสวน บูรณาการกับทุกหน้างานได้ มีความพร้อมลงพื้นที่ปิดจ๊อบคดีดัง
...
ที่ผ่านมา สายสืบ สน.ลุมพินี ค่อนข้างทำงานเป็นไปตามเป้า ประสานให้สืบจับอะไรสามารถทำได้ดี ผลงานเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ไม่มีอะไรน่าห่วง ปัจจุบันสืบสวนมีทั้งสิ้น 2 ชุด ตำรวจชุดละ 20 นาย หากเทียบกับคดีที่รับมอบหมายกำลังพลยังน้อยอยู่ ปัจจุบันได้บูรณาการเองในโรงพัก หากเหตุไหนต้องการกำลังคนลงพื้นที่สืบสวนมากเป็นพิเศษ สามารถสั่งไปสมทบช่วยราชการได้ อย่างที่บอกว่าตำรวจทุกนายในโรงพักต้องเก่งทุกด้าน ต้องทำเป็นหมด เพื่อรองรับภาวะขาดกำลังพล
สวัสดิการความเป็นอยู่ดี มีทุกอย่างค่อนข้างพร้อม
ด้วยภาระงานหลากหลายที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ สน.ลุมพินี ดังนั้นการตอบสนองความต้องการทางด้านขวัญกำลังใจ และความเป็นอยู่ของนายตำรวจในโรงพัก ทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้ดูแลลูกน้องให้ดีที่สุด เบื้องต้นคือโครงการอาหารกลางวันลดค่าใช้จ่าย กองทุนกู้ยืมฉุกเฉิน จัดรางวัลให้นายตำรวจที่มีผลการทำงานดีเด่นแต่ละชุดได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น สำหรับเรื่องที่อยู่อาศัย ขณะนี้ได้เร่งตรวจสอบว่า นายตำรวจคนไหนที่ย้ายออกไปแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจหลังโรงพัก ต้องดำเนินการเรื่องให้ย้ายที่อยู่ทันที เพื่อเหลือห้องว่างเพียงพอสำหรับตำรวจนายใหม่ที่ย้ายเข้ามาประจำตำแหน่ง นอกเหนือจากนี้ หากนายตำรวจมีเรื่องไม่สบายใจ อยากได้คำปรึกษา หาทางแก้ไข สามารถพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาได้โดยตรง
"ด้านอุปกรณ์ ทางเราพยายามจัดให้ครบ อาจจะมีเก่าบ้างใหม่บ้าง เนื่องจากใช้งานมานานและเป็นของหลวง ยกตัวอย่างเช่น ปืน เรามีให้เบิกจากจ่ากอง แต่ปืนที่ว่าก็อาจดูไม่ทันสมัย ไม่เหมาะกับยุคปัจจุบัน แต่มันใช้การได้ดีครับ"
ปั้นตำรวจเลือดใหม่ ไม่ต้องมีชื่อชั้น ขยันใฝ่รู้ เชื่อ..พวกเขาจะเป็นอนาคตขององค์กร
สำหรับทีมงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ทางผู้บังคับบัญชาเปิดโอกาสให้นายตำรวจรุ่นใหม่ที่ขยันทำงาน พร้อมสละเวลาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ได้ร่วมทำงานกับทีมผู้บังคับบัญชาที่มีความสามารถ เชื่อว่านายตำรวจเหล่านี้มีพื้นฐานความรู้ที่ดีอยู่แล้ว หากนำมาต่อยอดเพิ่มเติมประสบการณ์ ในภายภาคหน้าจะเป็นอนาคตที่ดีทั้งทางด้านการปฏิบัติงานสืบสวน-ปราบปราม ส่งผลไปถึงด้านพฤติกรรมการวางตัว เป็นตำรวจอยู่ในกรอบระเบียบ ไม่นอกรีต



พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.ลุมพินี เปิดตัว 8 นายตำรวจเลือดใหม่ สน.ลุมพินี ประกอบด้วย ร.ต.อ.ณัฏฐพัชร์ งามประดิษฐ์ (ผู้กองก๊อต) นรต.65, ร.ต.อ.ภารดร สุวรรณรัตน์ นรต.64 (ผู้กองเด่น), ร.ต.อ.ภัทธพล แจ่มสีดา นรต.64 (ผู้กองนิว), ร.ต.ท.ศุภพร สังข์กลับ นรต.68 (หมวดปิ๊บ), ร.ต.ท.วุฒิชัย อธิวรปัญญา นรต.68 (หมวดกอล์ฟ), ร.ต.ท.หญิง ณพาวัน วระกมล นรต.68 (หมวดจูน), ร.ต.ท.หญิง ธนวรรณ ทองศรี นรต.69 (หมวดเมย์) และ ร.ต.ต.กษิดิศ สันติปรีชาวัฒน์ นรต.70 (หมวดแบงค์)
