BMW เมื่อ 100 ปีก่อนเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์ของอากาศยาน ปัจจุบัน ค่ายรถเยอรมนีเจ้านี้กลายเป็นผู้ผลิตยานยนต์พรีเมียมที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพของการขับขี่ เอกลักษณ์ของ BMW ที่คุ้นเคยก็คือกระจังแบบไตคู่ ไฟกลม ดีไซน์ของขอบเสาท้ายที่หักวกกลับอย่างสวยงาม รวมไปถึงการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังและการกระจายน้ำหนักที่สมมาตรสุดๆ (50:50) เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง 3 สูบ 4 สูบ 6 สูบเทอร์โบและ V8 ทวินเทอร์โบ ตามด้วยเครื่องไซส์ยักษ์ขนาด 12 สูบที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู! หลังจากก้าวเดินเข้าไปในวงการมอเตอร์สปอร์ต BMW สร้างชื่อเสียงในการคว้าชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วนด้วยรถแข่งที่เพียบพร้อมไปด้วยประสิทธิภาพ ทั้งหมดทั้งปวงของแบรนด์ตราใบพัดได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโลกยนตรกรรมจากความยิ่งใหญ่และคุณภาพในการผลิต รวมถึงความสนุกหลังพวงมาลัยที่มีให้คุณในรถทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Series-1 หรือตัวแรงอย่าง M-Power
...
BMW Group Thailand ส่งจดหมายเชิญไปทดสอบรถยนต์รุ่นพิเศษ BMW M2 / M3 / M4 / X5M / X6M / M6 ที่สนามทดสอบแห่งที่ 3 ของ BMW ในเมืองอินชอนประเทศเกาหลีใต้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนระอุในคาบสมุทรเกาหลี เป็นการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลระยะทาง 3,000 ไมล์ เพื่อขับทดสอบรถที่ดีที่สุดของ BMW ในสนามที่มีมูลค่าสูงถึง 75.5 ล้านเหรียญ และมีแค่ 3 สนามเท่านั้นบนโลกใบนี้ ที่คุณหรือใครก็ตามที่เป็นลูกค้าของ M จะได้สัมผัสกับนวัตกรรมแห่งความแรงภายใต้แบรนด์สัญลักษณ์ใบพัดสีฟ้า-ขาว
...
...
สนามทดสอบ BMW Driving Center Incheon เปิดตัวในปี 2014 นี่คือศูนย์ขับทดสอบรถยนต์ของ BMW ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก เมื่อเปิดให้บริการใน Yeongjongdo เมือง Incheon สนามทดสอบ BMW Driving Center นับเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชียที่ลูกค้าและสื่อมวลชนจากทั่วโลกจะได้มีโอกาสสัมผัสกับรถ BMW MINI และจักรยานยนต์ BMW Motorrad อย่างเต็มที่ แม้จะตั้งอยู่ใกล้กับเส้นขนานที่ 38 ซึ่งอยู่ห่างจากเกาหลีเหนือไม่มากนี้ มีแทร็กที่แตกต่างกัน 6 แห่ง ห้องแสดงนิทรรศการและโชว์รูมขนาดยักษ์ จัดแสดงรถยนต์ในเครือ BMW Group ห้องอาหารหรูหรา ห้องสำหรับเด็กและพื้นที่ของการศึกษาเรียนรู้ความเป็นไปในโลกแห่งยนตรกรรม พื้นที่ทั้งหมดกว่า 240,000 ตารางเมตร โดยมีขนาดความใหญ่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลถึง 33 สนาม ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อทุ่มเทให้กับความน่าตื่นเต้น นั่นก็คือการขับรถทดสอบ แทร็กทั้ง 6 ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ รวมถึงการโชว์ศักยภาพของรถยนต์ BMW ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงตามมาตรฐานของ Fédération Internationale de l'Automobile (FIA)
...
