เวลาได้ยินคำว่า “เกาะถนน” ที่เพื่อนเราบางคนพูด คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเรากำลังหมายถึงความรู้สึก หรือคุณสมบัติของรถแบบเดียวกัน บางครั้งเราหมายถึงความที่รถสามารถทรงตัวได้เมื่อวิ่งตรงๆ ที่ความเร็วสูง แต่บางคนมองว่าเสถียรภาพตอนวิ่งไปตรงๆ ไม่ได้แปลว่าเกาะ ความเกาะหมายถึงโยนเข้าโค้งแล้วรถยังไม่หลุดออกจากแนวการวิ่งที่ตั้งใจไว้ เรื่องนี้ ถ้าใครไม่อยากเข้าใจ รบกวนข้าม แต่ถ้าอยากเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจและสื่อสารได้ตรงกัน ก็เข้ามาได้

...


null

ถ้าใครเป็นยาจกที่ชีวิตถูกบงการด้วยรถ จะเข้าใจจิตใจของผม การที่เราเองก็ไม่ได้มีเงินเหลือเยอะ บิลมาแต่ละเดือน จ่ายบิลทุกใบจบ ต้องมองตัวเลขเงินในบัญชีแล้วสงสัยกับตัวเองว่าเดือนหน้าจะรอดไหมวะนั่น แต่แม้สภาวะทางการเงินจะย่ำแย่ขนาดนี้ ผมยังติดนิสัยเหมือนรุ่นน้องบางคนที่มักซื้อรถเก่าจากยุค 90s แอบเก็บเอาไว้ไม่ให้พ่อแม่เห็น อะ..ใช่ครับในวัย 40 กลาง ผมยังทำแบบนั้นอยู่ เมื่อปี 2022 ผมก็ไปซื้อ Civic ตาโต (ที่บางท่านเรียก Civic EK แต่รหัสตัวถังจริงๆ คือ EJ) เครื่อง VTEC เกียร์ธรรมดามาไว้ในครอบครองด้วยความบ้า

แต่บทความนี้เราไม่ได้มาเล่าเรื่องรถผมหรอกครับ เรามาคุยกันเรื่องช่วงล่างรถดีกว่า

ที่เอาเจ้า Civic ตาโตมาเกริ่นหัวเรื่อง เพราะหลังจากที่ผมรักษาเท้าซ้ายจนหายแล้วได้นำมันมาขับใช้งาน และแอบซิ่งบ้าง ลองเล่นโค้งดูบ้าง แล้วก็พลันนำอาการรถคันนี้ไปเทียบกับรถคันเก่าที่ขายไปแล้วอย่าง Corolla Hi-torq ที่ผมใช้ขับที่สนามไทยแลนด์เซอร์กิตซ้อมมือตัวเองมาตลอดก่อนขายไปเพราะหาเงินมาใช้หนี้ค่าหมอ ผมพบว่า โค้งไหนก็ตามที่ Corolla คันเก่าผมสามารถเข้าไปด้วยความเร็ว 100 ถ้วนแล้วออกอาการเป๋นิดๆ Civic ตาโตก็สามารถเข้าได้เหมือนกัน เอ้าแล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ

แปลกตรงที่ Corolla ที่ว่า ณ ตอนนั้น ผมใส่ยาง Yokohama AD08R ซึ่งเป็นยางกึ่งวิ่งสนามหน้ากว้าง 195 มม. ใส่สตรัทปรับเกลียว Tuner Concept ของร้านพี่แฟรงก์และปรับไว้แข็งพอประมาณในโหมดที่ขับสนาม แต่ Civic ช่วงล่างเดิมสนิท ล้อ 14 นิ้วรัดยาง Continental รุ่นประหยัดหน้ากว้าง 185 แน่นอนว่าอาการตอนหักเลี้ยว ช่วงล่าง Civic ที่เป็นโช้คสปริงเดิมทำให้รถยวบได้มากกว่า Corolla สตรัทแต่งเยอะ อาการจึงน่ากลัว แต่ถามว่าแล้วรถมันยังวิ่งไปตามแนวที่เราตั้งใจบังคับรถให้วิ่งไปไหม..ก็ไปนี่หว่า ไปได้ดีเท่าๆ กัน เรื่องนี้ถ้าคุณเอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง เขาต้องบอกว่าคุณบ้า หรือเซตรถไม่เป็น ตั้งศูนย์ไม่เป็น ซึ่งผมต้องย้ำว่ารถสองคันนี้เป็นของผมทั้งคู่ ผมไม่ได้เงินจากการเชียร์รถเก่าๆ และน้องตี้ Car Hub เป็นคนดูแลการเซตช่วงล่างให้ผมทั้งคู่ ซึ่งตี้เองก็เป็นติ่งทั้งสองค่ายแหละครับ

...

