• แก้ปัญหาโลกแตก วิธีลดฝ้าบนกระจกขณะขับรถในช่วงฝนตก 
  • ควรทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า 50 เมตร หากทัศนวิสัยการขับขี่ไม่ดี
  • ทิ้งความคิดเปิดไฟฉุกเฉินขับไปด้วยเมื่อเจอพายุฝน เพราะสัญญาณที่สับสนของไฟฉุกเฉินอาจทำให้คุณโดนรถคันอื่นวิ่งชน

ประเทศไทยมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร นั่นหมายความว่าในฤดูมรสุม ฝนจะตกกระหน่ำอย่างหนักและอาจเปลี่ยนแปลงผิวถนนให้กลายเป็นคลองภายในเวลาอันไม่นานนัก ปัจจุบัน สภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย จากปัญหาโลกร้อน ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความร้อนในเขตศูนย์สูตรจะทำให้เกิดฝนตกหนักหนาสาหัสมากกว่าเดิม ปริมาณน้ำฝนที่เทลงมาบางครั้งมากกว่า 120 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะการวางผังเมืองที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมในการระบายน้ำจำนวนมหาศาล การสร้างถนนขีดขวางทางน้ำไหล ทำให้การใช้รถใช้ถนนในฤดูฝนมีอันตรายเพิ่มมากขึ้นทุกที

พายุลมแรงที่พัดกระหน่ำกลายเป็นอุปสรรคที่สร้างอันตรายได้ทุกเมื่อ ลมกระโชกแรงพัดทุกสิ่งที่ยึดไม่แน่นให้ปลิวไปตามลมและพร้อมจะสร้างความเสียหายให้กับรถของคุณ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นนักขับที่เชี่ยวชาญและเคยชินกับการควบคุมรถยนต์ท่ามกลางสภาพอากาศชื้นแฉะของฤดูฝน การควบคุมรถจึงกลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยมีสถิติสะท้อนให้เห็นความจริงที่น่าใจหายว่า อุบัติเหตุมักเกิดมากขึ้นในระหว่างฝนตก การที่ผู้ขับขี่มีสติและระมัดระวังมากขึ้นเมื่อต้องขับขี่บนถนนที่เปียกและลื่น จึงเป็นสิ่งสำคัญ

...

สภาวะการมองเห็นที่แย่ลง

เมื่อเกิดละอองฝ้าเกาะกระจกหน้าและกระจกหน้าต่าง ควรเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วตั้งอุณหภูมิให้เท่ากับอุณหภูมิภายนอก เพื่อสลายความชื้นหรือลดฝ้าที่เกาะกับกระจก หรือเปิดหน้าต่างด้านหลังให้มีช่องว่างเพียงพอให้อากาศถ่ายเท หากเกิดฝ้าบนกระจกและทำให้บดบังทัศนวิสัยของการมองเห็น ควรลดความเร็วหรือจอดเพื่อทำความสะอาดกระจก เพื่อทำให้มองเห็นได้ชัดเจนและมองได้ไกลมากขึ้น ข้อสำคัญก็คือ ลดความเร็ว เพื่อทำให้เบรกได้ทันหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นตรงหน้า สภาวะการมองเห็นมีความสำคัญต่อความปลอดภัยขณะขับรถ เมื่อฝนตกหนักมากจนมองอะไรไม่เห็น โดยเฉพาะการขับตอนกลางคืนแล้วเจอเข้ากับพายุฝน ก็ควรที่จะหยุดรอให้ฝนซาลง จนพอที่จะมองเห็นทางข้างหน้าได้ไกลขึ้นค่อยเดินทางต่อไป

ลดความเร็วเพื่อความปลอดภัยเมื่อฝนตก

การลดความเร็วลงมาเมื่อฝนตกเป็นสิ่งสำคัญที่นักขับทุกคนต้องคำนึงถึง เนื่องจากพื้นผิวที่เปียกแฉะ จะทำให้ผู้ขับขี่บังคับรถได้ไม่ดีเท่ากับการขับบนพื้นถนนแห้ง นอกจากนี้ อาจต้องใช้ระยะเบรกเพิ่มขึ้นเท่าตัว รวมทั้งอาจบังคับพวงมาลัยหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้ไม่ดีนัก ลดความเร็วทันทีที่สภาพถนนเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยแห้งสนิทกลับเปียกชื้น