เมื่อมองออกไปยังลานจอดข้างสนาม ภาพของรถ BMW M หลากหลายรุ่นจอดเรียงรายรอสื่อมวลชนทำให้อะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน ผมเดินไปที่รถ BMW M2 สีเทาเข้ม ซึ่งจะต้องขับทดสอบเป็นรุ่นแรกสำหรับการขับในภาคเช้า ต้องอธิบายกันสักนิดว่า M2 นั้น ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสานต่อประวัติศาสตร์ของ BMW M Power หลังจากออกขายได้ไม่นาน รถรุ่นนี้สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักขับทั่วโลกตามแบบฉบับของรถสปอร์ตสายพันธุ์ M-Car ด้วยรูปทรงที่ดุดันจากโป่งซุ้มล้อที่ถูกขยายออกด้านข้างแบบรถแข่ง เครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบเชื่อมโยงกับ BMW M4 โดยการแชร์ชิ้นส่วนภายใน เส้นสายของตัวถังสะท้อนอดีตที่เคยรุ่งเรืองของ BMW M3 e30 หรือแม้แต่รถเล็กอย่าง BMW 2002Tii ซึ่งรถทั้งสองรุ่นเปรียบเหมือนกับตำนานความเร็วในยุคแรกๆ ของแบรนด์ BMW M พื้นฐานของ M2 มาจาก BMW Series-2 Coupe แต่มีการแชร์ชิ้นส่วนอะไหล่พวกเครื่องยนต์กับช่วงล่างจากรถ BMW M4 แม้จะไม่มีชิ้นส่วนที่ทำจากคาร์บอนเยอะเท่ากับ M4 แต่ M2 ก็มีสมรรถนะที่เหนือกว่ารถคู่แข่งในด้านของการตอบสนองและการควบคุม
BMW M2 มีมิติของด้านหน้าและหลังกว้างขึ้น 55 และ 80 มิลลิเมตร ฐานล้อถูกขยายออกเนื่องจากรับเอาชิ้นส่วนแพหน้ามาจาก BMW M4 ทั้งยวง ช่วงล่างอัลลอยมีขนาดที่เท่ากับ M4 ล้อขอบ 19 นิ้วลาย M แบบ 5 ก้านคู่ ยางสปอร์ตคุณภาพสูงราคาแพงลิบจาก Michelin รุ่น Pilot Super Sport ยางหน้าไซส์ 245/35ZR19 ยางหลัง 265/35ZR19 สอดคล้องกับช่วงล่างที่มีการใช้โช็กอัพกับสปริงแบบพิเศษที่ปรับตั้งไม่ได้แต่เกาะหนึบสุดๆ! ช่วงล่างของมันถูกจูนให้แข็งกว่า BMW M235i รุ่นพี่ แชสซีส์ถูกดามอย่างหนาแน่นเพื่อความแข็งแกร่งโดยใช้คานเหล็กทำมุม 45 องศา เสาหน้าก็ยังถูกดามเพื่อลดอาการบิดตัวเมื่อต้องขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
เนื่องจากมีราคาแค่ 5.8 ล้านบาท BMW M2 จึงไม่มีชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์เหมือน M4 ที่มีราคาทะลุ 10 ล้านบาท ระบบห้ามล้อหรือเบรก ด้านหน้าใช้จานดิสแบบเหล็กหล่อพร้อมคาร์ลิปเปอร์เบรกแบบ 4 พอต ส่วนเบรกหลังจัดคาร์ลิปเปอร์เล็กแค่ 2 พอต จานเบรกถูกเจาะรูเพื่อการระบายความร้อนป้องกันอาการเบรกเฟรด ผ้าเบรก M เกรดพิเศษจากโรงงานสามารถหยุดยั้งม้า 365 ตัว ให้ว่านอนสอนง่ายไม่วิ่งไปใส่กำแพงหรือรั้วในสนามทดสอบ แม้จะมีเสียงดังเวลาเบรกแต่ประสิทธิภาพของการเบรกนั้นดีเยี่ยม แถมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าจานแบบคาร์บอนเซรามิก รวมถึงราคาที่ถูกกว่ามาก จานเบรกเหล็กหล่อด้านหน้าขนาด 380 มิลลิเมตร และจานเบรกหลังขนาด 370 มิลลิเมตร แผ่นดิสก์เบรกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากอลูมิเนียม ช่วงล่างที่มีชิ้นส่วนน้ำหนักเบาทำจากอัลลอย ทำให้น้ำหนักใต้สปริงของเจ้า M2 ลดลงไปพอสมควรเมื่อควบรวมกับน้ำหนักที่เบาหวิวของล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว กดคันเร่งเต็มๆ ก็แทบจะบินได้เลยทีเดียว!