Police Community เปิดทัศนวิสัย มองมุมกลับ เสนอมุมต่าง นายร้อยตำรวจทั้ง 8 คิดเห็นอย่างไร สิ่งไหนขาด-สิ่งไหนอยากให้เพิ่ม และบทสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้มีการนัดแนะ หรือบอกข้อมูลการสัมภาษณ์ที่ได้รับทราบจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ตำรวจทั้ง 8 นายได้รับทราบมาก่อน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่าง นำช่องว่างทั้งหมดมาเติมเต็ม เพื่อความสมดุลเท่าเทียมในการทำงานร่วมกันของตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา และผู้ปฏิบัติงาน
พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี โชคดีกว่าที่อื่น-ทุบแท่งพนักงานสอบสวนคนย้ายหนี ขวัญกำลังใจลด
เคยอยู่ในนครบาลมา 2 โรงพัก เห็นความแตกต่างด้านงานสอบสวนชัดเจน โดยเฉพาะจำนวนบุคลากร ลุมพินี มีเกือบ 20 แต่ ที่อื่นมีแค่ 3-4 คน ทั้งโรงพัก ซ้ำต้องรับคดีทั้งอาญาและจราจรเพียงคนเดียว ส่วนเรื่องค่าสำนวนคดีอาญา บางโรงพักไม่ได้ แต่ที่ลุมพินีได้ ค่าน้ำมันส่งตัวผู้ต้องหา เพื่อนๆ ที่อยู่ตามต่างจังหวัดหรือโรงพักอื่นๆ ในนครบาลหลายคนไม่ได้ แต่ที่ลุมพินีได้ ตรงจุดนี้มองว่าโชคดี รวมไปถึงการเข้าเวรทุกครั้งจะมีนายตำรวจระดับรองผู้กำกับอยู่กับเราด้วยตลอด เวลามีคดียากๆ ปรึกษาได้
"ส่วนที่อยากได้เพิ่มเติมคือ ล่าม เนื่องจากพื้นที่ สน.ลุมพินี มีคนหลายประเทศเข้ามาอาศัย มาท่องเที่ยว ทุกครั้งที่คนเหล่านี้มาโรงพัก ถ้าภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ยังพอคุยกันได้ แต่ถ้าภาษาญี่ปุ่น เกาหลี หรือภาษาอาเซียนค่อนข้างยาก เพราะคนพูดเป็นน้อย โดยรวมในส่วนของพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ไม่มีปัญหาอะไรที่หนักหน่วง เป็นเพียงแค่ปัญหาเฉพาะหน้าซึ่งแก้ได้ พูดคุยปรึกษากับผู้บังคับบัญชาได้ แต่จะดีมากหากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ทุบแท่งพนักงานสอบสวนทิ้ง เพราะการทุบระบบที่มันดีอยู่แล้วทิ้งไป ส่งผลให้พนักงานสอบสวนไม่อยากทำงาน พากันย้ายออก สวัสดิการ การเติบโตในหน้าที่การงาน นอกจากจะยากขึ้นแล้ว ขวัญกำลังใจในการทำงานก็ลดน้อยลงมากด้วย"



ปราบปรามขาดคน อยากให้เพิ่มจาก 6 จุดตรวจ เป็น 8 จุดตรวจ เชื่อลดเหตุได้ 100 เปอร์เซ็นต์
สายตรวจของเราทำงานเข้มแข็งเต็มกำลัง ทั้งเข้าระงับเหตุและป้องปรามไม่ให้เหตุเกิด โดยดูจากสถิติที่ผ่านมา จุดไหนมีลัก วิ่ง ชิง ปล้น ผู้บังคับบัญชาจะเน้นย้ำพาเจ้าหน้าที่นำรถสายตรวจไปจอดถี่กว่าปกติ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมขึ้น ขณะที่จุดอื่นๆ ก็ไม่ละทิ้ง จัดกำลังแต่ละชุดลงพื้นที่เช่นกัน สายตรวจทำงานเป็นทีม ประสานโดยตรงกับฝ่ายจราจร สืบสวน สอบสวน และปราบปราม ส่วนสิ่งที่ขาดคือ "กำลังเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ความพร้อมติดตัว"
