อุบัติเหตุทางถนนส่วนใหญ่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นทางตรง ทางแยกทางร่วม สี่แยกวัดใจ และทางโค้ง! โดยเฉพาะทางโค้งที่คนขับไม่คุ้นชิน ไม่เคยขับผ่านมาก่อน จึงไม่รู้ทั้งสภาพของโค้งและความเร็วที่จะใช้ขับเข้าโค้ง ตัวแปรต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุยังเชื่อมโยงกับสภาพอากาศและสภาพของผิวถนนในบริเวณโค้ง ยางและความเร็วที่ใช้ ส่วนใหญ่ อุบัติเหตุในทางโค้ง จะเกิดจากการใช้ความเร็วที่ไม่มีความสัมพันธ์กับทางโค้ง นั่นก็คือ ขับรถเร็วเกินไปในโค้ง ยางไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะกับการใช้งาน ไม่เบรกให้มีความเร็วที่เหมาะสมก่อนถึงหัวโค้ง!

...

ประเมินสภาพของโค้งก่อนที่จะขับเข้าไปในหัวโค้ง
หากพบกับโค้งแปลกๆ ที่ไม่เคยขับผ่านหรือไม่มีความคุ้นชิน โดยเฉพาะเส้นทางภูเขา เส้นทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ ที่ไม่เคยขับผ่าน ถ้าไม่รู้สภาพทาง สภาพโค้ง ก็ควรทำตามป้ายบอกความเร็วหรือป้ายแจ้งเตือนว่า โค้งอันตราย ลดความเร็วให้เท่ากับป้ายกำหนด หรือเร็วกว่าได้นิดหน่อย ถ้าป้ายแจ้งเตือนความเร็วในโค้งกำหนดให้ไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ใส่มา 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับแบบนั้นก็ตัวใครตัวมัน ถ้าป้ายแจ้งเตือนทางโค้งข้างหน้าระบุให้ใช้ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจเกินได้ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวกที่ขับจนชินกับโค้งอาจใช้ความเร็วสูงกว่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่พลาด การขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงที่มีความเร็วเกินกว่าป้ายแจ้งเตือนกำหนดมากๆ มีสิทธิแหกโค้งเอาได้ง่าย ในกรณีที่ไม่พบป้ายแจ้งเตือนความเร็วหรือมองไม่เห็น ก็ต้องคิดคำนวณความเร็วด้วยตัวของคุณเอง อย่างแรกก็คือเบรกเพื่อลดความเร็ว เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำหลังการเบรก เกียร์สมัยใหม่มีเซนเซอร์ป้องกันการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำโดยไม่มีความสัมพันธ์กับรอบของเครื่องยนต์ หากความเร็วสูงเกินไปเกียร์ก็จะไม่เปลี่ยนลงต่ำ การเบรกชะลอความเร็วช่วยทำให้ควบคุมทิศทางในโค้งได้ง่ายกว่าใส่เข้ามาเร็วจี๋ 

...

เชนเกียร์ลงต่ำทำไมความเร็วยังสูงอยู่?
อัตราทดเกียร์อัตโนมัติ บางครั้งก็ไม่สามารถที่จะทำให้ความเร็วในขณะก่อนที่จะเข้าสู่โค้งนั้นลดลงได้ เมื่อขับบนเส้นทางลงเขา ก็ไม่ควรใช้ความเร็วสูง เบรกก่อนถึงโค้งเสมอ ไม่ควรเชนเกียร์ลงต่ำแล้วค่อยเบรก ทำแบบนั้นบ่อยๆ เกียร์จะสึกหรอเร็วขึ้น ทำทั้งสองอย่างก่อนเข้าหัวโค้ง ทั้งเบรกก่อนแล้วค่อยลดเกียร์ลงต่ำตามมา หากขับมาเร็วแล้วเจอกับโค้งแปลกๆ ที่คุณไม่รู้ว่าข้างหน้านั้นมีอะไร ให้ลดความเร็วก่อนถึงหัวโค้งทุกครั้ง มองให้ไกล ในจุดกลางโค้งเพื่อสังเกตการณ์ เพื่อวางตำแหน่งรถในการออกจากโค้งอย่างปลอดภัย 

...

...

วางตำแหน่งของรถให้ถูกต้อง
พูดง่ายแต่ทำยาก การวางตำแหน่งของรถให้ถูกต้องก่อนขับเข้าโค้ง จะทำให้ควบคุมรถยนต์ในโค้งได้ดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้พวงมาลัยเยอะเกินไป การวางตำแหน่งของรถก่อนเข้าโค้งที่ดียังช่วยลดแรงเหวี่ยง ทำให้มองเห็นทัศนวิสัยข้างหน้าได้อย่างชัดเจนว่า คุณกำลังไปทางไหนอย่างไร สภาพของปลายโค้งเป็นแบบไหน มีรถอยู่ข้างหน้าหรือเปล่า จุดที่ใช้ออกจากโค้งก็ถือว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ถ้าจุดที่จะออกจากโค้งมีมุมมองที่จำกัด ก็ไม่ควรทะเล่อทะล่าใช้ความเร็วสูง ข้อสำคัญก็คือการมอง ตัดสินใจและลงมือทำเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะเส้นทางภูเขา