ใต้ฝากระโปรงหน้าคือเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงวางตามยาวขับหลัง ความจุ 3.0 ลิตร 2,979 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบกับชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ เครื่องยนต์ 3 ลิตรเทอร์โบ ถูกเปลี่ยนไส้ในโดยเอาชิ้นส่วนพวกก้านสูบ ลูกสูบ เพลาข้อเหวี่ยง อ่างน้ำมันเครื่องและปั๊มน้ำมันเครื่องมาจาก M4 เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มเติมประสิทธิภาพด้านพลังแรงบิดกับความเหนียวแน่นทนทาน ฟังก์ชั่น Over Boost ของเทอร์โบ mono Scroll ทำให้ M2 มีแรงบิดที่ดีเยี่ยมถึง 500 นิวตันเมตร สำหรับการรับมือกับ Mercedes Benz A45 AMG หรือ CLA45 AMG ซึ่งมีม้ามากกว่า! แรงบิดปล่อยมาเต็มๆ ในย่าน 1,450-4,750 รอบต่อนาที อินเตอร์คูลเลอร์กับหม้อน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่า M235i ทำให้อุณหภูมิของไอดีที่ประจุเข้าไปยังห้องเผาไหม้ไม่ร้อนมากจนเกินไป โดยจะระเบิดออกมาเป็นพลังงานในรูปของแรงบิดระดับมหาศาลเกินขนาดของตัวถังไปไกลลิบ
กำลังในรูปของแรงบิดที่ได้รับจากเครื่องยนต์สมรรถนะสูงไซส์กะทัดรัดแบบ 6 สูบเรียงกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ในการเลือกรถเล็กประสิทธิภาพสูงของลูกค้าคนรวย หลังจากการสร้างรถเล็กจอมแสบอย่าง BMW M135i ตามด้วย BMW M235i การอัพเกรดรถเล็กบ้าพลังของคู่แข่งทั้งสองแบรนด์อย่าง Mercedes Benz และ Audi ทำให้คนของ BMW ในแผนก M อยู่ไม่เป็นสุข กำลังที่อ่อนด้อยกว่าคู่แข่งทำให้ผู้บริหารของ BMW นั่งไม่ติด และทำให้โครงการ BMW M2 กลายเป็นความจริงแทนที่จะเป็นแค่ภาพร่างในคอมพิวเตอร์บนโต๊ะของฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของเครื่องยนต์ 6 กระบอกสูบ ภายใต้เทคโนโลยี M TwinPower Turbo มาตรฐานไอเสีย EURO-6 การปรับลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์หกสูบเทอร์โบคู่ รวมถึงการลดน้ำหนักจากฝากระโปรง บานประตูและผืนหลังคาที่ทำจากอลูมินั่มอัลลอย ทำให้สมรรถนะของมันพุ่งขึ้นจนยันเพดาน
ชิ้นส่วนช่วงล่างอัลลอยพวกปีกนกและก้านยึดต่างๆ ของ M4 พร้อมแชสซีส์ที่แน่นตึ้บ ถูกนำมาปรับใช้ใน BMW M2 เป็นการเพิ่มความหนึบในระดับรถแข่ง ความนิ่งแน่นหนึบของ M2 ตัวใหม่ยังเกิดขึ้นจากล้อต่างไซส์แบบหน้าเล็กหลังใหญ่สไตล์รถขับหลัง ล้ออัลลอย M ขอบ 19 นิ้ว กับยางตัวโหดของ Michelin รุ่น Pilot Super Sport เติมเต็มกริบที่มั่นคงส่งเสริมการทำงานของแรคพวงมาลัยไฟฟ้าแบบใหม่ ออปชั่นระบบควบคุมการทรงตัว ส่วนช่วงล่างแบบปรับระดับความสูง-ต่ำไม่มีมาให้เหมือน M4 มีทั้งความดิบและความหนึบแนวรถแข่ง M Dynamic Mode กับเฟืองท้ายสายโหด Active M Differential เปลี่ยนรถเล็กคันนี้ให้กลายเป็นตัวแสบด้วยกลไกไฟฟ้าที่คอยเซ็ตช่วงล่างให้เข้ากับอารมณ์ของคนขับ โหมด M Adaptive ปรับน้ำหนักพวงมาลัย ตำแหน่งของอัตราทดที่เหมาะสมกับรอบเครื่องยนต์และสปีดความเร็วรวมถึงระดับความสูงของตัวรถ ปรุงแต่งด้วยภาคบังคับจากซอฟต์แวร์ที่ปรับจูนมาเป็นอย่างดีเพื่อการทำความเร็วโดยเฉพาะ