"สายตรวจของโรงพักลุมพินี ยังไม่เพียงพอต่อการทำงาน ยังไม่เพียงพอต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ควรจะเพิ่มเจ้าหน้าที่จากเดิมมีอยู่ 6 เขตตรวจ เป็น 8 เขตตรวจ จะทำให้ครอบคลุมมากกว่าการยับยั้งเหตุได้ดีเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าถามเรื่องภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมอยากให้เข้ามาดูแลด้านวัสดุอุปกรณ์ของสายตรวจ เช่น กุญแจมือ ปืนพก กระบองดิ้ว วิทยุสื่อสาร รวมไปถึงอุปกรณ์ออกตรวจทั้งหลาย ถ้าซื้อเองมันก็คล่องตัวดี แต่ตำรวจบางนายไม่มีเงินซื้อ หากทาง สตช.จัดเสริมตรงนี้ให้ ผมว่ามันจะดีมากสำหรับตำรวจสายตรวจ"
ตำรวจสายสืบสวน อยากให้ฝึกอบรมด้านภาษาต่างชาติ-เพิ่มกำลังพลปฏิบัติงาน
เนื่องด้วยอาชญากรรมในพื้นที่เกิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ การสื่อสารทุกภาษาต้องเข้าถึงเข้าใจอย่างละเอียด เพราะทุกข้อมูลสำคัญมาก บางครั้งเหตุแค่นักท่องเที่ยวลืมของบนแท็กซี่ วางของทิ้งไว้แล้วหาย แต่หากสื่อสารผิดพลาดกลายเป็นเหตุอาชญากรรมได้เหมือนกัน ดังนั้นเรื่องล่ามค่อนข้างสำคัญมาก อยากให้มีล่ามเพิ่ม หรือนายตำรวจต้องใช้ภาษาได้ดี หรือผู้บังคับบัญชา ควรจัดอบรมเรียนแต่ละภาษาให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำมาใช้จริง
"อีกอย่างหนึ่งคือ กำลังพลของฝ่ายสืบสวนน้อยไป หากมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ อาจไม่เพียงพอ เพราะพื้นที่ สน.ลุมพินี มีภารกิจหลายหน้างาน เราอยากให้ทุกงานออกมาดีที่สุด หากวันนึงต้องรับภารกิจ 3 หน้างานพร้อมกันทีเดียว เชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ แต่อาจจะไม่ดีเท่าที่ควรเพราะว่ากำลังสายสืบน้อย อยากให้มีกำลังตำรวจเพิ่มขึ้นครับ ขวัญกำลังใจก็จะเพิ่มขึ้นด้วย"



จราจรใช้น้ำมันรถเยอะ-เพิ่มอุปกรณ์ลงพื้นที่-ขวัญกำลังใจต้องมีคือเรื่องสำคัญ
ตำรวจจราจรต้นทุนต่ำกว่าสายอื่น คนใช้รถทำผิดเอง ซ้ำยังคิดไปเองว่าจราจรจ้องจะจับกุมเค้า พอทำผิดแล้วก็คิดไปเองว่าตำรวจจะจับ จริงๆ คือไม่ใช่ ที่ผ่านมาฝ่ายจราจรลุมพินีทำทุกหนทางเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ โดยการติดกล้องจับภาพที่เป็นหลักฐานชัดเจน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องพูดคุยกัน ก็พยายามตลอดที่จะใช้คำพูดที่ดี อธิบายข้อกฎหมายที่เค้าได้กระทำผิดอย่างชัดเจน เมื่อคนไม่ชอบถูกกล่าวโทษ เราก็ควรแนะนำให้ความรู้ชี้ผิดถูก-ข้อดีข้อเสีย ถ้าทำถูกกฎ รอบข้างคุณจะไม่เกิดเหตุ แต่ถ้าทำผิดกฎส่งผลเสียไปถึงเพื่อนร่วมถนนด้วย
"สิ่งที่อยากได้จริงๆ สำหรับตำรวจจราจร สน.ลุมพินี อยากได้สวัสดิการด้านน้ำมันลดในการขับตรวจในพื้นที่ แม้ปัจจุบันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีงบให้แต่ก็ไม่เพียงพอ เชื่อว่าทุกพื้นที่น่าจะเป็นเหมือนกัน อยากที่ 2 คือ อุปกรณ์การทำงานที่เกี่ยวกับจราจร ที่ผ่านมาทางผู้บังคับบัญชาจัดเตรีมไว้ให้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่หากได้เพียงพอกับจำนวนการใช้งานก็จะดีมาก ส่วนอื่นๆ อยากให้ผู้บังคับบัญชาบริหารเรื่องขวัญ และกำลังใจคนทำงานครับ"
สวัสดิการโดยรวมที่อยากให้เกิดขึ้นกับตำรวจในโรงพัก
