MG GS 1.5 Turbo เป็นรถแนวอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์ไซส์กลาง (ใหญ่กว่า Honda HR-V เล็กน้อย และมีมิติพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Honda CR-V) รถรุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเจาะตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางในประเทศไทย ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรถอเนกประสงค์แบบ 5 ประตู ที่มีพื้นที่การใช้สอยมากพอตามต้องการ รูปลักษณ์ของ MG GS 1.5 นั้นยังคงคล้ายกับ MG GS 2.0 ดีไซน์มีส่วนผสมของรถยนต์จากจีนและยุโรป ภายในเน้นดีไซน์สปอร์ต ตกแต่งด้วยวัสดุพวกพลาสติกและหนัง มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน TURBO ขนาด 1.5 ลิตร 167 แรงม้า อุปกรณ์อำนวยความสะดวกยัดมาให้ค่อนข้างเยอะ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่จัดมาแบบเต็มพิกัด 

...

...

อุปกรณ์ภายนอกที่ใส่มาใน GS 1.5 Turbo รุ่น X เริ่มด้วยไฟหน้าโปรเจกเตอร์ ฮาโลเจน พร้อมระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างกลางวัน LED Daytime Running Lights ไฟตัดหมอกหน้า ไฟตัดหมอกหลัง ไฟท้ายหลอด LED ไฟเบรกดวงที่ 3 หลอด LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ใบปัดน้ำฝนด้านหลัง ปลายท่อไอเสียโครเมียม ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง มิติตัวถังมีขนาดความกว้าง 1,855 มิลลิเมตร ยาว 4,500 มิลลิเมตร สูง 1,689 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,574 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,593 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง 174 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,460 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 55 ลิตร รูปลักษณ์ใกล้เคียงกับครอสโอเวอร์ไซส์กลางอย่าง Honda CR-V และ Mazda CX-5 โดยมีความแตกต่างในด้านสไตล์ และรูปแบบของตัวรถที่เป็นเอกเทศไม่เหมือนใคร 

...

...

ภายในของ MG GS 1.5 Turbo มีงานพลาสติกแดชบอร์ดคอนโซลสีดำ คาดด้วยพลาสติกเงาเปียโนแบล็ก สีภายในของ GS 1.5 เน้นสีดำ วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังสังเคราะห์ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหน้ายังใช้การปรับด้วยมือเหมือนเดิม พวงมาลัยหุ้มหนังปรับระดับ 4 ทิศทาง พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ของที่ขาดไม่ได้ในรถยนต์ยุคใหม่ แป้นเปลี่ยนเกียร์ช่วยอำนวยความสะดวกในการปรับอัตราทดของเกียร์ด้วยตัวของผู้ขับเองพร้อมโหมด Sport ด้วยการผลักคันเกียร์ไปทางด้านขวาในตำแหน่ง +/- อุปกรณ์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติก็ยังติดตั้งมาให้ เบาะด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวางใช้ได้

เบาะหลังออกแบบพนักพิงให้สามารถพับได้ 60:40 รวมถึงยังปรับเอนได้ 14 องศาอีกด้วย แดชบอร์ดพลาสติกติดตั้งจอภาพมอนิเตอร์หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะระบบสัมผัส กระจกไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่องจ่ายไฟ 12V ที่ห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย ปุ่ม Push Start ไฟส่องแผนที่และซันรูฟไฟฟ้า เล่นแถมกันอย่างจุใจในราคาไม่ถึงล้านแบบนี้ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีอยู่เหมือนกัน เมื่อเปรียบเทียบอุปกรณ์และสมรรถนะของตัวรถกับคู่แข่งอย่าง CX-5 และ CR-V ก็พบว่า MG GS 1.5 Turbo นั้นมีการขับขี่ที่ไม่ได้เป็นรองจากการปรับปรุงอย่างเข้มข้น หลังจากโดนเสียงบ่นของลูกค้าและสื่อมวลชน ในรถ GS 2.0 รุ่นแรก! 