การลดความเร็วจะทำให้คุณมีระยะเบรกที่ปลอดภัย การขับเร็วท่ามกลางสภาพถนนที่เปียกลื่นจะยิ่งเพิ่มอันตรายขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อจำเป็นที่จะต้องใช้เบรกแบบฉุกเฉินหรือต้องหักพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางแบบกะทันหัน คุณอาจเจอเข้ากับแอ่งน้ำ จนทำให้รถเกิดอาการลื่นไถลจนตกถนน หรือเสียหลักหมุนไปฟาดกับต้นไม้ เสาไฟฟ้า เมื่อใช้ความเร็วที่ไม่เหมาะสม หรือสอดคล้องกับสภาพอากาศและผิวถนนที่เปลี่ยนไป นั่นคือการขับเร็วขณะฝนตก

อันตรายจากการใช้ความเร็วเมื่อถนนไม่อยู่ในสภาวะปกติจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ควรลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ด้วยการชะลอความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังในการควบคุมรถยนต์ หลายครั้งที่ทดสอบรถ โดยเฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อสมรรถนะสูง ผมจะลดความเร็วลงมาที่ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไหล่ทางด้านซ้ายและขวา มักมีน้ำขังลามเข้ามาถึงเลนตรงกลาง อาจทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้ ความเร็วต่ำจะช่วยทำให้คุณควบคุมรถได้แม้ในขณะที่วิ่งทับลงไปบนผิวถนนที่มีน้ำขังอยู่ 

...

ทิ้งระยะห่างจากรถคันข้างหน้า เรื่องง่ายๆ ที่มักจะถูกละเลย 

รักษาระยะห่างระหว่างรถของคุณกับรถคันหน้าให้เหมาะสมกับระยะเบรกที่เพิ่มขึ้นเมื่อฝนตกถนนลื่น คุณจะต้องใช้ระยะเบรกยาวไกลขึ้นเมื่อขับรถบนถนนที่เปียกแฉะ นอกจากนี้ การรักษาระยะห่างเอาไว้ จะช่วยไม่ให้รถโดนน้ำที่กระเซ็นมาจากรถคันข้างหน้าปลิวใส่กระจกหน้า

การทิ้งระยะห่างให้เหมาะสมจะช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้น การทิ้งระยะห่างห้าสิบเมตร เมื่อขับด้วยความเร็ว 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้คุณมีระยะทางที่มากพอสำหรับการเบรก หรือหักหลบหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นตรงหน้า เช่น รถชนกันอยู่ข้างหน้าหรือมีเศษสิ่งของอยู่บนผิวทาง ไม่ว่าจะเป็นเศษกิ่งไม้ สังกะสี ป้ายโฆษณา รวมถึงรถที่จอดหลบฝนอยู่ตามไหล่ทาง อันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอก็คือการขับใกล้คันหน้ามากจนเกินไปแล้วเกิดอุบัติเหตุชนท้ายเนื่องจากตามใกล้แล้วเบรกไม่ทัน หรือเบรกทันแต่เบรกไม่อยู่เพราะถนนลื่น ABS และ EBD ในระบบเบรก ไม่ได้ช่วยทำให้คุณหยุดได้เร็วขึ้นในสภาวะฝนตก แค่ช่วยทำให้รถไม่เสียหลักขณะเบรกเต็มกำลังเท่านั้น 

...

เทคนิคการมองขณะขับรถท่ามกลางสายฝน

อย่างที่บอกว่า การมองเห็น เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับขี่อย่างปลอดภัย ให้มองไปบนถนนข้างหน้า ไปที่จุดหมายเบื้องหน้าที่ต้องการจะไปเสมอ มองให้ไกลเข้าไว้ก่อน ถ้ามีอุปสรรคต่อการมองเห็น เช่น ฝนหนักมาก พร้อมลมพายุพัดแรง ควรหาที่จอดหลบที่ปลอดภัย ไม่ควรจอดตามไหล่ทาง จำไว้ว่า ถ้าคุณมองไม่เห็น คนอื่นก็มองไม่เห็นเหมือนกัน

...

