เมื่ออยู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาท่ามกลางฤดูร้อน จะอย่างไรก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราแนะนำเทคนิคการใช้งานให้คุณขับขี่ปลอดภัย พร้อมสู้ฝนได้แน่นอน…
ใครจะไปคิด...ว่าท่ามกลางฤดูร้อนเดือนเมษายนที่ร้อนถึงอกถึงใจ ร้อนหนักถึงพริกถึงขิงของประเทศไทย จู่ๆ จะมีสายฝนเทกระหน่ำลงมาหลายครั้งติดๆ กัน เรามั่นใจเลยว่าหลายๆ คนยังไม่ทันตั้งตัว ถ้าเป็นคนเดินถนนก็เชื่อว่าต้องรื้อหาร่มมาติดกระเป๋ากันยกใหญ่
แล้วคนใช้รถใช้ถนนล่ะ คุณเตรียมตัวรับมือฝนตกหลงฤดูแบบนี้เช่นไร หากไม่นับรวมอุปกรณ์ที่ต้องบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมให้สภาพดี๊ดีพร้อมสู้น้ำฝนจากฟ้า คุณรู้หรือเปล่าว่าก้านที่ปัดน้ำฝนของรถแต่ละคันน่ะ ซ่อนความหมายอะไรไว้บ้าง...?
แต่ละรุ่น...แตกต่างกัน
หมายถึงรายละเอียดของก้านปัดน้ำฝนของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น อาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ฟังก์ชันการใช้งานน่ะใกล้เคียงกันอยู่ดี คือ มีก้านปัดน้ำฝนติดอยู่ด้านซ้ายของพวงมาลัยรถนั่นเอง มีใครยังไม่รู้อีกมั้ย? ถ้าคุณหาที่เปิดไฟเลี้ยวได้ มองฝั่งตรงข้ามดูสิ ก้านปัดน้ำฝนประจำการอยู่ตรงข้ามกันเลยล่ะ

...
เลือกปัดระดับไหน?
ถ้าตอบแบบเข้าใจง่ายก็คือ...ถ้าฝนตกบางๆ พรำๆ ก็ไม่ต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนหรอกค่ะ แค่ยกก้านปัดซักครั้งแล้วผลักลงเช่นเดิม ก็น่าจะปัดไล่เม็ดฝนออกจากกระจกหน้า กระจกหลัง ได้หมดแล้วล่ะ แต่ถ้าฝนตกลงมาต่อเนื่อง หรือตกมากขึ้น คุณก็แค่เพิ่มระดับความเร็วของที่ปัดน้ำฝนด้วยการกดก้านลง (หรือดันขึ้นในรถบางรุ่น) ให้เป็นระดับที่เร็วขึ้น เพื่อให้เหมาะกับปริมาณเม็ดฝนที่ตกลงสู่กระจกของรถนั่นเอง โดยส่วนใหญ่ก็จะมีประมาณ 3 ระดับ
อ่อ คุณยังสามารถเลือกตั้งความถี่ในการปัดน้ำฝนได้ด้วยนะ ลองสังเกตที่ก้านปัดน้ำฝนของรถคุณสิ มีลูกเล่นกี่ระดับกันบ้าง สามารถปรับระยะเวลาการปัดน้ำฝนให้จังหวะเร็วขึ้นหรือช้าลงก็ได้นะ ลองขยับปรับเล่นดูหน่อย
ฝนหนักก็อย่าฝืน
นี่ไม่ได้มากวนต่อมหรืออยากกระตุกอวัยวะส่วนใดของคุณหรอกนะ แต่เราหวังดีเป็นที่สุด! เพราะหลายๆ ครั้ง หลายคนเลือกจะขับรถฝ่าฝนหนักๆ เพื่อรีบไปให้ถึงจุดหมาย แต่บอกเลยว่าอันตรายมากกกกกก เพราะนอกจากที่คุณจะต้องระมัดระวังในการขับขี่ของตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญคือเพื่อนร่วมทางคันอื่นที่ต้องใส่ใจให้มากขึ้น ด้วยความไม่ประมาท
แถมท้ายอีกนิดกับเรื่องใบปัดน้ำฝน แนะนำให้ตรวจเช็กสภาพหรือทางที่ดีก็เปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน หรือ 12 เดือน ก็จะเป็นการดี.