เครื่องเสียงของ MG GS 1.5 ให้ลำโพงมามากถึง 8 ดอก พร้อมระบบนำทาง GPS
ระบบเชื่อมต่อ inkaNet หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ใช้งานได้ง่าย รองรับการเล่นเพลงจากอุปกรณ์จากภายนอกเพียบ เช่น ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB/AUX เสียงของลำโพงทั้ง 8 ตำแหน่งที่จัดวางมาดีมีทั้งความคมชัดใสกริ๊ง เหมาะกับนักขับที่ชอบฟังเพลงไปตลอดทาง แถมการเล่น DVD ก็ยังให้ภาพที่ชัดแจ๋ว ไม่แพ้จอแพงๆ ของรถยุโรป เนวิเกเตอร์พอแค่อาศัย ไม่ได้ละเอียดยิบเหมือนรถที่มีราคาแพงกว่าอย่าง BMW X1 แต่ก็สามารถใช้งานได้จริง พร้อมระบบนำทางทั้งภาพและเสียงแบบครบๆ เป็นเครื่องเสียงติดรถยนต์ราคา 9 แสนบาท ที่มีซุ่มเสียงดีสุดในกลุ่มรถราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท ลองไปฟังดูก็จะรู้ว่าเป็นอย่างไร! 

ระบบความปลอดภัยใน MG GS 1.5 Turbo รุ่น X ให้มาเยอะพอสมควรแบบใช้กันไม่หมด เช่น โครงสร้างนิรภัย ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบเสริมแรงเบรก EBA
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อลดเกียร์ต่ำฉับพลัน MSR
ระบบควบคุมการเบรกขณะขับเข้าโค้ง CBC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรก AVH เบรกมือไฟฟ้า EPB จุดยึดเบาะนั่งของเด็กเล็ก ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ กล้องมองหลัง สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัย เรียกได้ว่าให้มาเพียบในราคาค่าตัวไม่ถึงล้าน คุ้มไม่คุ้มไปคิดกันเอาเอง 

เครื่องยนต์รุ่นใหม่ของ MG เป็นเครื่องยนต์เบนซินไซส์เด็กความจุ 1490 ซีซี 4 วาล์วต่อสูบวางตามขวางขับเคลื่อนล้อหน้า ติดตั้งระบบอัดอากาศเทอร์โบ ให้กำลัง 167 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังวางเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมกลไก Paddle Shift เกียร์อัตโนมัติที่มีคลัตช์ 2 ชุดลูกนี้ถูกปรับอัตราทดใหม่เพื่อให้เข้ากับเครื่องเทอร์โบไซส์เล็ก ระบบรองรับ ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช็กอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์กับกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแรคแอนพีเนียนปรับปรุงน้ำหนักใหม่หมดเพื่อการขับที่เนียนยิ่งขึ้น ส่วนล้อและยางยังคงใช้ล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้วกับยาง 215/60R17 ระบบห้ามล้อหรือเบรก ด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบดิสเบรก โดยเฉพาะเบรกหน้ามีช่องระบายความร้อนแถมมาให้ เพื่อลดอุณหภูมิของจานเบรกขณะใช้เบรกหนักๆ อย่างต่อเนื่อง 

