ถ้าไฟไม่มีรถก็ไปไม่ได้ แม้จะมีน้ำมันเต็มถัง ลมยางที่เติมมาพอดิบพอดี แต่ถ้าแบตเตอรี่ไม่มีไฟ คุณก็ไม่สามารถขับรถไปตามที่ต้องการได้ อย่าละเลย ไม่ใส่ใจ หรือปล่อยให้แบตเตอรี่ของคุณต้องจากไปก่อนวัยอันควร การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ ช่วยให้ใช้งานได้อย่างน้อยๆ 3-5 ปี และการดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพดีนั้นทำได้ค่อนข้างง่ายซะด้วยแต่ไม่ค่อยมีใครทำหรือสนใจ ต่อเมื่อแบตฯพังไปไม่ได้แล้วถึงคิดที่จะใส่ใจดูแล 

คุณอาจพูดว่า 'รถที่ใช้ มีแบตเตอรี่แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แต่อย่าลืมว่า ... แบตเตอรี่แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่นนั้นก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานไม่นานนัก แบตเตอรี่รถยนต์ถือเป็นสินค้าสิ้นเปลือง เมื่อใช้งานไปสัก 2-3 ปี หรืออาจน้อยกว่านั้นถ้าขาดการดูแล ในที่สุดแบตเตอรี่ก็จะหมดอายุและต้องเปลี่ยนใหม่ เสียเงินในช่วงที่ควรจะประหยัดทำให้เงินออมหดหายไปต้องมานั่งเก็บกันใหม่ 

เคล็ดลับในการยืดอายุแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยการดูแลและบำรุงรักษา

...

ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ด้วยน้ำและเบกกิ้งโซดา
ขั้นแรก ดูขั้วบวกของแบตเตอรี่ ฝาสีแดงคือขั้วบวก ให้ถอดสายไฟของขั้วลบออกก่อนเสมอ หมุนน็อตที่เชื่อมต่อสายไฟกับขั้วลบทวนเข็มนาฬิกา แล้วยกสายไฟขึ้น ทำแบบเดียวกันกับขั้วบวก ระวัง!! อย่าให้สายไฟทั้ง 2 เส้นสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะของรถ จากนั้น ผสมเบกกิ้งโซดาและน้ำ ในอัตราส่วน 1:1 จุ่มแปรงลวดลงในสารละลายเบกกิ้งโซดาและน้ำ แล้วออกแรงขัดเบาๆ ขัดที่ขั้วแบตเตอรี่ทั้งสองขั้ว เช็ดขั้วด้วยผ้าเปียกเมื่อขัดเสร็จ อย่าลืม ต้องต่อแบตเตอรี่กลับเข้าที่อย่างถูกต้องเมื่อทำความสะอาดขั้วเสร็จ ให้ต่อขั้วบวกเข้าที่ก่อนเสมอ สนิมและการกัดกร่อนที่ขั้วแบตเตอรี่ ทำให้ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานลดลง

ตรวจสอบระดับของเหลวในแบตเตอรี่และเติมน้ำกลั่น
หากระดับน้ำกลั่นต่ำ คลายเกลียวฝาครอบช่องระบายอากาศด้านบนของแบตเตอรี่ และส่องไฟฉายดูภายในเซลล์แต่ละเซลล์ น้ำกลั่นหรือของเหลว ควรครอบคลุมแผ่นแบตเตอรี่ หากไม่สูงจนคลุมแผ่นแบตฯ แสดงว่าระดับน้ำกลั่นนั้นต่ำเกินไป ให้เทน้ำกลั่นลงไป จนน้ำครอบคลุมแผ่นแบตเตอรี่และถึงด้านล่างของรูเติมเซลล์ เช็ดน้ำส่วนเกินออกด้วยผ้า ก่อนใส่ฝาครอบช่องระบายอากาศ เช็ดออกจากเซลล์เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปในแบตเตอรี่ ใช้ไขควงปากแบน เพื่อถอดฝาครอบช่องระบายอากาศออก อย่าลืมใส่กลับให้แน่น ใช้เฉพาะน้ำกลั่นที่เติมแบตเตอรี่เท่านั้น ไม่ควรใช้น้ำประปา น้ำประปามีแร่ธาตุที่ละลายอยู่ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ตรวจสอบระดับของน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือประมาณทุกๆ 6 เดือน

