ในโลกของคนที่ต้องใช้รถหนึ่งคันเป็นเวลานานปี หรือคนที่ต้องวิ่งเป็นระยะทางไกลมากในแต่ละสัปดาห์ มันเลี่ยงไม่ได้หรอกครับที่รถของเราจะเกิดการสึกหรอไปตามการใช้งานของมันและส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่ทำให้รู้ได้ว่ารถมันขับไม่เหมือนเดิม ซึ่งตรงนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความไวประสาทในการรับรู้ความผิดปกติของรถ ซึ่งแต่ละคนมีไม่เหมือนกันอีกด้วย บางคนขับรถที่โช้คอัพแตก ลูกหมากแหก สปริงทรุดมาเป็นแสนกิโลเมตรโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งอะไรสักอย่างเสียจนต้องเข้าอู่ พอช่างตรวจพบ แจ้งแนะนำให้ซ่อมด้วยความหวังดี เจอบิลค่าซ่อมสองหมื่น กลับเข้าใจว่าช่างจะหลอกฟันเสียอย่างนั้น มันมีจริงๆ นะคนแบบนั้นบนโลกนี้ ที่เข้าใจว่ารถเหมือนรองเท้าแตะที่ซื้อมาใส่ใช้แล้วทิ้ง
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องความสั่นที่พบระหว่างขับ แล้วคุยกันว่า มันเกิดจากอะไร และมีระดับความอันตรายมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่คุณจะได้คิดออกว่ารถคุณควรเข้า “โรงพยาบาล” ด่วนแค่ไหน เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิด
เมื่อคุณขับรถแล้วเมื่อถึงความเร็วระดับหนึ่ง จะมีอาการสั่น บางครั้งจะสั่นหนักที่พวงมาลัย แต่คนนั่งหลังไม่ค่อยรู้สึก บางครั้งสั่นเท่าๆ กันทั้งคัน ทั้งหมดนี้ มีที่มา เวลาเพื่อนหรือน้องผมโทรมาถามเรื่องอาการสั่นของรถ ผมมักจะถามก่อนเลยว่า หนึ่ง น้องแน่ใจนะว่าที่สั่นมันคือรถ ไม่ใช่ว่าตัวคุณสั่นเพราะเมียจับได้ว่าคุณมีกิ๊ก ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ก็ถามต่อไปว่ามันสั่นที่ความเร็วเท่าไร ถ้าหากมีอาการสั่นชัดเจนที่ 90 กม./ชม. แต่พอเลย 100 ไปแล้วหายสั่น หรือสั่นน้อยลงแบบรู้สึกได้ อาการนี้ เข้าร้านช่วงล่างได้เลย เพราะศูนย์ล้อหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง
...
การตั้งศูนย์ล้อ ก็คือการปรับมุมต่างๆ ของล้อครับ ไม่ว่าจะเป็นการปรับล้อให้แบะ หุบ หรือถ่างแบบพวกรถโหลดเตี้ยนิยม ไปจนถึงการปรับมุมโท ซึ่งก็คือการกำหนดค่าว่าระยะห่างระหว่างส่วนหน้าของล้อซ้ายและขวานั้นจะเท่ากัน ชิดกว่า หรือห่างกว่าระยะห่างระหว่างส่วนหลังของล้อ สมมติว่าคุณมีตา X-Ray และมองรถจากด้านบนตรงๆ ผ่านฝากระโปรงหน้าลงไป ถ้ามุมโทก็คือความหุบ/กางของล้อนั่นล่ะครับในขณะที่มุมแคมเบอร์จะหมายถึงความหุบหรือกางเวลาเรามองจากหน้ารถตรงๆ หรือท้ายรถตรงๆ
