
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่กำหนดให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นำเงินส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินเฉพาะส่วนที่เกินกว่า 1,000 ล้านบาท คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว เนื่องจาก เงินกองทุนไม่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็น ทั้งยังมีแนวโน้มลดลง ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ แม้กระทรวงการคลังจะมีคำสั่งลดยอดเงินส่วนที่เกินความจำเป็นของทุนหมุนเวียน ของกองทุนส่งเสริมฯที่ต้องนำส่งจาก 2,000 ล้านมาเหลือ 1,000 ล้าน สมาคมฯก็ไม่เห็นด้วย
ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า ขณะที่ กระทรวงการคลังมีคำสั่งดังกล่าว ยังไม่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดและการนำ ทุนหรือผลกำไรส่วนเกิน ของทุนหมุนเวียน ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ทั้งไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายลำดับรอง กำหนดหลักเกณฑ์กรณีดังกล่าวไว้โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีข้อเท็จจริง ตามคำให้การของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการว่า หากกองทุนฯนำเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเกินกว่า 1,000 ล้านบาท จะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของกองทุน และเมื่อเงินที่เกินกว่าสภาพคล่องของกองทุนมีจำนวนไม่เกินกว่า 1,000 ล้านบาท การที่กระทรวงการคลัง มีคำสั่งเรียกให้กองทุนฯนำเงินสภาพคล่องส่วนที่เกิน ความจำเป็นของกองทุนหมุนเวียนส่งคลัง เป็นรายได้แผ่นดิน 2,000 ล้านบาท ย่อมทำให้คนพิการและองค์กรคนพิการอาจต้องสูญเสียจากการขาดสภาพคล่องของกองทุน กระทบต่อการดำเนินงานของกองทุน ดังนั้นการที่กระทรวงคลัง มีคำสั่งกำหนดให้กองทุนนำเงิน ส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินเฉพาะส่วนที่เกินกว่า 1,000 ล้านบาท จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ และเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย.