
ถือเป็นเรื่องไม่คาดฝันของชาวสวนมะพร้าว เมื่อราคามะพร้าวตกต่ำต่อเนื่อง ณ ขณะนี้ ราคาหน้าสวน เหลือผลละ 3 บาทกว่า ทั้งที่ก่อนหน้าปลายปีที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แนะนำชาวบ้านที่มีสวนมีไร่ปลูกมะพร้าวแกง มะพร้าวกะทิ เพราะปลูก 3 ปี ได้ผลมีกำไร และยังเสนอให้เกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดชายแดนใต้ ปลูกมะพร้าวทุกบ้านเช่นกัน โดยช่วงนั้นมะพร้าวมีราคาผลละ 17 บาทกว่า
เมื่อเวลาผ่านไป แต่ผลปรากฏไม่เป็นเช่นนั้น ราคามะพร้าวตกต่ำเหลือ 13 บาทกว่า เมื่อต้นปี 61 และราคายังตกต่ำต่อเนื่องอีก เมื่อกลางปีเหลือผลละ 7 บาทกว่า สร้างผลกระทบและความเดือนร้อนให้กับชาวสวนมะพร้าวจำนวนมาก โดยเฉพาะ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ปลูกมะพร้าวมากที่สุดในประเทศไทย ประมาณ 4.5 แสนกว่าไร่
ขณะที่ อำนาจ มณีแดง เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวอำเภอทับสะแก และผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ว่า เมื่อปี 60 ราคามะพร้าวยังทรงตัว จากนั้นในปี 61 เริ่มราคาตกต่ำ และเกิดวิกฤติราคาร่วงหนักในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จากมะพร้าวเถื่อนเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก ทำให้มะพร้าวในประเทศของชาวสวนไม่ได้ไปสู่โรงงานและท้องตลาด จากเดิมเคยส่งโรงงาน 10 เที่ยว เหลือเพียง 1 เที่ยวต่อเดือน เนื่องจากกลุ่มนายทุนมีการนำมะพร้าวเถื่อนซึ่งมีราคาถูกเข้ามา เพื่อให้ได้กำไรมากๆ เมื่อแปรรูปเป็นกะทิ จึงส่งผลกระทบต่อชาวสวนมะพร้าวเป็นวงกว้าง ทำให้ขายไม่ได้จากการถูกทุบตลาด
นอกจากนี้ยังเกิดจากการนำเข้ามะพร้าวของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งไม่ได้มีการเช็กสต็อกผลผลิตความสมดุลในประเทศเป็นรายไตรมาสอย่างชัดเจน ทั้งที่ทางคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเคยกำชับให้ดูแลการนำเข้ามะพร้าวตามกรอบ และต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชาวสวน โดยช่วงระหว่างเดือน พ.ย.ปี 60-พ.ค.61 ได้มีการนำเข้ามะพร้าว 500 ล้านผล หรือประมาณ 5 แสนตัน มากกว่าการบริโภคของประชากรหลายเท่า ได้ทำให้มะพร้าวจากราคาผลละ 25-30 บาท ร่วงตกต่ำลง
“แตกต่างกับช่วงปี 59-60 สถานการณ์ราคามะพร้าวขณะนั้นกำลังดี ชาวสวนมีการลงทุนซื้อปุ๋ย ติดตั้งระบบน้ำ คาดหวังจะมีอาชีพมั่นคง จากเคยมีรายได้เฉลี่ย 1 หมื่นบาทต่อเดือน แบบพออยู่พอกิน กลับได้รับผลกระทบมหาศาล มีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก จากมะพร้าวเถื่อน และนำเข้าของโรงงานแปรรูปมะพร้าว เมื่อต้น ม.ค.ปีนี้ ลามไปถึงสถาบันการเงินที่ชาวสวนไปกู้ยืมมาลงทุน
ไม่รวมถึงผลกระทบที่ได้รับจากการขายมะพร้าวผ่านทางโซเชียล เป็นการผิดระเบียบกระทรวงพาณิชย์ เรื่องนี้ต้องถามกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ว่าปล่อยให้ทำได้อย่างไร และต้องควบคุมมะพร้าวเถื่อน เพราะเข้าข่ายการฟอกเงิน ยิ่งไปกว่านั้นได้นำศัตรูพืช พวกเชื้อไฟโตพลาสมา เข้ามาจากมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ดังนั้นอย่าให้เหตุการณ์มะพร้าวเถื่อนเข้ามาทำลายสถานการณ์ในประเทศ และสงสัยหากรมยาจริง ทำไมมีศัตรูพืช จึงสงสัยใบรับรองออกมาได้อย่างไร”
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันรัฐบาลสั่งงดการนำเข้ามะพร้าว 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ต.ค. แต่เชื่อว่าราคามะพร้าวไทยจะยังไม่ปรับสูงขึ้น เพราะยังคงมีมะพร้าวเถื่อนลักลอบเข้ามา โดยมีข้อเสนอในการป้องกันมะพร้าวเถื่อน ควรมีใบอนุญาตในการเคลื่อนไหวมะพร้าวระหว่างจังหวัด ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรดำเนินการ พร้อมทำดีเอ็นเอมะพร้าว เพื่อตรวจสอบเป็นมะพร้าวของไทยหรือไม่ ทั้งนี้มะพร้าวเถื่อนมีการลักลอบนำมาจากอินโดนีเซีย ซึ่งปลูกมะพร้าวอันดับที่ 9 ของโลก แต่เนื่องจากมาตรฐานการผลิตในประเทศอินโดนีเซียค่อนข้างต่ำ ทำให้โรงงานในไทยไม่ไปสร้างฐานผลิตในอินโดนีเซีย
ขณะเดียวกันในช่วงสถานการณ์ราคามะพร้าวตกต่ำ ได้ผลักดันให้มีการแปรรูปมะพร้าว จากบทเรียนที่ผ่านมา เนื่องจากปี 55 ราคามะพร้าวตกต่ำเคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะนั้นราคาผลละ 1-2 บาท จนรัฐบาลนำเงินมาชดเชย กระทั่งล่าสุดปี 61 ราคาตกต่ำอีกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งล่าสุดได้เข้าพบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอให้ใช้เงินกระทรวงพาณิชย์นำมาชดเชยค่ามะพร้าวแห้ง ซึ่งเป็นมะพร้าวงอกในราคากิโลกรัมละ 17.50 บาท คาดใช้เงินประมาณ 600-700 ล้านบาท.