ในการใช้งานรถ ศูนย์ล้อสามารถเปลี่ยนค่าไปเองได้ ซึ่งเกิดมาจากการขับกระแทกรุนแรงบ่อยๆ การเสื่อมสภาพของบุชยาง ลูกหมาก และส่วนต่างๆ ของช่วงล่าง รถที่สั่นตั้งแต่ตอนวิ่งด้วยความเร็ว 90 จำนวนมากเกิดมาจากศูนย์ล้อที่เพี้ยน คุณเอารถเข้าร้านช่วงล่างให้เขาเช็กได้เลย หากไม่มีส่วนไหนพังชัดเจน ให้ลองตั้งศูนย์ใหม่แล้วไปวิ่งดู ถ้าตั้งถูก อาการน่าจะหายครับ
การสั่นแบบต่อมา คือการสั่นที่ความเร็วประมาณ 110-120 สังเกตได้ว่ามันจะสั่นไม่มากนัก ถ้ามีคนชวนคุย หรือเปิดเพลงในระหว่างขับรถ คุณจะรู้สึกความสั่นได้แค่ที่พวงมาลัยเท่านั้น คนนั่งอยู่เฉยๆ อาจไม่รู้สึก แถมพอยิ่งใช้ความเร็วเลย 120 มาเท่าไร อาการสั่นยิ่งลดลงจนหายไปเลย ถ้าใช่แบบนั้นแล้วละก็ มันมักเกิดจากการที่ล้อเสียสมดุลเนื่องจากแผ่นตะกั่วที่ติดไว้ถ่วงน้ำหนักข้างในล้อนั้นหลุด..หลุดเพราะกาวเสื่อมสภาพ หรือไม่ก็กาวเสื่อมนั่นล่ะแต่เข้าไปร้านล้างอัดฉีดแล้วเจอน้ำล้างแรงดันสูงเข้าไป แผ่นตะกั่วถ่วงเลยหลุด วิธีแก้ก็เข้าร้านยาง แล้วถอดล้อไปขึ้นแท่นหมุนยาง ซึ่งจะใช้เพื่อวัดความแกว่งของล้อ ล้อไหนที่ค่าแกว่งมาก ล้อนั่นล่ะครับตัวต้นเหตุ ช่างที่ร้านยางเขาก็จะแปะตะกั่วไปจุดใดจุดหนึ่งของล้อ และลองทดสอบหมุนล้ออีกครั้งจนกว่าอาการแกว่งจะหาย
...
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าถ่วงล้อแล้วจะจบนะครับ เพราะบางกรณี นานๆ ทีผมก็เจอเหมือนกัน ถ่วงล้อแล้วสั่นกว่าเดิม เพราะช่างทำงานไม่เป็น หรือไม่ตรวจสอบให้ละเอียด ผมเคยเจอแบบนี้ ก็เลยย้ายไปร้านยางแห่งใหม่ ซึ่งแก้ปัญหาได้จบกว่า และสำหรับคนที่เพิ่งเปลี่ยนล้อซิ่งมา แล้วอาการสั่นเพิ่งมาหลังเปลี่ยนล้อซิ่งชุดใหม่ อาจเกิดได้จากการที่บ่าประคองล้อที่ดุมล้อ กับรูกลางล้อไม่พอดีกัน พวกร้านล้อซิ่งเขาก็จะใส่วงแหวน Hub ring เข้าไป เพื่อที่เวลายกล้อเสียบดุม มันจะเสียบได้พอดีเป๊ะ บางครั้งเวลารูนี้ไม่ฟิตแบบเป๊ะ มีที่ให้ล้อเคลื่อนขึ้นลงได้ แบบนั้น อาการสั่นก็จะมาได้เช่นกัน รถอย่างพวกกระบะ Toyota เปลี่ยนล้อแต่งซิ่ง ถ้าตรงกลางดุมไม่ฟิตพอดี อาการสั่นจะชัดเจนมากกว่ารถรุ่นอื่นครับ
...