BMW M2 เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.3 วินาที ความเร็วปลายสามารถทะยานไปได้ถึง 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่ากับ M3 และ M4 ด้วยออฟชั่น M Drivr's Package ปลดล็อกความเร็วจาก 250 ไปที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการอัดทางตรงยาวๆ ของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาหากไม่กลัวโดนตำรวจซิวก็จัดเต็มได้เลย สำหรับพวงมาลัย M แบบสามก้านหุ้มหนังแท้เย็บตะเข็บลาย M นั้นยกมาจาก M3 / M4 แป้น Paddle Shift ก็ด้วย แดชบอร์ดย่อขนาดลงมาเล็กน้อยตามมิติของตัวรถที่เล็กกว่า เบาะนั่ง M มีขนาดย่อมลงมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเบาะของ M3 และ M4 จอแสดงผลส่วนกลางพร้อม iDRIVE แบบสัมผัสกับชุดควบคุมอุณหภูมิสไลด์ BMW คืออุปกรณ์มาตรฐานของ M2 ปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อนก็ยังยกเอามาจากรถรุ่นพี่ ซึ่งมีโหมดมาให้เลือกแค่สามโหมด (COMFORT, SPORT และ SPORT+)
เช้าวันทดสอบ ท่ามกลางสถานการณ์ที่คุกรุ่นระหว่างอเมริกันจอมเบ่งกับเกาหลีเหนือจอมซ่า สนามทดสอบ BMW Driving Center Incheon นั้น มีที่ตั้งอยู่ห่างจากเส้นขนานที่ 38 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งพรมแดนเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ไม่ถึง 200 กิโลเมตร เหตุการณ์ก็ยังดูปกติไม่ได้มีวี่แววของสงครามใหญ่แต่อย่างใดทั้งสิ้น การคุยโวโอ้อวดถึงอาวุธทำลายล้างที่ต่างฝ่ายต่างงัดขึ้นมาประชันขันแข่งกันอย่างครึกโครม สร้างความหวดเสียวและเพิ่มความร้อนแรงให้กับคาปสมุทรเกาหลี ส่วนความร้อนแรงที่อยู่ตรงหน้าผมในช่วงเช้าของวันทดสอบก็คือฝูงรถ BMW M2 ที่จอดรออยู่ในสนามนับสิบคัน ตามด้วย BMW M3 และ M4 พี่น้องคู่โหดโคตรแรงที่จอดเรียงกันเป็นตับกับ BMW M5 ซีดานตัวแสบกำลัง 560 แรงม้า BMW M6 ที่มาพร้อมกันทั้งรุ่น 2 ประตูและ 4 ประตู ต่อด้วย BMW X5M X6M เอสยูวีสายพันธุ์โหดเครื่อง V8 ทวินเทอร์โบพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDRIVE
ผมเดินไปที่รถ M2 สีเทา เปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ปรับระยะเบาะและพวงมาลัยให้สอดรับกับการขับในสนามทดสอบ ปรับโหมดไปที่ Sport Mode โยกคันเกียร์ M-DCT แล้วยกเท้าออกจากแป้นเบรกหมุนพวงมาลัย M servotronic โดยขับตาม M2 คันนำ ซึ่งเป็นรถ instructor อย่างว่านอนสอนง่าย BMW Driving Center Incheon สนามทดสอบมูลค่า 75.5 ล้านเหรียญของ BMW Group มีความยาวแค่ 2.6 กิโลเมตร แต่อุดมไปด้วยโค้งวกไปวนมาราวกับทางในสวนสนุกขนาดยักษ์ สนามแห่งนี้จำลองโค้งโหดๆ ในสนามแข่งทั่วโลก ซึ่งมีทั้งโค้งรูปตัวเอส และโค้งยูเทิร์นยาวเหยียดกับรันออฟที่น้อยนิดไม่เหลือเผื่อที่ทางสำหรับการกระทำที่ผิดพลาด
