แรงดันลมยาง เติมเท่าไหร่ดี?

แรงดันลมยางที่เหมาะสมตรงตามที่คู่มือประจำรถระบุเป็นเรื่องสำคัญ หลายคนละเลยเรื่องลมยาง คิดว่าไม่มีอะไร แต่พอวิ่งไป เมื่อลมยางอ่อน ยางจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ยิ่งลมอ่อนมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เสี่ยงต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับส่วนที่รับน้ำหนัก นั่นก็คือแก้มยาง จุดที่ต้องแบกรับน้ำหนักรถที่กดลงมาพร้อมกับการหมุนไปบนถนนที่มีความเสียดทานเพิ่มขึ้นอย่างมากจนยางรับไม่ไหว ยางที่มีความดันลมยางต่ำ ทำให้ควบคุมรถยาก เปลืองน้ำมัน  ก่อนการเดินทางไกลทุกครั้งควรตรวจเช็กความดันลมยาง ส่วนการใช้งานปกติ ต้องตรวจสอบแรงดันลมยางอาทิตย์ละครั้ง  หากใช้งานรถกระบะและบรรทุกน้ำหนักมาก ให้เช็กแรงดันลมยางที่เหมาะสม ด้วยที่วัดความดันลมยางที่ได้มาตรฐาน ตรวจเช็กความดันลมยางของรถยนต์ที่ระบุอยู่บนแผ่นป้ายบริเวณขอบประตูฝั่งคนขับ หรือในคู่มือประจำรถ 

เพื่อให้ได้ค่าแรงดันลมยางที่แม่นยำ ควรเช็กค่าความดันลมยางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ ซึ่งหมายความว่าหลังจากเลิกใช้รถมาไม่ต่ำกว่า 3 ชม. หรือวิ่งในระยะทางน้อยกว่า 1.6 กิโลเมตร ด้วยความเร็วปานกลาง 

ร่องดอกยาง
ดอกยางจะเกิดการสึกหรอไปตามระยะเวลาการใช้งาน ซึ่งไม่ควรปล่อยให้ความลึกร่องดอกยางมีขนาดต่ำกว่า 1.6 มม.  การเช็กความลึกร่องดอกยาง เป็นเรื่องที่ทำได้โดยง่าย  ให้ใช้ที่วัดความลึกร่องดอกยางซึ่งจะให้ค่าที่แม่นยำ หรือใช้เหรียญบาทในการวัด หากเหรียญกินลึกลงไปนิดเดียว ไม่ถึงครึ่ง ควรเปลี่ยนยางชุดใหม่ทันทีไม่ควรลากใช้ยางเก่าที่ร่องดอกยางสึกหรอจนเกือบจะโล้น เพราะอันตรายมากหากเกิดฝนตก

ดอกยางสึกไม่สม่ำเสมอกันเกิดได้จากหลายตัวแปร เช่น มุมแคมเบอร์ การใช้งานหน้ายางเพียงด้านใดด้านหนึ่ง การเติมลมยางหรือเติมลมไนโตรเจนด้วยแรงดันที่ไม่เหมาะสม  ช่วงล่างของรถและศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้อง  นำไปสู่ความผิดปกติด้านการสึกของยาง  ควรได้รับการตรวจสอบโดยช่างเพื่อทำการแก้ใข

ยางมีรอยแตกที่แก้ม 

แก้มยางรถยนต์ที่มีรอยยางแตกลายงา รอยแยก รอยบาดหรือรอยขีดข่วน อาจจะเกิดได้จากการวิ่งบนถนนที่เป็นหลุม บ่อ ใช้ความดันลมยางที่ต่ำเกินไป บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป หรือการเสียดสีกับขอบถนน มีโอกาสส่งผลไปยังตัวยางที่ได้รับความร้อนหรือโอโซนมากเกินไปจนทำให้ยางรถยนต์มีรอยแตกเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ยางแตกหรือระเบิดได้ แนะนำให้รับการตรวจสอบโดยช่างผู้ชำนาญ แต่แก้มยางที่ฉีกขาดคงต้องตัดใจเปลี่ยนยางเส้นใหม่ จะปลอดภัยกว่าเอามาซ่อมใช้ เพราะโครงสร้างแก้มยางเกิดความเสียหายจนฉีกขาดแม้จะทำการซ่อมแซมได้ แต่การรับแรงดันไม่ได้รับประกันว่ามันจะยังมีประสิทธิภาพอยู่ หรือพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ  

ยางปูด ยางบวม
ยางปูด ยางรถบวม จากการกระแทกอย่างรุนแรง ตกหลุม หรือเบียดชนกับขอบฟุตบาท ให้รีบเปลี่ยนยางโดยเร็วที่สุด ซึ่งรอยป่องนูน เป็นสัญญาณของความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในโครงสร้างยาง และนำไปสู่ความเสียของยางทั้งเส้น  ควรเปลี่ยนยางเส้นนั้นทันที เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ หรือยางไปแตกระหว่างทาง

ยางหอน
การสั่นสะเทือนของยางจนเกิดเสียง อาจเกิดจากความผิดปกติในกลไกของยาง เช่น การตั้งศูนย์ถ่วงล้อหรือขอบล้อบิดงอ ซึ่งอาจส่งผลให้ยางเสียหายได้เช่นกัน เมื่อรู้สึกว่ามีการสั่นสะเทือนหรือได้ยินเสียงผิดปกติ ควรทำการตรวจสอบโดยช่างผู้ชำนาญและเปลี่ยนยางตามคำแนะนำ 

เมื่อมีความจำเป็นต้องขับผ่านถนนลูกรังที่มีหลุมบ่อ หรือผิวถนนขรุขระควรลดความเร็วเพื่อป้องกันการเกิดความเสียต่อยางรถยนต์และศูนย์รถ การขับรถบนขอบถนนหรือถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ศูนย์ล้อรถอาจเคลื่อนและเป็นสาเหตุให้ยางเกิดการสึกไม่สม่ำเสมอ หรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น  การขับขี่มาด้วยความเร็วและตกหลุมทำให้ยางแตกได้   ขับช้าลงบนพื้นผิวที่ขรุขระ ต้องให้ช่างตรวจเช็กศูนย์ล้อเพื่อให้แน่ใจว่าศูนย์ล้อของรถคุณอยู่ในค่าที่ถูกต้องและเหมาะสม

การสลับยาง 

เพื่อให้แน่ใจว่ายางทั้ง 4 เส้น สึกสม่ำเสมอเท่ากัน ให้ทำการสลับยางตามคำแนะนำในคู่มือประจำรถ หรือทุก ๆ  10,000 กิโลเมตร 

ยางอะไหล่
อย่าขับรถออกจากบ้านโดยไม่มียางอะไหล่ หากไม่ได้ใช้ยางแบบรันแฟลต (เหมือนยาง Bridgestone Run-Flat ) การที่ไม่มียางอะไหล่ เมื่อประสบปัญหาเกี่ยวกับยางแตกยางรั่ว ยางอะไหล่ช่วยทำให้เอาตัวรอดได้ไม่ต้องจอดรอรถสไลด์สถานเดียวหรือต้องวิ่งไปปะยางแล้วกลับมาใส่ สิ่งสำคัญ คือ ควรดูแลรักษายางอะไหล่ ตรวจเช็กแรงดันลมยางอะไหล่ทุกเดือน และตรวจสอบให้แน่ใจว่ายางอะไหล่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน  

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/