เรื่องที่อยู่อาศัยและความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องยอมรับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของโรงพักหลายท่านใส่ใจ ดูแลความเป็นอยู่ของลูกน้องดีมากกว่าจริงๆ หากเปรียบเทียบกับโรงพักอื่นๆ ใส่ใจแม้กระทั่งวันเกิด หรือลูกน้องเจ็บป่วยไม่สบาย และแม้ทุกวันนี้ทางผู้กำกับโรงพักจะพยายามจัดระเบียบแฟลตหลังโรงพัก แต่นั่นก็ไม่เพียงพอต่อจำนวนตำรวจที่มากขึ้นทุกวัน ไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงขยับขยายอย่างไรดี
"อย่างอื่นก็คือ สวัสดิการที่พวกเราได้กล่าวมาข้างต้น ทั้งหมดทั้งปวงนี้ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนแทบทั้งสิ้น"


ไม่อยากเสนอแนะเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่ง
คิดว่าเรื่องคำสั่งแต่งตั้งยังเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับตำรวจชั้นปฏิบัติงานอย่างพวกเรา อยากให้หัวข้อดังกล่าวเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ได้คิดวิเคราะห์ หาทางออกและแบบแผนที่ลงตัวเหมาะสมที่สุด
ผู้บังคับบัญชาไว้ใจให้เป็นตำรวจเลือดใหม่ของ สน.ลุมพินี
ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ขยัน ตั้งใจ ทุ่มเท ความรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อเราได้โอกาสที่ดี ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ สิ่งที่เหลือจากนี้ไปคือไม่ทำให้ใครผิดหวัง เป็นตำรวจเลือดใหม่ที่พร้อมจะเติบโตสั่งสมความรู้ก้าวไปสู่อนาคตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป วันนึงข้างหน้าหากมีศักยภาพเพียงพอ ก็พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ตำรวจรุ่นใหม่ๆ ที่มีความพร้อมได้เข้ามายืนตรงจุดที่เราเคยยืนเช่นกัน อันไหนที่ผู้บังคับบัญชาทำมาดี เราก็พร้อมที่จะดูเป็นแบบอย่างและทำตาม
ความสามารถที่ "ปราศจากโอกาส" ไร้ความหมาย ...และถ้า "มีโอกาส" แต่ไม่มีความสามารถ "ไร้ค่า"... แนวทำงานตามแบบฉบับบูรณาการเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ของ สน.ลุมพินี จึงถือเป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นในยุค 4.0 เปิดโอกาส สร้างตำรวจเลือดใหม่เข้ามาทำงาน เพิ่มเติมความรู้ สั่งสมประสบการณ์ ทุกคนมีสิทธิ์คิด ทุกฝ่ายมีสิทธิ์พูด แสดงความเห็นต่างได้อย่างอิสระเสรี อยู่ในขอบเขตที่ต้องส่งผลดีต่อตำรวจ และประชาชนเป็นสำคัญ
"เก่งแล้วต้องดี ดีอยู่แล้วต้องขยัน ขยันแล้วก็ต้องพัฒนาเพิ่มเติมความรู้อยู่ตลอด" การปฏิรูปตำรวจที่กำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้องค์กรเปลี่ยนแปลงไปด้านใดบ้างไม่มีใครรู้ แต่ที่ทุกคนรู้เหมือนๆ กันคือ ประเทศไทยต้องการตำรวจที่สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างแท้จริง.....
ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งประชาชน และตำรวจควรจะให้ความร่วมมือในการปฏิรูปตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ ส่วนโรงพักพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย ลองสำรวจบุคลากรของตัวเอง ดูสิคะว่า แนวทางการทำที่ผ่านมา นอกจากบรรลุเป้าหมายของหน่วยงานแล้ว ยังสามารถตอบโจทย์ของประชาชนในพื้นที่ได้ด้วยหรือไม่
"Police Community"