ทางตรงสั้นแค่ 600 เมตร ทำให้พวกตีนผีซ่าไม่ออกดันได้แค่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ต้องเบรกกันจนตัวโก่งตัวงอ เพื่อมุดเข้าโค้ง 1 ซึ่งเป็นโค้งมุมอับสายตามองไม่เห็นว่าข้างหน้ามีอะไร สองรอบแรกในการเรียนรู้ผังสนามจบลงตามด้วยการกระหน่ำคันเร่งของ instructor ชาวเยอรมนีจาก BMW M เป็นการเปิดฉากการขับทดสอบแบบเร็วจี๋ ท่ามกลางอุณหภูมิแค่ 12 องศา พร้อมกระแสลมแรงจากอ่าวที่พัดตัดผ่านสนามทดสอบตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อขับเร็วขึ้นจนแทบจะคล้ายกับการขับรถแข่งในสนามแข่งความเร็วสูง BMW M2 ตอบสนองอย่างว่องไวทั้งความเร็วและการเลี้ยวที่แม่นยำ เมื่ออยู่ใน Sport Mode มันก็พร้อมอาละวาดอย่างเต็มที่ และทิ้งรอยยางเอาไว้ทุกโค้ง ยาง Michelin รุ่น Pilot Super Sport มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หากใส่มาแรงเกินไป เจ้า M2 จะเริ่มออกอาการดีดดิ้นในโค้งแต่ระบบต่างๆ ก็เอื้ออำนวยให้คนขับสามารถควบคุมการเลี้ยวได้อย่างมั่นคงผ่านพวงมาลัยและคันเร่งที่ตอบสนองดีสุดๆ ประสิทธิภาพของการยึดเกาะที่ดีเกิดจากช่วงล่างด้าหน้าที่ยกมาจาก BMW M4 ช่วงล่างหน้าดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกคู่ทำจากอะลูมิเนียม แถมยังขยับฐานล้อให้ยื่นออกด้านข้างมากกว่า Series 2 Coupe ช่วยให้เกิดการยึดเกาะที่มากขึ้นพร้อมๆ กับพวงมาลัยที่หนักราวกับรถบรรทุก เมื่อคาอยู่ใน Sport Mode โค้งความเร็วต่ำแค่เกียร์ 2 แต่ทำให้ผมเสียวสยองสุดๆ เมื่อมันกระโจนพรวดผ่านกลางโค้งพร้อมๆ กับส่วนท้ายที่เริ่มบานออกเพราะเข้ามาเร็วเกินไป อาการอันเดอร์สเตียร์นั้นแทบจะไม่ปรากฏออกมาให้สัมผัสแต่อาการโอเวอร์สเตียร์ หรือท้ายบานนั้นจะโผล่ออกมาให้เสียวเล่นทันทีที่คันเร่งถูกกระทำชำเรา
การตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้านั้นอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมเนื่องจากไม่ใช่รถจ่ายกับข้าว BMW ปรับระยะฟรีของพวงมาลัย M จนแทบจะไม่เหลือหรอ พวงมาลัยไฟฟ้าของ M2 ให้ความรู้สึกหนักแน่นแข็งขืนแต่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะควบคุมทิศทางได้แบบตามสั่งเมื่อขับเร็วๆ มันจะแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วโดยผ่อนแรงที่ทางตรงและขึงตรึงแน่นตึบในโค้งมุมแคบ น้ำหนักของพวงมาลัยที่หนักขึ้นโค้งช่วยควบคุมองศาของการเลี้ยว และทำให้พวกมืออ่อนเข้าโค้งได้เร็วยิ่งขึ้นและไม่รู้สึกย้อนแย้งด้วยความเป็นธรรมชาติของพวงมาลัย (คล้ายรถแข่ง) การปรับพวงมาลัยในลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้การตอบสนองว่องไวและมีความชัดเจนคล้ายกับพวงมาลัยในรถ M4 เพียงแต่ไวกว่านิดๆ เมื่อเลี้ยวได้ดีและเกาะยังกับตุ๊กแกทำให้เกิดความมั่นใจ การขับบนสนามทดสอบที่มีโค้งมากมายไม่รู้จักจบสิ้นแค่ 5-6 รอบก็รู้สึกปวดข้อมือเหลือกำลัง ต่อให้คุณอัดมันหนักขนาดไหน M2 ก็ยังเชื่องไม้เชื่องมืออยู่ดี ผมซัดมันเต็มข้อโดยพยายามระวังไม่ให้ความเร็วที่เข้าสู่หัวโค้งสูงเกินไป การกระทำแบบนั้นช่วยเซฟรถทดสอบในด้านความปลอดภัยแต่ก็ทำให้โดนทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ ในโค้งความเร็วต่ำเจ้า M2 ทำตัวสบายๆ หายห่วง และเมื่ออัดผ่านทางตรงยาว สปีดความเร็วที่ผมสามารถทำได้อยู่ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อมๆ กับการกระทืบเบรกเต็มแรงแล้วทะยานผ่านโค้งยูเทิร์นด้วยเสถียรภาพ และความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ก็ต้องใช้พลังมหาศาลในการประคองพวงมาลัยให้อยู่ในเส้นทาง BMW Driving Center Incheon ไม่ให้โอกาสกับพวกที่ทำผิดพลาด ระยะรันออฟแค่นิดเดียวหากแหกหลุดโค้งออกไปนอกแทรคมีหวังได้ไปฟาดกับรั้วกั้นสนามอย่างแน่นอน BMW ปรับ M2 ให้มีทั้งความแข็งขืนและความยืดหยุ่นผสมปนเปกันอยู่ในไดนามิกของตัวรถเพื่อสร้างความมันและความพึงพอใจให้กับผู้ขับแบบจัดเต็ม เป็นรถคูเป้คันเล็กที่ทำให้นึกถึง BMW M3 CSL (e46) หรือแม้แต่ตัวแสบรุ่นพระเจ้าเหาอย่าง BMW M3 e30
แนวคิดในการสร้าง BMW M2 เป็นการผสมผสานความสามารถของรถ M ในอดีตให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รูปลักษณ์ที่เรียบง่ายไม่มีแอร์โรพาร์ทรกรุงรังแค่โป่งซุ้มล้อที่ใหญ่โตกับล้อ M ขอบ 19 นิ้ว สปอยเลอร์หน้า M มีช่องรับอากาศใหญ่พอๆ กับช่องจอดเครื่องบิน Airbus A380 ไฟหน้าเฉียบคมกับกระจังรูปไตคู่ขนาดใหญ่ สเกิร์ตข้างอย่างงามและสปอยเลอร์หลังที่พยายามโชว์ท่อระบายท้าย ช่วงล่างแบบปรับไม่ได้แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของงานซิ่งระดับบน มันหนัก 1,570 กิโลกรัม เบากว่า M4 นิดเดียวแต่วิ่งใจขาดฟาดไม่ยั้ง!! แถมยังมีราคามิตรภาพแค่ 5.8 ล้านบาท ถูกกว่า BMW M4 ที่แพงถึง 10 ล้านบาทและสูสีกับคู่แข่งอย่าง Mercedes Benz CLA 45AMG แบบกินกันไม่ลงออกเบียดกันมาติดๆ ทั้งสมรรถนะ แรงม้า อัตราเร่งและความบันเทิงหลังพวงมาลัย ห้องโดยสารของ M 2 เรียบง่ายไม่ทำตัวแนวเหมือน CLA 45AMG มีโลโก้ M ตัดเย็บด้วยด้ายสีฟ้าประดับประดาอยู่ทั่วไปหมด แดชบอร์ดตกแต่งด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์ มาตรวัดอ่านค่าได้ง่าย หัวเกียร์ M DCT สั้นกุดกับตำแหน่งท่านั่งของคนขับที่คุณสามารถปรับให้เตี้ยลงได้ตามใจชอบ เป็นห้องโดยสารที่ใช้งานได้ดีแต่ไม่แนะนำให้นั่งเบาะหลังไกลๆเนื่องจากความคับแคบของพื้นที่ด้านหลัง มันแตกต่างจาก Series 2 ไม่มากจากงานตกแต่งแต่สิ่งที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวก็คือพลังของเครื่องยนต์ที่ต่างกันชนิดเทียบกันไม่ติด