เครื่องยนต์ แจ่มจริงไรจริง
MG GS เหมือนเด็กมัธยมที่สอบเอนทรานซ์ไม่ติดแล้วกลับไปติวเข้มใหม่หมด เพื่อลบคำครหาของ GS รุ่นแรกเครื่อง 2.0 ลิตร ซึ่งมีการขับขี่ที่ไม่ค่อยจะโดนใจสื่อเท่าที่ควร! การปรับจูนใหม่ใน New GS 1.5 Turbo ใช้วิธีการเดิมๆ แต่ที่เพิ่มเติมคือประสบการณ์และการแก้ใขตั้งใจทำให้ดีขึ้น เครื่องยนต์เบนซินตัวเล็กอัดเทอร์โบมีประสิทธิภาพดี แม้จะมีอาการรอรอบ แต่พอเทอร์โบเริ่มบูสต์แรงบิดก็จะไหลออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ขับสนุก เครื่องยนต์กินเชื้อเพลิงไม่มากแต่ก็ขึ้นอยู่กับเท้าของคุณว่าจะลงหนักๆ หรือจัดแบบค่อยเป็นค่อยไป เครื่องยนต์ รหัส 15E4E แบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 สูบแถวเรียง เบนซิน 4 วาล์วต่อสูบ=16 วาล์ว ระบบอัดอากาศ Turbo TGI-TECH จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดไฟฟ้า GDI แบบไดเรกอินเจกชั่นยิงตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ตามการคำนวนของ ECU การลองขับในเมืองและนอกเมือง เครื่องยนต์ 15E4E ตัวนี้มีการทำงานที่ค่อนข้างราบเรียบ อาการรอรอบปรากฏออกมาเมื่อลองกดคันเร่งลงจนสุดในย่านความเร็วต่ำ เมื่อแรงดันไอเสียยังไม่มากพอ เทอร์โบ หรือหอยพิษของ GS 1.5 จะค่อยๆ บูสต์ขึ้นไปตามรอบเครื่องยนต์ และเมื่อมีรอบพอที่จะลำเลียงไอดีไปยังห้องเผาไหม้ได้ตามที่เครื่องยนต์ต้องการ แรงบิดจะหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามด้วยอาการพุ่งทะยานไปข้างหน้า แม้จะไม่ได้รุนแรงอะไรแต่ก็รู้สึกได้ถึงแรงบิดที่ถ่ายเทลงไปยังล้อขับเคลื่อน ซึ่งก็คือล้อหน้า เสียงของเครื่องยนต์ในรอบต่ำหรือรอบเดินเบา ไม่ได้ดังจนน่าเกลียด ออกจะเงียบไปด้วยซ้ำ และเมื่อทำงานที่รอบสูง เครื่องเบนซิน 15E4E ก็ยังให้ซุ่มเสียงที่เร้าใจใช้ได้ ในจุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่ารุ่น 2.0 อย่างชัดเจนจนไม่ต้องดิ้นรนไปซื้อรุ่นเครื่องยนต์ใหญ่ให้เปลืองเชื้อเพลิงโดยใช่เหตุ! 

ช่วงล่างเป็นไงบ้าง?
ระบบรองรับด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท หลังมัลติลิงก์ คนของ MG บอกว่ามีการปรับค่าการยืดและยุบตัวของสปริงและโช็กอัพใหม่หมด เมื่อลองขับดูก็รู้ว่าปรับมาใหม่จริงๆ ไม่ได้โม้ แม้จะไม่ได้แน่นตึ้บเท่ากับครอสโอเวอร์ยุโรปที่มีราคาทะลุ 2 ล้านบาท แต่ช่วงล่างของ MG GS 1.5 Turbo ก็ดีขึ้นกว่าเดิม อาการยันของโช็กหายไปเมื่อขับไปเจอเข้ากับคอสะพาน หรือตัวหนอนกั้นความเร็ว การถ่ายเทน้ำหนักช่วงกลางโค้งอยู่ในค่ากลางๆ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้เลิศประเสริฐศรีดีพร้อมไปเสียหมด ช่วงล่างให้ความรู้สึกยืดหยุ่น แม้จะขับเร็วก็ยังนิ่งใช้ได้ บนไฮเวย์เมื่อเจอทางโล่งๆหมอนี่ก็ยังวิ่งฉิวอย่างมั่นคงเล่นเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก!

