ผบก.ปปป.เผยส่งไม้ต่อคดี “เงินทอนวัด” ให้พศ.ดำเนินการ ทำให้ไม่สูญเสียงบประมาณ เวลาและกำลังพล เชื่อมือพศ.ข้อมูลแน่น ตรวจสอบจริงจัง

จากกรณี กองบังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นำกำลังเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 10 จุดในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตามยุทธการปราบโกงวัด เพื่อจับกุมผู้เกี่ยวข้องเครือข่ายทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หลังตรวจพบว่ามีวัดสร้างความเสียหายแก่รัฐสูงถึง 60.5 ล้านบาท

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ก.ค.60 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า ที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ไปว่าจะให้ทาง พศ. ดำเนินการต่อไปในการขยายผลหาวัดกระทำผิดนั้น เนื่องจากทาง พศ.มีข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือ จึงเป็นเรื่องง่ายในการตรวจสอบวัดที่กระทำความผิด เมื่อพบวัดที่เข้าข่ายทุจริตแล้วก็ส่งเรื่องมาให้ทาง ปปป.ทำการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ เพียงแต่ ปปป.จะไม่เป็นฝ่ายให้กำลังเจ้าหน้าที่ลงไปกระจายสุ่มตรวจวัดต้องสงสัยทั่วประเทศเหมือนครั้งแรกแล้วเพราะการลงพื้นที่แต่ละครั้ง เสียงบประมาณ เสียเวลารวมถึงกำลังคนจำนวนมาก

"ในส่วนที่มีประชาชนกังวลเรื่องความโปร่งใสที่จะให้หน่วยงาน พศ. ตรวจสอบกันเองนั้น เรื่องนี้ตนเชื่อมั่นในหน่วยงาน พศ. ที่มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการค้นหากลุ่มผู้กระทำความผิด หากมีข้อมูลอื่นๆ ว่ามีการทุจริตแล้วทาง พศ. ไม่ได้ลงไปตรวจสอบ ทาง ปปป. ก็จะไปดำเนินการสืบสวนเอง ทั้งนี้เหตุผลที่ ปปป.ไม่ขยายผลต่อไปนั้นไม่ได้เกิดจากการถูกกดดันจากฝ่ายไหน เพียงแต่มองว่าการให้พศ.ไปตรวจสอบก่อนจนพบว่ามีการทุจริตที่ไหนอย่างไรแล้วจากนั้นมาแจ้งทาง ปปป. ลงไปสืบสวนเป็นวิธีการบริหารจัดการคดีที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด" พล.ต.ต.กมล กล่าว

...