เวลาเราได้ยินคำว่า “เกาะถนน” เช่น คนรุ่นลุงรุ่นป้ารวยๆ หรืออาจจะไม่รวยแต่มีรถดีๆ ขับละกัน พวกเขาขับเบนซ์ขับรถเยอรมันวิ่งทางไกล ซัดไป 150-160 แล้วบอกว่า รถรุ่นนี้เกาะถนนดีนะ ผมเชื่อว่ามันมาจากความรู้สึกที่ตัวรถนั้น มันอยู่กับร่องกับรอยดีเมื่อวิ่ง ไม่ส่าย ร่อน โคลง คำว่าเกาะ ที่แปลว่าดูดติดถนน ซึ่งก็ไม่ได้ผิดถ้าจะใช้ แต่ถ้าถามผม ผมคิดว่า ความ “นิ่ง” เมื่อวิ่งไปตรงๆ กับความ “เกาะ” เมื่อสาดโค้ง เป็นคนละกรณีกัน ถ้าถามเพื่อนสื่อมวลชน นักแข่ง นักทดสอบรถในกลุ่มเพื่อนๆ ผม เราจะมีคำจำแนกแยกคุณสมบัติด้านนี้ของรถหลากหลาย ซึ่งคุณผู้อ่านที่ขี้เกียจจะฟังก็มักจะเหมารวมไปให้ใช้คำว่า “เกาะถนน” ซึ่งมันกว้างมาก และมีรูรั่วในเรื่องของโอกาสที่คนจะนึกถึงภาพการตอบสนองของรถไม่ตรงกัน

...

เสถียรภาพบนทางตรง เป็นคนละเรื่องกับการเข้าโค้ง การเข้าโค้งมุมแคบความเร็วต่ำแต่แรงเหวี่ยงสูง เช่นโค้งในสนามแข่งตัว U-turn กับโค้งมุมกว้างๆ ตามทางด่วนแต่ความเร็วสูงขึ้นมาจาก 60 เป็น 100 ก็เป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะเป็นประชาชนนักคอมเมนต์ทั่วไป ก็เชิญใช้คำว่าเกาะถนนในการอธิบายทุกสิ่งต่อไปได้ ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ถ้าคุณคิดจะทำสื่อเผยแพร่ตนเองในรูปแบบใดๆ ที่มีรถยนต์เป็นพระเอกหลักของคอนเทนต์ ผมก็อยากให้เราแยกการใช้คำตรงนี้ให้ถูกต้อง เพราะประโยชน์ไม่ได้มีแต่กับตัวเรา แต่ส่งผลไปถึงการที่ผู้ชมของคุณ เข้าใจได้อย่างถูกต้องว่าคุณพยายามจะสื่ออะไร

...

การที่เราขับรถไปบนทางตรงๆ ด้วยความเร็วสูงแล้วพบว่ารถสามารถควบคุมตัวมันให้มีความนิ่ง ไม่ส่าย ไม่ร่อน แบบนี้ ถ้าใช้คำแบบดูศัพท์โฆษณาหน่อย เรามักใช้คำว่า “เสถียรภาพ” ซึ่งคำว่าเสถียรนั้น หมายถึงความมั่นคง แข็งแรง ในลักษณะที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยกระตุ้นรอบด้าน แต่ถ้าคุณพบว่าการพูดว่า “รถคันนี้มีเสถียรภาพการทรงตัวที่ดี” แล้วรู้สึกว่ามันดูศัพท์โฆษณาสิ่งพิมพ์เกินไป ก็ใช้คำว่า มั่นคง มั่นใจ หรือ ไม่ส่ายโคลง หนักแน่น หรือแม้กระทั่งคำพื้นๆ เช่น ตัวรถนิ่งแน่นที่ความเร็วสูง คนที่ฟังก็มีแนวโน้มจะเห็นภาพ ถึงบางสิ่งที่ตรงมาอย่างไร ก็ตรงไปอย่างนั้นเป็นลูกธนู ไม่ต้องไปใช้คำว่าช่วงล่างเสมอต้นเสมอปลาย คำนี้สงวนไว้ให้เจ้าสาวใช้ชมเจ้าบ่าวบนเวทีงานแต่ง อธิบายเหตุผลว่าทำไมแต่งงานกับไอ้ผู้ชายคนนี้มากกว่า