ประสิทธิภาพในสนามแข่ง หรือสนามทดสอบของ M2 ที่หลั่งไหลออกมาให้สัมผัสและรับรู้ผ่านแชสซีส์อันยอดเยี่ยม ผสมระบบควบคุมการทรงตัวที่ไม่ได้เข้ามาแทรกมากจนทำให้หมดสนุก เป็นรถที่เร็วอย่างน่ากลัวโดยเฉพาะในโค้งมุมแคบ ตัวถังแกร่งและตอบสนองได้ไวมากแต่ก็ยังมีความยืดหยุ่นที่พอดิบพอดี ยาง Pilot Super Sport กับระบบรองรับสอดคล้องกับกำลังในรูปของแรงบิด ระบบเบรคของ M เอาอยู่ในทุกสถานการณ์ แม้จะใช้จานเบรกเหล็กหล่อที่มีเสียงดังเวลาเบรคแต่เบรกก็ยังมีประสิทธิภาพสูงในการหยุดยั้งฝูงม้า 365 ตัวให้อยู่ในโอวาท อัตราเร่งจาก 0-100 ใน 4.3 วินาที อาจช้ากว่ารถคู่แข่งอย่าง CLA 45AMG แต่ความมันและความโหดนั้นไม่เป็นรองออกจะเกินหน้าเกินตารถจากแบรนด์ดาวสามแฉกอยู่นิดๆ ด้วยซ้ำ เป็นรถสปอร์ตที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา มือธรรมดาสามัญก็สามารถควบคุมได้ง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก เป็นรถที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ลองขับ ไม่ว่าจะขับบนไฮเวย์ในออสเตรีย หรือหวดกันจนควันท่วมล้อในสนามแข่งก็ดีไปหมด เมื่อมองในด้านความคุ้มค่าคุ้มราคาที่จะต้องจ่ายเกือบๆ 6 ล้านบาท เจ้า M2 ก็ยังมีความคุ้มจากความพร้อมและความสามารถ รูปแบบและประสิทธิภาพของรถ M ความเพลิดเพลินในการขับขี่ นับว่า BMW M2 นั้นตอบโจทย์ความต้องการของนักขับได้ทุกข้อเลยทีเดียว
BMW M2 มีความเรียบง่าย ดุดัน ขับง่ายกว่ารถ M บางรุ่นที่มีราคาแพงกว่า มันมาพร้อมออปชั่นที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับใช้งาน ขุมกำลังเหลือเฟือกับเทคโนโลยีที่ทำให้ขับได้ง่ายขึ้นมาก เครื่องยนต์ 3 ลิตร เทอร์โบคู่ ลาก 7000 รอบได้ยาวทั้งวัน มีกำลังมากพอที่จะออกตัวด้วยเกียร์ 2 พร้อมกับการปั่นล้อหลังให้ฟรีทิ้งได้สบายๆ เกียร์ 7 สปีดแบบทวินคลัตช์ 7M DCT ว่องไวและแม่นยำกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาแบบเทียบกันไม่ติด!! หลังจากข่าวสารด้านความสามารถของการขับที่แพร่กระจายออกไปทั่วโลกเมื่อสื่อมวลชนได้ลองขับเมื่อปีที่ผ่านมา (2016) ยอดจอง BMW M2 ก็ทะลุล้นจนผลิตไม่ทัน การจองรถ M2 ในตอนนี้ คุณจะต้องรอไปจนถึงสิ้นปีกว่าจะได้รถมาขับ บ่งบอกถึงความต้องการของลูกค้าระดับบนได้ดี การทดสอบ M2 แบบจัดเต็มสูบ 13 รอบสนามผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอยยิ้มของสื่อมวลชนจากทวีปเอเซีย BMW M Power กับงาน BMW M Driver Experience ในเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ได้เติมเต็มการขับที่เน้นความตื่นเต้นสุดๆ โดยมีจักรกลอย่าง M2 คอยสอดประสาน และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในวันนั้นโดยเฉพาะพวกบ้ารถ M แบบผมเต็มไปด้วยความสนุกและเสียวสันหลังผสมปนเปกันจนกลายเป็นความรู้สึกประทับใจยากที่จะลืมเลือน.