แล้วถ้าหากว่าการสั่น เกิดขึ้นในช่วงความเร็วหลัง 120 แล้วยิ่งเข้าใกล้ 140 ยิ่งสั่นล่ะ? ถ้าเป็นกรณีนี้ เราจะยังไม่ทิ้งเรื่องล้อเสียสมดุลกับการถ่วงล้อนะครับ แต่ผมจะรู้สึกอยากเข้าร้านยางให้เร็วขึ้นเพื่อเช็กสภาพยางหน่อย เพราะมีโอกาสที่จะเกิดจากยางบวม ซึ่งเวลาเรามองรถจากข้างนอกเราจะไม่เห็น รถยุโรปสมัยใหม่ที่นิยมล้อโตยางแก้มเตี้ย หรือรถทั่วไปที่แต่งซิ่งใส่ยางที่เน้นราคาถูกมากๆ บางทีเพิ่งวิ่งมาแค่ 10,000 กิโลเมตร ก็มีบวมด้านในของแก้ม ซึ่งคนทั่วไปที่ไม่ได้เล่นรถ จะมองไม่ออก ยางบวมนี่ถ้าชอบขับรถเร็วแล้วฝืนใช้ไป บางทีก็ระเบิดเป็นอันตรายได้ครับ ควรรีบแก้ไข
บางครั้งลักษณะการสึกของยาง ก็บอกได้ว่าอะไรที่ผิดปกติครับ พวกล้อดุ้ง คด หรือล้อถ่วงไม่ดี มักจะทำให้สั่นแต่ไม่ค่อยส่งผลต่อลักษณะการสึกของหน้ายาง ผิดกับรถที่ตั้งศูนย์มาไม่ถูก หรือรถที่ช่วงล่างเสื่อมสุดๆ คุณถ่ายรูปล้อฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา เอารูปหน้ายางมาเทียบกัน จะเห็นได้เลยว่ารูปแบบของการสึกต่างกัน หรือในกรณีที่มีการสึกเป็นบั้งๆ วงๆ บริเวณหน้ายางด้านที่เกือบๆ จะถึงแก้มยาง นั่นก็เป็นตัวบอกได้ว่าช่วงล่างคุณมันเคลื่อนตัวไปผิดจากตำแหน่งที่มันควรจะเป็น
...
ในกรณีนี้ ให้ยกเว้นพวกนักซิ่งที่ตั้งศูนย์โดยตั้งใจ หรือพวกที่ขับแข่งสนามประจำ พวกนี้เขาปรับค่าการตั้งศูนย์เพื่อให้รถตอบสนองตามรูปแบบการแข่งและสนาม เน้นสมรรถนะ และยางซิ่งพวกนี้ใช้ไม่ถึง 4,000 โล บางคนก็โยนทิ้ง เพราะคนพวกนี้ขับโหด สนามแข่งก็มักจะมีอุณหภูมิพื้นผิวร้อนจัด วัสดุปูผิวทางวิ่งก็สากและโหดร้ายต่อยางมากกว่ายางมะตอยปูถนนทั่วไป คุณเอายางของคนขับรถพวกนี้ไปให้พระท่านดู พระท่านจะไม่รับบวชให้ เพราะเดี๋ยวมันก็สึก
การสั่นอีกรูปแบบหนึ่งที่มักพบได้ในการใช้รถแบบคนไทย ก็คือ การสั่นที่เกิดเฉพาะเวลาเอาเท้ากดเบรก และมันมักจะสั่นที่ช่วงความเร็วในระดับหนึ่ง พอความเร็วต่ำกว่านั้นจะสั่นน้อยลง เกิดจากการที่จานเบรกคด ซึ่งคุณไม่ต้องเป็นคนขับรถซิ่งนัก มันก็คดได้ครับ เพราะระบบเบรกแบบดิสก์เบรกนั้น องค์ประกอบของมัน คือ คาลิเปอร์ ผ้าเบรก และจานเบรก เวลาเรากดเบรก คาลิเปอร์ที่มีผ้าเบรกอยู่ก็จะหนีบลงไปที่จาน ซึ่งจานนั้นก็หมุนด้วยความเร็วเท่าล้อรถคุณ ลองนึกดูสิครับว่าถ้าหน้าจานไม่เรียบ มันจะสั่นไหมล่ะ? สาเหตุที่มันไม่เรียบก็เพราะมันเกิดอาการคดตัว รถที่ใช้เบรกชะลอจากความเร็วสูงลงมา แล้วเจอน้ำท่วมที่ต้องลุยผ่านทันทีโดยที่จานเบรกยังร้อน ร้อนจัด มาเจอเย็นแบบนี้ล่ะครับ มีโอกาสคดได้ง่าย