รถเยอรมันจากยุค 90s หลายรุ่น มักมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องวิ่งทางตรงด้วยความเร็วสูง นิ่งและแน่น มั่นคง ผสานการซับแรงกระแทกส่วนที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัว เพราะสภาพแวดล้อมการขับในเยอรมนีนั้น มีทางด่วนออโต้บาห์นซึ่งรถวิ่งกันด้วยความเร็ว 200 เป็นเรื่องปกติมาก ความนิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสงบใจแบบนี้ มาจากการที่สปริง โช้คอัพ รูปแบบช่วงล่าง การยุบตัวของล้อ ไปจนถึงกระแสลมที่มากด/ไหลผ่านส่วนต่างๆ ของรถ มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น

แต่คุณคิดว่าเอารถเยอรมันยาว 5 เมตร มาวิ่งจิมคาน่า ความเร็ว 60-70 แต่เหวี่ยงโค้งลั่นลาน คุณคิดว่ามันจะสามารถรักษาแนวการวิ่ง พาตัวรถผ่านกรวยไปได้ดีเท่ารถญี่ปุ่นน้ำหนักตัว 1 ตันหรือไม่ อย่าบอกว่าอยู่ที่คนขับสิ เอากรณีว่าให้คนขับเป็นคนเดียวกันเลยด้วย ผมบอกเลยว่าไม่จำเป็นครับ การที่รถสามารถวิ่งได้นิ่งๆ ตรงๆ ที่ 160-200 กม./ชม. ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันกับที่รถคันนั้นจะสามารถวิ่งบนถนนหุบเขาได้อย่างว่องไวเสมอไป

การที่ตัวรถสามารถรักษาแนวการวิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทาง ตั้งใจให้ไปตรงไหน ก็วิ่งไปตามเส้นโค้งนั้นอย่างไม่พยศนอกลู่นอกทาง มีวิธีพูดถึงง่ายมาก แค่เปลี่ยนจากคำว่า “เกาะถนน” เป็น “เกาะโค้ง” ก็จบ ถ้ารถมันสั่งให้เลี้ยวเป็นเลี้ยว สั่งทางไหนไปทางนั้น คุณจะใช้คำโบราณหน่อยอย่างกระฉับกระเฉง หรือคำว่าคล่องมือ คล่องแคล่ว ก็ไม่ผิด เพราะคำว่าคล่องแคล่ว มีความหมายสื่อถึงการเปลี่ยนทิศทางได้อย่างว่องไวอยู่แล้วครับ ไม่มีใครเคยพูดว่า “ชายหุ่นหมีคนนั้น นั่งกินพิซซ่าอย่างคล่องแคล่ว” เพราะไอ้อ้วนนั่นน่ะมันนั่งอยู่กับที่ เว้นเสียแต่คุณพูดว่า “ชายหุ่นหมีที่เขียนคอลัมน์ไทยรัฐตักอาหารที่บุฟเฟต์อย่างคล่องแคล่ว” อันนี้ไม่ผิด เพราะมันขยับตัวด้วย ไวด้วย เปลี่ยนที่ไปมาตลอดด้วย แล้วเห็นเลยว่าทำเร็วทำบ่อยจนชำนาญ เอ๊ะ ใครฟระ