BMW M2 Specifications
Engine
Liters/Type 3.0-liter M TwinPower Turbo inline 6-cylinder
Displacement (cc)2979
Horsepower (hp @ rpm)365 @ 6,500
Torque (lb-ft @ rpm)343 @ 1,400–5,560
Compression ratio (:1)10.2
Transmission
Type6-speed manual transmission
Manual gear ratios – I / II / III4.11 / 2.32 / 1.54
Manual gear ratios – IV / V / VI / R1.18 / 1.00 / 0.85 / 3.73
Manual gear ratios – Final Drive ratio3.46
Type7-speed M Double Clutch Transmission with Drivelogic
Automatic gear ratios – I / II / III4.81 / 2.59 / 1.70
Automatic gear ratios – IV / V / VI1.28 / 1.00 / 0.84
Automatic gear ratios – VII / R0.67 / 4.17
Automatic gear ratios – Final Drive ratio3.46
Coefficient drag 0.35
Performance
Acceleration 0–60 mph1 Manual (sec)14.3
Acceleration 0–60 mph1 Automatic (sec)4.1
Top speed (mph) 155 [168]
Fuel Consumption
Manual Combined (mpg)21
Manual City / Highway (mpg)18 / 26
Automatic Combined (mpg)22
Automatic City / Highway (mpg)20 / 26
Fuel Tank Capacity (gallons)13.7
Wheels and tires
Tire type Michelin Pilot Super Sport
Wheel dimensions (in)19 x 9.0 front, 19 x 10.0 rear
Tire dimensions (mm) 245/35 front, 265/35 rear
Exterior Dimensions
Length / Width / Height (in)176.2 / 73.0 / 55.5
Curb Weight – Manual transmission (lbs)3,505
Curb Weight – Automatic transmission (lbs)3,450
Weight distribution, front/rear – Manual transmission (%)51.9 / 48.1
Weight distribution, front/rear – Automatic transmission (%)51.4 / 48.6
Ground clearance (in)4.8
Interior Dimensions
Headroom (in)40.1
Legroom, front/rear (in)41.5 / 33.0
Shoulder room, front/rear (in)54.4 / 53.4
BMW AG preliminary test results. Actual acceleration results may vary, depending on specification of vehicle; road and environmental conditions; testing procedures and driving style. These results should be used for comparison only and verification should not be attempted on public roads. BMW urges you to obey all posted speed laws and always wear safety belts.
Top speed limited electronically. Figures in [ ] apply to vehicles with performance tires and increased top-speed limiter.
M vehicles do not come equipped with a spare wheel and tire. Driving over rough or damaged road surfaces, as well as debris, curbs and other obstacles, can cause serious damage to wheels, tires and suspension parts. This is more likely to occur with low-profile tires, which provide less cushioning between the wheel and the road. Be careful to avoid road hazards and reduce your speed, especially if your vehicle is equipped with low-profile tires. Performance tires equipped in M vehicles include Mobility Kit; not recommended for driving in ice and snow conditions.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mailchang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/