ก่อนออกเดินทาง สิ่งแรกที่มีความสำคัญก็คือ ความพร้อมของรถยนต์ โดยเฉพาะยาง แรงดันลมยางส่งผลต่อการขับขี่โดยตรง ไม่ว่าจะบรรทุกหนัก หรือวิ่งตัวเปล่า สภาพถนน สภาพอากาศ ตลอดจนอุณหภูมิในขณะนั้น และลักษณะการขับ เมื่อยางยังคงอยู่ในสภาพดี มีแรงดันลมยางอยู่ในเกณฑ์ที่ถูกต้องตามที่ผู้ผลิตกำหนด จะช่วยทำให้การขับรถเดินทางมีความปลอดภัย สภาพของยางมีความสำคัญ ส่งผลไปถึงการยึดเกาะ การเลี้ยวและเบรก แรงดันลมยางที่แนะนำสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่อขนาดของยาง เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะใช้งานในชีวิตประจำวัน ใช้บรรทุกหนัก หรือการใช้งานในสนามแข่ง มีคำแนะนำให้ใช้แรงดันที่ผู้ผลิตกำหนดเสมอ สำหรับการใช้งานบนถนน และการใช้งานยางรถแข่งบนถนน หรือยางสำหรับถนนที่ใช้งานบนสนามแข่งเป็นครั้งคราว เรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบว่าแรงดันลมยางมีค่าที่เหมาะสมสำหรับใช้งานบนถนนหลังเมื่อบรรทุกหนัก หรือต้องขับเดินทางไกล

ตรวจเช็กแรงดันลมยางทุกสองสัปดาห์ ตรวจสอบแรงดันด้วยอุปกรณ์วัดแรงดันลมยางที่ได้มาตรฐาน และควรตรวจเช็กขณะที่ยางเย็นตัวหรือมีอุณหภูมิปกติ ยางที่ไม่ได้วิ่งเป็นเวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงหรือวิ่งน้อยกว่า 3 กม. ที่ความเร็วต่ำไม่เกิน 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะได้ค่าจากการวัดแรงดันลมยางที่ถูกต้อง ดูให้แน่ใจว่า ลมยางก่อนออกเดินทางไม่น้อยเกินไป ลมที่น้อยเกินไป จะทำให้ยางมีอุณหภูมิสูงอย่างรวดเร็ว เกิดการสึกหรอมากกว่าค่าลมยางที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยางที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อขับเร็วอาจทำให้เกิดการระเบิดได้ เมื่อแก้มยางมีอุณหภูมิสูงเกินไปจนไม่สามารถรับแรงดันที่อยู่ภายใน ยางจะระเบิดจนอาจทำให้รถเสียหลักเกิดอุบัติเหตุได้
...
ห้ามระบายลมจากยางที่กำลังร้อนหรือมีอุณหภูมิสูง อย่าลืมปิดฝาครอบจุ๊บเติมลม หลังจากตรวจสอบแรงดัน หรือทำการเติมลมเสร็จสิ้นแล้ว ยางที่เติมด้วยไนโตรเจน ก็ไม่มีข้อยกเว้น จะต้องได้รับการตรวจสอบแรงดันอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน และใช้แรงดันลมยางตามที่ผู้ผลิตแนะนำ

ปริมาณลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์
- รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมแรงลมที่ 25-30 ปอนด์
- รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมแรงลมที่ 30-35 ปอนด์
- รถกระบะ (ไม่มีน้ำหนักบรรทุก) ควรเติมแรงลมที่ 35-40 ปอนด์
- รถตู้บรรทุก 7-10 คน ควรเติมแรงลมที่ 43-55 ปอนด์
- ล้อขอบ 20 นิ้ว ใช้ยางแก้มเตี้ย ควรมีแรงดันไม่น้อยกว่า 37-39 ปอนด์ เพื่อป้องกันการตกหลุมแล้วทำให้ขอบล้อและยางเสียหาย แต่ทางที่ดี ควรเพิ่มความระวัง เมื่อใส่ล้อวงโตกับยางแก้มเตี้ย การเติมลมยางเพิ่มขึ้นในล้อวงโตกับยางแก้มเตี้ย อาจมีอาการกระด้าง แต่ช่วยทำให้ยางมีแรงดันมากพอเมื่อตกลงไปในหลุม หรือแม้แต่คอสะพานที่มีขอบไม่เสมอกับผิวทาง

การเติมลมควรขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่บรรทุก และเป็นไปตามคู่มือการใช้รถแต่ละรุ่น หรือดูข้อมูลจากด้านข้างประตูรถด้านคนขับ แต่ถ้าเติมแข็งเกินไป ความยืดหยุ่นในการเกาะถนน การเข้าโค้ง และการเบรกก็น้อยลง หรือเติมอ่อนจนเกินไปทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง แก้มยางมีอุณหภูมิสูงและเสี่ยงต่อการระเบิดได้

เติมลมยางมากเกินไป หรือเติมลมยางแข็งเกินไป ส่งผลทำให้ยางรถยนต์สัมผัสกับถนนลดลง ทำให้รถยึดเกาะถนนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ลมยางมากเกินไป ทำให้การขับขี่แข็งกระด้าง รู้สึกถึงแรงกระเเทกที่แรงกว่าปกติ

...

การรักษาแรงดันลมยางให้เหมาะสมกับรถยนต์นั้นจะช่วยให้ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ควบคุมรถได้ดี ช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง หากไม่รู้ว่าแรงดันลมยางรถยนต์ของคุณควรเติมเท่าไรถึงจะเหมาะสมตรงตามค่าที่ระบุจากบริษัทผู้ผลิต ดูได้จากสมุดคู่มือของรถ เพื่อทำการตรวจสอบแรงดันลมยางให้เหมาะสมก่อนออกเดินทาง.