ขับเข้าโค้งซ้าย
หากขับชิดซ้ายมาตลอด หัวโค้งจะบดบังทัศนวิสัยทำให้มองไม่เห็น หากไม่มีรถตามหลังมาหรืออยู่ด้านขวา ให้ขับมาทางขวาเล็กน้อยก่อนถึงหัวโค้ง เป็นการเตรียมความพร้อมที่ดี แต่ที่ห้ามทำเด็ดขาดก็คือการขับคร่อมเส้นทึบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทึบสีขาวหรือสีเหลือง ก็ควรอยู่ให้ห่างๆ ในโค้ง อย่าขับเข้าไปชิดกับเส้นทึบในช่วงกลางโค้ง คุณอาจพบกับ 18 ล้อที่วิ่งกินเลนกลางโค้งเข้ามาด้วยความเร็วสูง จากนั้นเมื่อเห็นว่ามาคันเดียว ก็เริ่มลดความเร็ว ลดเกียร์ลงต่ำ ก็ขับให้ชิดกับทางด้านซ้ายคล้ายกับการขับตัดหัวโค้ง การขับในลักษณะนี้ทำให้คุณใช้พวงมาลัยน้อยลง แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางก็ยังลดลงทำให้คนที่นั่งในรถไม่เกิดอาการเวียนหัว เนื่องจากเข้าโค้งด้วยความเร็วและมุมที่พอดี

ขับเข้าโค้งขวา
คล้ายกับการขับเข้าโค้งซ้าย แต่ไม่ควรขับตัดเลนจนเลยเส้นทึบ เพราะคุณไม่รู้เลยว่าจะมีรถสวนมากลางโค้งหรือเปล่า เมื่อต้องการจะขับแบบตัดโค้ง ควรมองเห็นโค้งได้จนสุดปลายโค้ง หากมองไม่เห็นห้ามขับในลักษณะตัดโค้งจนเกินเส้นทึบไปครึ่งคัน อุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในโค้งก็คือการขับตัดโค้งโดยมองไม่เห็นรถที่แล่นสวนทางมา หากไม่แน่ใจก็ไม่ควรขับในลักษณะของการตัดโค้ง เนื่องจากอันตราย ทำให้ประสานงากันกลางโค้งได้ง่ายๆ โค้งขวาก็ขับชิดซ้าย ลดหรือชะลอความเร็วด้วยการเบรก เมื่อเห็นว่าไม่มีรถหรือสิ่งกีดขวางใดๆ ก็ขับตัดโค้งแบบ in & out เมื่อมองเห็นว่ามีรถแล่นสวนมาต่อเนื่องก็ให้อยู่ในเลน ห้ามขยับล้ำไปกินเลนรถสวนอย่างเด็ดขาด เมื่อไม่ได้ขับแบบตัดโค้งใช้วิธีวิ่งอยู่ในเลนปกติ แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางในโค้งจะมากหรือน้อยครานี้ก็ขึ้นอยู่กับความเร็วในขณะนั้นเป็นหลัก ขับเร็วก็เหวี่ยงมากหน่อย ขับช้าก็เหวี่ยงน้อย พวก PPV-SUV ตัวสูงโย่งต้องระวังในจุดนี้ให้ดีๆ เพราะเกิดอุบัติเหตุมามากต่อมากจากความเร็วที่ไม่สัมพันธ์กับสภาพโค้ง

การใช้เบรกในโค้งอาจทำให้คุณเสียหลักได้ง่าย เนื่องจากยางจะขาดจากการยึดเกาะกับผิวถนน รวมถึงสภาพผิวถนนในขณะนั้นอาจทำให้เกิดอาการลื่นไถล เมื่อใช้เบรกแรงๆ ในโค้ง การกระทืบเบรกกลางโค้งอาจทำให้รถหมุนหรือเสียหลัก โดยเฉพาะรถสูงๆ อย่างเอสยูวีนี่ตัวดีเลยครับ

ความเร็วขณะวิ่งลงเนินจะสูงมากกว่าการวิ่งบนทางราบเนื่องจากแรงดึงดูดบวกกับการไม่ยอมยกคันเร่ง เมื่อขับลงเนินมาเจอเข้ากับโค้งหักศอกสามแยกทีตัน แถมยังอยู่ในเอสยูวีหนัก 2 ตัน บอกเลยว่าหากผิวถนนมีน้ำปกคลุมเพราะฝนตก การเบรกให้รถหนักสองตันหรือสองตันครึ่งลดความเร็วเพื่อค่อยๆ เลี้ยวนั้นยากมาก ต้องระลึกรู้อยู่ตลอดเวลาว่ารถใหญ่นั้นใช้ระยะเบรกมากกว่ารถเล็ก เนื่องจากมีมวลมากกว่า ซึ่งทำให้มีแรงเฉื่อยเยอะกว่ารถเล็กๆ ทางแบบนี้คือกับดักชั้นดีที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง เมื่อขับขี่ในเส้นทางลักษณะนี้ ควรใช้ความระมัดระวังให้จงหนัก. 

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/