และความแคล่วคล่องว่องไวในการเปลี่ยนทิศทางของรถ ก็ไม่ได้แปลว่า คนขับจะต้องรู้สึกมั่นใจกับอาการของรถเสมอไปด้วยนะครับ เพราะการที่รถเปลี่ยนทิศทางนั้น ก็อาจเป็นไปได้ในรูปแบบที่ตัวรถย้วยเท เอียงเป็นติ่งการเมือง โดยมีล้อและยางพยายามยื้อยุดฉุดชีวิตให้อยู่กับโค้งก็ได้ หรือมาทรงแน่น เอียงน้อย ดูมีพลังมั่นคงแต่ก็ว่องไว เหมือนธามไทตอนเต้น Hit me up ก็ได้ รถทั้งสองคันอาจจะเข้าและออกโค้งด้วยความเร็วเท่ากันได้ แต่คนขับมั่นใจไม่เท่ากัน ขนลุกไม่เท่ากัน ตรงนี้ คนที่ทำสื่อเขียนหรือสื่อพูด บรรยายเวลาขับรถต้องเลือกคำให้ดีในการสื่อสารกับมวลชน บางที ถ้าคุณสามารถวัดออกมาเป็นค่าแรงเหวี่ยง หรือวัดด้วยเวลา/ความเร็วได้ คุณจะพูดเลยว่า รถคันนี้ เข้าออกโค้งได้เร็ว คล่องแคล่ว แต่ถ้าคุณยังไม่มั่นใจนัก คุณจะบอกว่ารู้สึกมั่นใจเวลาเข้าโค้งก็ได้ อันนี้ไม่ได้ผิด เพราะมนุษย์แต่ละคนมีขีดจำกัดของการกลัวกรี๊ดแตกไม่เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ได้โกหกตัวเอง ก็ไม่มีใครสามารถมาบอกได้ว่าคุณโกหก เพราะมันเป็นคำพูดที่มาจากความรู้สึก

ผมนึกถึงตัวเอง กับคุณหมู ธีรพัฒน์ AutolifeThailand ตอนผมลองขับ Isuzu D-Max ปี 2013 ของเขา และผมมีความรู้สึกว่า “พี่ไม่มั่นใจเลยว่ะ” ตอนเทโค้งรถมันยวบเป็นบ้าเลยน้อง แต่หมูบอกว่า รู้สึกเฉยๆ นะพี่ เพราะรถมันยวบเยอะจริง แต่ล้อมันยังวิ่งไปตามแนวที่ผมบังคับให้มันไปอยู่ เห็นไหมครับว่า คนทำงานเรื่องรถเหมือนกัน ขับรถเร็วเหมือนกัน (แม้จริงๆ เจ้าหมูไปเร็วกว่าผมมาก) แต่ถ้าเราใช้คำว่า “มั่นใจ” ในการอธิบายช่วงล่าง D-Max คุณจะได้คำบรรยายที่ต่างกันมาก บนรถคันเดียวที่มันก็ตอบสนองของมันเหมือนเดิมนั่นแหละ

ดังนั้นคนทำสื่อฯ เรื่องรถจะบอกอาการช่วงล่าง ก็อย่าไปบังคับให้เขาพูดรวบรัด เพราะบางเรื่อง คุณรวบเมื่อไหร่ เสียความหมายที่ต้องการจะสื่อเมื่อนั้น

อย่างที่ผมมักพยายามแยกประเด็น คำว่าเกาะโค้ง ซึ่งเป็นการวิ่งไปตามทางที่เราตั้งใจให้มันไป เป็นเรื่องหนึ่ง กับอาการของตัวรถ ว่ายวบยาบมาก เทเยอะ หรือน้อย คำอธิบายเสริมเหล่านี้ ต้องยอมเสียเวลาฟังหน่อยครับเพราะมันต่างกันมากว่ารถจะออกมาจากโค้งความเร็วสูงในท่าหมาเหยียบน้ำลื่นหรือเหมือนหมาเกรย์ฮาวนด์วิ่งแข่งในแทร็ก เช่นเดียวกับการวิ่งทางตรง ซึ่งการที่ตัวรถไม่ส่ายไหวติงไปตามแรงลม ก็ไม่ได้แปลว่าคนขับจะรู้สึกมั่นใจเสมอไป

ผมเคยลองทดสอบความเร็วสูงสุดใน Mercedes-AMG C 43 กับ Civic Type-R FL5 คุณเชื่อหรือไม่ว่าการปรับโช้คอัพไปในจุดที่มันแข็งกระด้างที่สุด ไม่ได้แปลว่าจะขับทำท็อปสปีดแล้วไม่ขนลุก บางทีความแข็งช่วงล่าง ก็ไม่ได้เกี่ยวกับความมั่นคง ความนิ่งของตัวถัง รวมถึงความมั่นใจของผู้ขับเสมอไป เรื่องนี้ ไว้เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังอีกบทความนึงครับว่า ความแข็งกับความเกาะโค้ง และเสถียรภาพ มันยังไงกันแน่


Pan Paitoonpong