ถ้าคุณอยากลองเช็กอาการ ก็ลองดูว่าเวลาแตะเบรกแล้ว อาการสั่น เป็นแบบสั่นสะท้านเบาๆทั้งคันรถ หรือรถสั่นไม่เยอะ แต่พวงมาลัยสั่นแรงชัดเจน หากเป็นอย่างแรก มักจะเป็นจานเบรกหลังที่คด และอย่างหลัง มักจะเป็นจานเบรกหน้า วิธีแก้ไขก็คือการเจียรหน้าจานเบรกให้เรียบ ซึ่งเวลาเจียรจานเบรก ต่อให้คดแค่ข้างซ้าย ก็ต้องเจียรด้านขวานะครับ เพราะเวลาจานเบรกหนาไม่เท่ากัน มีผลทำให้รถเป๋เวลาเบรกอย่างรุนแรงได้
อาการสั่นยามขับแบบสุดท้ายที่พบได้ ก็คือการสั่นแบบถี่จัดจนเหมือนเสียงเครื่องบินใบพัดบินผ่าน ถ้ารถของคุณเป็นรถยุโรปขับเคลื่อนล้อหลังที่ใช้งานมานาน ก็เป็นไปได้ว่าเพลากลางเสียสมดุล ต้องทำการถ่วงเพลา สิ่งของใดที่มีน้ำหนักและมีการหมุน เมื่อถึงความเร็วหนึ่ง มีโอกาสที่จะเกิดการสั่นได้ทั้งนั้นครับ นอกจากตัวเพลาเสียสมดุลแล้ว จุดเชื่อมต่อเพลา ก็อาจมีส่วนได้เช่นกัน ซึ่งหากเป็นอย่างนี้ คุณต้องเลือกอู่ที่จะเข้าหน่อย เพราะร้านยางหรือร้านช่วงล่างจะมีความครบของเครื่องไม้เครื่องมือต่างกัน
ร้านยางทั่วไป ต้องมีแท่นถ่วงล้อกันทั้งนั้น ดังนั้นพวกอาการสั่นที่เกิดจากล้อเสียสมดุล ที่ต้องมีการถ่วงล้อนั้น คุณจะเข้าร้านขายยาง ติดตั้งยางที่ไหนก็ได้ ไม่ได้จำเป็นว่าต้องเป็นร้านใหญ่ๆมีห้องแอร์มีรถนับสิบคัน มันเป็นงานที่ถ้าหากคุณไม่เจอเคสแปลก หรือเจอคนถ่วงล้อที่ไม่เอาใจใส่ ปัญหาควรจะจบได้ง่าย ในขณะที่การสั่นที่ความเร็ว 90-100 นั้น หรือสั่นที่ความเร็วอื่นด้วยและหน้ายางมีการสึกผิดปกติ ร้านที่คุณเข้า ก็ควรจะสามารถเบิกอะไหล่ซ่อมช่วงล่างให้คุณได้ และมีเครื่องตั้งศูนย์ในร้านเลย ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเครื่องตั้งศูนย์เข็มแบบโบราณ หรือแบบดิจิทัลสมัยใหม่ เรื่องพวกนี้ท้ายสุดงานจะดี ขึ้นอยู่กับความรอบคอบ ความชำนาญ เอาใจใส่งานของช่างเป็นหลัก งานพวกนี้ไม่ใช่ร้านยางทุกแห่งทำให้คุณได้ครับ
และนี่ก็คือ เรื่องราวของการสั่นระหว่างขับ และต้นเหตุของมัน รวมถึงวิธีการแก้ไข อย่างไรก็ตาม หากอาการสั่นระหว่างขับของคุณ เกิดจากการที่มีโทรศัพท์โทรเข้ามาแล้วตามด้วยเสียงว่า “คุณคะ..เรามีเรื่องจะต้องคุยกัน” แบบนั้น ผมแนะนำว่าช่างที่คุณต้องเรียกหาคือ ช่างแม่มันทุกเรื่องครับ แล้วรีบไปเคลียร์ก่อนเรื่องราวจะบานปลาย.
Pan Paitoonpong