ถ้าจะรอให้ฝนซาลงมาค่อยไปต่อ ควรจอดให้ห่างจากถนนให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุชนท้ายจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่และส่งผลต่อการมอง ไม่ควรเปิดไฟผ่าหมากหรือไฟฉุกเฉินพร้อมๆ กับวิ่งไปด้วย สัญญาณที่สับสนของไฟฉุกเฉินอาจทำให้คุณโดนรถคันอื่นวิ่งชน


ใช้พวงมาลัยอย่างนิ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป

โดยเฉพาะบนพื้นถนนที่แฉะและลื่น การกระชากพวงมาลัย หรือเปลี่ยนทิศทางแบบกะทันหัน อาจทำให้รถสูญเสียการทรงตัว บังคับพวงมาลัยอย่างนุ่มนวลและระมัดระวัง ห้ามกระตุกพวงมาลัยเร็วๆ ในสภาพผิวทางที่เปียกลื่น ตรวจสอบดอกยางและสภาพของยางเพื่อความมั่นใจในการเดินทาง ยางหัวโล้นหมดดอกก็ต้องเปลี่ยนทิ้งทันที อย่าไปเสียดายเงิน ดอกยางที่ดีจากยางที่สดใหม่ในฤดูฝน จะช่วยรีดน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทำให้รถของคุณทรงตัวบนทางเปียกลื่นได้ดีขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ความเร็วด้วยเหมือนกัน ยางประสิทธิภาพสูง ถ้ามาเร็วเกินไปก็รีดน้ำไม่ทันได้เหมือนกันนะครับ ให้ระวังในจุดนี้ด้วย 

น้ำท่วมทางข้างหน้าอย่าเพิ่งลุยฝ่าเข้าไป

นักขับมือใหม่หรือมือเก๋าใจร้อนบางคนอยากถึงบ้านเร็วๆ เมื่อขับมาเจอน้ำท่วมทางข้างหน้าก็อย่าเพิ่งมั่นมากจนเกินไป หลบเข้าข้างทางสังเกตเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้ดีๆ ลองดูรถบรรทุกหรือรถกระบะยกสูงที่ลุยฝ่าไปว่าระดับน้ำนั้นลึกแค่ไหน รถเก๋งที่คุณใช้ลุยน้ำได้ไม่เกิน 30 เซนติเมตร ส่วนกระบะยกสูงเล่นได้ถึง 70-80 เซนติเมตร ลองมองดูตัวอย่างของรถเก๋งเตี้ยๆ ว่าเค้าลุยแล้วรอด หรือไปจบเห่กลางน้ำลึก เมื่อเห็นว่ารถเก๋งที่มีความสูงพอๆ กับรถที่ตัวเองขับสามารถแล่นฝ่าไปได้ก็ค่อยๆ ไหลตามห่างๆ ลดกระจกลง ปิดแอร์ ใช้ความเร็วต่ำ อย่าวิ่งเร็วจนทำให้เกิดคลื่น น้ำอาจเข้าไปในระบบไฟจนทำให้เครื่องยนต์ดับกลางน้ำได้ ค่อยๆ ไหลไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วต่ำจนกว่าจะฝ่าพ้นมาได้

นอกเหนือจากเทคนิคการขับท่ามกลางสภาพอากาศปิดแล้ว คุณต้องมั่นใจว่าได้เลือกใช้ยางที่เหมาะสม และมีการตรวจสภาพยานพาหนะของคุณอยู่เสมอ อย่างที่บอกเสมอๆ ก็คือ ยางที่สดใหม่จะช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยกว่าเดิมแม้ในสภาพถนนเปียก เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน การควบคุมทิศทางของรถ และการเบรกที่ดียิ่งขึ้น ความปลอดภัยและการทรงตัวบนถนน ถือเป็นคุณค่าหลักของยาง โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถท่ามกลางสายฝน ยางที่ดีมีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานในฤดูฝน ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์มีความมั่นใจและสามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบนถนนที่เปียกหรือชื้นแฉะที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความเป็นและความตายแม้เพียงแค่เสี้ยววินาที.

ผู้เขียน : อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/