แรงดันลมยางมักถูกมองข้าม แต่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และอายุการใช้งานของยาง แรงดันลมยางที่เหมาะสมจะช่วยให้ยางสัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มการควบคุมรถและการยึดเกาะถนน อีกทั้งยังช่วยประหยัดเงินด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง
คำถามที่ว่า “แรงดันลมยาง ควรอยู่ที่เท่าไหร่” เป็นคำถามสำคัญ เพราะการรักษาแรงดันลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งาน (ที่แตกต่างกันในยางแต่ละแบบ) นั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อการหลีกเลี่ยงการสึกหรอของยางที่ไม่จำเป็น ลดอันตรายจากการระเบิดของยาง และการควบคุมรถที่ย่ำแย่ ซึ่งทั้งหมด อาจทำให้คุณตกอยู่ในความเสี่ยง
...
แรงดันลมยางทำไมจึงสำคัญ?
แรงดันลมยาง คือปริมาณลมภายในยาง วัดเป็นปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) แรงดันลมยางเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะส่งผลโดยตรงต่อการควบคุมรถ ความปลอดภัย และแม้แต่ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง
แรงดันลมยางที่เหมาะสม ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการสัมผัสกับพื้นถนนอย่างมีประสิทธิภาพ มอบการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นและการควบคุมที่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง ลดความเสี่ยงจากการระเบิด เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง หากแรงดันลมยางต่ำหรือสูงเกินไป อาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง เช่น การควบคุมรถที่ไม่ดี ยางสึกก่อนเวลาอันควร ซึ่งทั้งสองอย่าง ส่งผลกระทบต่อการขับขี่และความปลอดภัย
แรงดันลมยางส่งผลต่อสมรรถนะของรถยนต์อย่างไร
เมื่อเติมลมยางตามแรงดันลมยางที่แนะนำ จะทำให้ยางสัมผัสกับพื้นถนนได้ดีที่สุด ช่วยให้รถควบคุมได้ตามที่ออกแบบไว้ ช่วยให้ควบคุมพวงมาลัยได้ดีขึ้น และทรงตัวได้ดี ยางที่เติมลมยางน้อยเกินไป หรือมากเกินไป อาจทำให้รถตอบสนองได้น้อยลง ส่งผลต่อการควบคุมรถเมื่อต้องเลี้ยวหรือหยุดกะทันหัน
ความปลอดภัย
ยางที่เติมลมยางไม่เหมาะสม มีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุ เช่น แรงดันลมยางต่ำ เพิ่มความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดหรือสูญเสียการยึดเกาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนถนนเปียก ยางที่เติมลมยางน้อยเกินไปจะสึกหรอไม่สม่ำเสมอ ในขณะที่ยางที่เติมลมยางมากเกินไปอาจทำให้ยางแตกเมื่อแรงดันลมยางสูงเกินไป ทั้งสองกรณีนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอย่างมาก
ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง:
การรักษาแรงดันลมยางให้เหมาะสม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ยางที่เติมลมยางน้อยเกินไปจะช่วยเพิ่มแรงต้านทานการหมุน ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น การเติมลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 0.6% โดยเฉลี่ย และสูงถึง 3% ในบางกรณี แรงดันลมยางที่อ่อนเกินไปอาจลดประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงลง 0.2% ทุกๆ แรงดันลมยางที่ลดลง 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) อีกทั้งยังส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของยาง
แรงดันลมยางปกติสำหรับรถ SUV
สำหรับรถ SUV แรงดันลมยางปกติโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 32 ถึง 35 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบคู่มือระบุแรงดันลมยางรถยนต์ของคุณอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเติมลมตามกำหนดของบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากรถต่ละแบบ ใช้ยางที่มีขนาดและแรงดันลมแตกต่างกันไป
...
ยางรถยนต์แต่ละแบบ แต่ละขนาด มีความเหมาะสมที่จะต้องใช้แรงดันลมยางต่างกัน การเติมลมยางให้เหมาะสมกับการใช้งานรวมถึงประเภทของยางจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะส่งผลถึงการสึกหรอของยางแล้ว ยังมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย ถ้าใช้งานยางติดรถยนต์มาจากโรงงานขนาดมาตรฐาน ไม่ได้มีการบรรทุกหนักกว่าปกติ แรงดันลมยางควรมีอัตราที่เหมาะสม ตรงกับที่ระบุในคู่มือหรือที่เสากลาง (สำหรับรถยนต์บางรุ่นบางยี่ห้อที่ติดสติกเกอร์แจ้งเตือนแรงดันลมยางกับน้ำหนักบรรทุกที่ถูกต้อง) อัตราส่วนแรงดันลมยางที่บริษัทผู้ผลิตระบุเอาไว้นั้นถือเป็นค่ากลาง ที่มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไป
...
