หลังจากรับใช้มานาน สัญญาณเตือนจากอาการต่างๆ ที่ปรากฏขณะขับใช้งานของกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ออโต้ก็จะปรากฎออกมา หากเป็นคนใช้รถที่รู้จักเอาใจใส่หมั่นดูแลรถยนต์ของตนเองโดยเฉพาะระบบส่งกำลัง อายุการใช้งานของเกียร์ลูกนั้นก็จะอยู่นานจนรถพังแล้วเกียร์ก็ยังใช้งานได้ บางค่ายบอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ตลอดอายุการใช้งาน แหม มันจะดีขนาดนั้นเลยหรือครับ เอาเข้าจริงๆ รถเกียร์ออโต้ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนถ่ายของเหลวหล่อลื่น หรือกรองเกียร์ มักจะพังที่ระยะใช้งานเกิน 100,000 กิโลเมตรเกือบทุกคัน ถ้าไม่อยากเกียร์พังก็ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ที่ระยะ 30,000-40,000 กิโลเมตร รวมถึงขับแบบถนอมเกียร์ ไม่เปลี่ยนเกียร์เล่นบ่อยๆ ไม่ขับแบบลากเกียร์ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนอายุการใช้งานของเกียร์ออโต้ให้หดสั้นลง
ถึงจะดูแลอย่างไร ความสึกหรอจากการใช้งานก็เกิดขึ้นอยู่ดี ลางบอกเหตุว่าเกียร์ออโต้ในรถคุณกำลังจะเสียนั้น มาในสองรูปแบบ ทั้งจากการมองเห็น เช่น น้ำมันเกียร์รั่วไหลนองพื้น หรือยัดเกียร์ D เพื่อเดินหน้า หรือเกียร์ R เพื่อถอยหลัง แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น รถยังคงนิ่งไม่ยอมขยับ หรือต้องรอกันนานมากกว่ารถจะเคลื่อนตัว เกียร์อัตโนมัติสมัยใหม่มีความทนทานเป็นรองเกียร์ธรรมดาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เสมอไป อยู่ที่วิธีการขับและการบำรุงรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน เนื่องจากเกียร์ออโต้สมัยใหม่ในปัจจุบัน มีชิ้นส่วนมากกว่า มีระบบไฟฟ้าเข้าไปเกี่ยวข้อง แถมยังมีความสลับซับซ้อนมากกว่าหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นเกียร์สายพานพูเล่ย์ CVT หรือเกียร์ออโต้แบบเฟืองต่างขนาดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ อาการก่อนการลาจากของเกียร์ออโต้ก็มีหลากหลายให้ได้สัมผัส
...
ใส่เกียร์ D หรือ R แล้วรถเคลื่อนตัวช้ากว่าปกติ หรือต้องรอสักพักกว่าจะไป (อาการระยะสุดท้ายก่อนกลับบ้านเก่า) อาการเกียร์จะกลับบ้าน เข้า N ไป D เข้า N ไป R จะช้ารอนานกว่าจะเคลื่อนตัวหรือไม่เคลื่อนตัวเลยจอดนิ่งอยู่กับที่ แม้จะเร่งเครื่องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รถไม่ยอมวิ่ง เวลาเปลี่ยนเกียร์ก็จะเกิดอาการกระชาก วิ่งๆ อยู่เกียร์หลุด หรือเร่งไม่ไป กดเท่าไรก็ยังคลานเป็นเต่า ไม่ว่าจะตอนเครื่องเย็นเพิ่งสตาร์ตแล้ววิ่ง หรือวิ่งมานานจนเครื่องร้อน เกียร์ก็ดื้อไม่เปลี่ยนซะงั้น บางทีวิ่งๆ อยู่เกียร์เข้า limp home mode (วิ่งเกียร์เดียว นั่นก็คือเกียร์ 3)
อาการต่างๆ เมื่อเกียร์ออโต้ ใกล้กลับบ้านเก่า
1- กระตุกกระชากเวลาเกียร์เปลี่ยน
2- การตอบสนองต่อการทดกำลังเชื่องช้าอืดอาดไม่ทันใจหรือไม่ได้อย่างใจเหมือนตอนใหม่ๆ
3- จู่ๆ เกียร์ก็ไม่เปลี่ยนเอาดื้อๆ หรือแม้แต่จะขับถอยหลัง พอใส่เกียร์ R รถก็ยังนิ่งสนิทไม่ขยับ
อาการเริ่มแรกส่วนมากจะเกิดกับเกียร์ถอยหลัง หรือเกียร์ R เวลาเครื่องเย็นเข้าเกียร์ถอยหลัง หรือเกียร์ R บางทีก็ช้ามาก หรือเข้าแล้วเกิดอาการกระตุกกระชาก ไม่นิ่มนวล หลังจากนั้นวิ่งไปสักระยะ พอเครื่องร้อนขึ้น อาการจะกลับมาเป็นปกติแบบเป็นๆ หายๆ
หลังจากเกิดอาการยัดเกียร์ถอยแล้วรถไม่ถอย สักระยะก็จะมีอาการนี้ตามมา ช่วงจังหวะในการเปลี่ยนเกียร์จะมีอาการลื่นของผ้าคลัตช์ และการเปลี่ยนเกียร์จะไม่นิ่มนวล
เข้าเกียร์แล้วไม่วิ่ง ออกตัวไม่ได้ ต้องรอเครื่องร้อนๆ หรือบางทีต้องเลื่อนคันเกียร์เพื่อออกตัวที่เกียร์ 2 ก่อน วิ่งไปสักพักค่อยเปลี่ยนกลับมาที่ตำแหน่ง D ได้
อาการต่อมาเวลาเข้าเกียร์ถอยหลังจากที่เกิดการกระชากในตอนแรก ตอนนี้จะมีอาการเกียร์ถอยหลังไม่เข้า คือรถไม่ถอยหลังในตอนเครื่องเย็น พอ warm เครื่องร้อน ขึ้นเกียร์ถอยหลังถึงจะเริ่มทำงานปกติ
เวลาเหยียบคันเร่ง รอบเครื่องยนต์พุ่งกวาดขึ้น แต่ไมล์ความเร็วไม่ขึ้นตาม รถเร่งความเร็วได้แบบห่วยแตก เร่งไม่ไป อืดเป็นเรือบรรทุกข้าว หรือความเร็วขึ้นช้ามากๆ ซึ่งอันตรายมากหากอยู่ในจังหวะที่ต้องการเร่งแซง
น้ำมันเกียร์ พร่องผิดปกติ (กินน้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเกียร์รั่ว)
...
ประเทศไทย อยู่ในเขตที่มีอากาศร้อนตลอดทั้งปี ส่งผลกับการทำงานของเกียร์โดยตรง ห้องเครื่องก็ร้อน เกียร์ก็ร้อน ออยเกียร์ทำงานหนักหนาสาหัส อากาศร้อนตอนรถติดหรือขับเคลื่อนบนเส้นทางภูเขา เมื่ออุณหภูมิสูง การถ่ายเทระบายความร้อนก็จะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง การสึกหรอของเกียร์ นอกจากจะอยู่ที่การขับใช้งานแล้ว สภาพอากาศก็เข้ามามีส่วนอย่างมาก ประเทศไทยมีที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ฤดูหนาวแทบไม่มีแล้ว เกียร์ที่ทำงานท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดแบบนี้ หากขาดการดูแลเปลี่ยนถ่ายของเหลว กรอง หรือตรวจเช็คออยเกียร์ หรือขับแบบผิดวิธี ไม่นานเกียร์ก็อาจสึกหรอเสียหายจนไปต่อไม่ได้
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
...