ซื้อแบตเตอรี่ที่อายุไม่ถึงหนึ่งเดือน
เมื่อต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ให้ซื้อแบตเตอรี่ใหม่เสมอ ดูที่ด้านข้างของแบตเตอรี่เพื่อดูวันที่ผลิต เลือกแบตเตอรี่ที่ผลิตภายในเดือนที่แล้วเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีที่สุด การซื้อแบตเตอรี่ใหม่นั้นสำคัญมาก เพราะแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา แบตเตอรี่ที่มีอายุเกินหนึ่งเดือนอาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบตเตอรี่ใหม่เอี่ยม หลีกเลี่ยงซื้อแบตเตอรี่มือสองลดราคา เพราะมักจะใช้งานได้ไม่นานเดี๋ยวก็ต้องเสียเงินเปลี่ยนอีก

...

ขับรถระยะสั้น ทำให้แบตเตอรี่พังเร็ว!
การขับรถด้วยระยะทางสั้นๆ ไดชาร์จจะไม่มีเวลาทดแทนประจุที่ใช้ในการสตาร์ทรถ โดยทั่วไป เราใช้พลังงานแบตเตอรี่มากกว่าพลังงานที่เติมจากไดชาร์จในการสตาร์ทรถ หากขับรถไปร้านสะดวกซื้อ หรือที่ทำงานใกล้ๆ บ้าน เพียง 5-10 นาทีเป็นประจำ นั่นอาจทำให้ไดชาร์จทำการชาร์จไฟใส่แบตเตอรี่ไม่เพียงพอ ควรขับรถทางไกลอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงทุกๆ สองสามอาทิตย์ การขับรถทางไกล ทำให้ไดชาร์จ - ชาร์จแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง 

...

เก็บรถไว้หรือใช้งานไม่บ่อย ไม่ดีต่อแบตเตอรี่และส่วนอื่นๆ ของรถ
ปัจจุบัน หลายคนทำงานจากที่บ้านมากกว่าออกไปทำงานข้างนอก การทำงานที่บ้านอาจดีสำหรับคนที่ไม่ชอบออกไปข้างนอก แต่รถที่จอดยาว ทำให้แบตเตอรี่ไม่ได้ชาร์จไฟจากไดชาร์จอย่างเพียงพอ ควรขับรถเที่ยวทางไกลเดือนละครั้ง หรือลงทุนซื้อเครื่องชาร์จไฟที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดี

...

อย่าใช้ไฟในขณะที่เครื่องยนต์รถดับ
อย่าใช้ไฟในรถในขณะที่เครื่องยนต์ดับ เมื่อเปิดแอร์ วิทยุ หรือเครื่องชาร์จโทรศัพท์ ในขณะที่เครื่องยนต์ดับ ระบบต่างๆที่เปิดใช้งาน จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ไฟไม่พอสตาร์ทได้ 

ทำความสะอาดและตรวจสอบ
เปิดฝากระโปรงรถแล้วดูแบตเตอรี่ มีสิ่งสกปรก โคลน หรือคราบสกปรกบนแบตเตอรี่หรือไม่ ให้ เช็ดคราบสกปรกออก สังเกตขั้วโลหะว่ามีสนิมสีขาวหรือผงสีน้ำเงินอมเขียว สนิมและสิ่งสกปรกจะขัดขวางการชาร์จและการทำงานของแบตเตอรี่ ทำให้การเชื่อมต่อกระแสไฟไม่ดี 

สั่น คลอน โยกเยก อย่าให้แบตเตอรี่หลวม
ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ยึดติดกับโครงแน่นหนาดีพอ ลองใช้มือเขย่าดู หากรู้สึกว่าหลวม แสดงว่าถึงเวลาขันน็อตโครงยึดตัวแบตฯให้แน่น ไม่ควรขันจนแน่นเกินไป เอาแค่แน่นแบบตึงๆมือก็พอ

การดูแลและบำรุงรักษาเล็กๆน้อยๆ ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้มาก หลีกเลี่ยงความหงุดหงิดเมื่อต้องเจอเข้ากับแบตเตอรี่ไฟหมดหรือเจ๊งกลางทางทำให้จอดไม่ต้องแจวกันมานักต่อนักแล้ว.