ในสภาวะของการใช้งานจริง แรงดันลมยางที่เหมาะสมกลับขึ้นตรงต่อความพึงพอใจของผู้ขับ อาจแตกต่างไปจากตัวเลขที่ระบุ แต่ไม่มากนัก เพราะการกำหนดค่าแรงดันลมยางมาจากโรงงานจะเป็นค่ากลางๆ ที่สามารถใช้งานยางได้ดีพอสมควร หากจะเติมตามความพอใจของตนเอง ต้องเริ่มเติมลมยาง จากค่ากลางของบริษัทผู้ผลิตแล้ว เพิ่ม หรือลดลงมาเล็กน้อยแล้วลองขับดูว่าชอบแบบไหน ลองจับอาการและการสึกหรอของยาง สัมผัสของระบบรองรับว่าเติมลมยางมากกว่าเดิม 1-2 ปอนด์ จนทำให้รู้สึกแข็งกระด้าง หรือเติมลมยางอ่อนเกินไปจนทำให้เกิดการสึกหรอ เร่งแล้วหนืด เสียงดัง หรือมีอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ส่วนอายุการใช้งานยาง อย่างที่บอกว่า ยางคือชีวิต ไม่ควรลากยาวเกินกว่า 40,000 กิโลเมตร แม้จะเห็นว่า ดอกยังเยอะ เนื้อยังนิ่ม กดแล้วไม่แข็งกระด้าง แต่ระยะทางที่ใช้งานมากว่าสี่หมื่นกิโลเมตรนั้นสมควรที่จะต้องเปลี่ยนยางชุดใหม่ได้แล้ว อย่าลืมว่า ยางคืออุปกรณ์ที่มีความสำคัญและส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ทั้งการยึดเกาะ รีดน้ำบรถนนที่เปียกชื้นและระยะเบรก
...
หลักการจับความรู้สึกง่ายๆ ของการเติมลมยางก็คือ เติมมากกว่าที่ระบุ ยิ่งลมยางสูง จะทำให้ยางแข็งกระด้าง หน้ายางบริเวณกึ่งกลางจะสึกมากกว่าขอบยางหรือดอกยางด้านใน หากเติมแรงดันลมยางอ่อนเกินไป หน้ายางจะสึกหรอบริเวณริมขอบนอกทั้งด้านนอกและด้านในของดอกยาง เกิดอาการหน่วงเวลาเร่งความเร็ว แต่ไม่กระด้าง
ที่บอกว่า แรงดันลมยางที่เป็นค่ากลางระบุจากบริษัทผู้ผลิต อาจขัดแย้งกับความรู้สึกเดิมๆ ของหลายคน ที่เชื่อว่า แรงดันที่ระบุนั้นเหมาะสมที่สุด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าแรงดันลมยางตามใจชอบได้ ในความเป็นจริง บริษัทรถยนต์ที่ระบุตัวเลขแรงดันลมยาง แม้จะรู้เรื่องน้ำหนักรถ ตัวเลขอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก และขนาดของยาง แต่ไม่ทราบว่ายางเส้นที่ใช้งานจริงมีโครงสร้างของยางแบบไหน มีน้ำหนักบรรทุกแค่ไหน สภาพผิวถนนที่ขับเป็นอย่างไร สภาพอากาศในขณะนั้น และผู้ขับ ขับในลักษณะไหน?
ยางที่มีแรงดันลมต่ำกว่าที่ระบุจากบริษัทผู้ผลิต จะมีแรงต้านการหมุนสูงกว่ามาก แรงต้านการหมุนคือแรงที่ต้องใช้ในการสร้างเพื่อดันยางไปข้างหน้า ยิ่งลมในยางต่ำลงเท่าใด ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการทำให้ยางหมุนได้ การรักษาแรงดันลมยางให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดของขนาดยางและการรับน้ำหนักบรรทุก เพื่อให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนาน หากเติมลมยางน้อยเกินไปน้ำหนักของรถจะอยู่บนไหล่ยางมากขึ้น ทำให้สึกหรอที่ส่วนนอกของดอกยางมากขึ้น แรงดันลมยางต่ำ หรือลดลง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เติมลมยางไม่เต็ม ยางโดนตะปูหรือของมีคมทำให้ลมรั่วออกมาทีละน้อย สาเหตุที่พบบ่อย ก็คือ ตะปู สกรู น็อตที่แหลมคม หรือแม้แต่เศษหินคมๆบาดเข้าไปในเนื้อยางจนทะลุ
แรงดันลมยางที่เหมาะสมซึ่งขึ้นตรงกับความพึงพอใจของผู้ขับเกิดจากการเปลี่ยนล้อและยางให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพราะการเปลี่ยนล้อและยางให้มีขนาดท่ีใหญ่กว่าเดิม ค่าแรงดันลมยางก็ต้องเปลี่ยนให้สูงขึ้นตามความใหญ่ที่เพิ่มขึ้น (แต่แก้มยางกลับเตี้ยลง ทำให้กระด้าง) สำหรับคนที่ไม่ได้เปลี่ยนขนาดของล้อและยาง ใช้ค่าแรงดันลมยางมาตรฐานจะเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ต้องไประแวง ยกเว้น ต้องบรรทุกเต็มอัตราเพื่อเดินทาง อันนั้นก็ต้องเติมเผื่อให้แข็งขึ้นอีก 3-5 ปอนด์ ส่วนยางเส้นโตแก้มเตี้ย การอัดลมยางมากกว่าที่ค่ากำหนดช่วยลดความเสียหายของล้อและยางได้บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะหลุมบ่อบนถนนนั้นสามารถทำให้ยางแก้มเตี้ยและล้อวงโตเสียหายมานักต่อนักหากขับไม่ระวัง.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/