ผมลองอัดขึ้นไปจนถึงความเร็ว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการลองขับในย่านความเร็วสูงเพื่อส่องดูอาการและไม่แนะนำให้ใครมาทำตาม ช่วงล่างแมคเฟอร์สันหน้ามัลติลิ้งค์หลังของ GS 1.5 ก็ยังนิ่งใช้ได้ อาการโคลงตัวเกิดขึ้นบ้างเมื่อวิ่งผ่านผิวทางที่ไม่มีความสม่ำเสมอโดยเฉพาะบนทางลูกรังและทางที่มีหลุมบ่อเยอะแต่ก็ไม่ได้บั่นทอนประสิทธิภาพการควบคุมจนทำให้รู้สึกแย่ บนถนนเรียบๆ มันทรงตัวได้ดีแม้จะขับเร็วจี๋ก็ยังให้ความมั่นใจได้ดีพอสมควร จุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีขึ้นกว่าเดิมเห็นๆ ล้อ 17 นิ้วเหมาะกับขนาดและน้ำหนักไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ยาง 215/60R17 มีแก้มที่ค่อนข้างสูง ทำให้เกิดความนิ่มนวลใช้ได้เมื่อขับบนผิวถนนเรียบๆ ระบบห้ามล้อออกจะแแปลกๆ ค่อยๆ เบรกดูเหมือนจะไม่อยู่แต่พอลงน้ำหนักเยอะไปก็เกือบจะล็อก ขับไปสักพักถึงจะชินกับระยะเบรก และอาการตอบสนองของแป้นเบรก เบรกแบบดิส 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยหลายรายการมีดีพอที่จะจัดการกับม้า 167 ตัว หากไม่ห้าวมากจนเกินไปก็ถือว่าเอาอยู่ได้อย่างสบายๆ 

พวงมาลัยลองแล้วเป็นไงดีขึ้นหรือแย่ลง!
ระบบบังคับเลี้ยวแรคแอนพีเนียน พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงหมุนของ MG GS 1.5 Turbo คืออีกจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงจนรู้สึกได้ หลังจากที่เคยลองรุ่น GS 2.0 ไปเมื่อช่วงกลางปี 2016 เป็นการขับจากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอกุยบุรี พวงมาลัยของ GS รุ่นที่แล้วยังคงมีอาการแปลกๆ แบบไม่ค่อยจะคงที่เท่าที่ควร สำหรับพวงมาลัยไฟฟ้าใน GS 1.5 Turbo นั้น ทาง MG แจ้งมาว่ามีการปรับปรุงขนานใหญ่ ทั้งระยะของการหมุนและการหน่วงน้ำหนัก ที่ความเร็วต่ำนั้นง่ายต่อการหักเลี้ยวออกจากที่จอดแคบๆ การเลี้ยวกลับลำหรือการเปลี่ยนทิศทางพวงมาลัยใหม่ให้ความรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจน อาการสับสนของพวงมาลัยใน GS รุ่น 2.0 ลิตรหายไปแล้วแทนที่ด้วยพวงมาลัยที่แม่นและมั่นคง

แม้พวงมาลัยไฟฟ้าของ GS 1.5 จะไม่หนักหรือหน่วงจนรู้สึกได้เมื่อขับเร็วขึ้นแต่ก็ยังมีความมั่นคงสูง ผมลองลากไปจนถึงความเร็ว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางตรงยาวพวงมาลัยของมันก็ยังแสดงออกมาให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าพวงมาลัยแบบเก่า การควบคุมในโค้งให้ความแม่นและคมใช้ได้ ระยะฟรีที่ลดลงเติมความกระชับเมื่อคุณขับเร็ว เป็นพวงมาลัยไฟฟ้า EPAS ที่ทำออกมาได้ดีโดนใจใช้ได้เลยทีเดียว 

เกียร์ทวินคลัตช์ 7 สปีด ปรับอัตราทดใหม่แล้วเกิดอะไรขึ้น?
เกียร์ออโต้ 7 สปีดที่ใช้คลัตช์ 2 ชุดของ MG GS 1.5 Turbo เปลี่ยนความรู้สึกที่ไม่ดีให้กลับกลายเป็นดีได้ด้วยการปรับอัตราทดใหม่หมด ไล่จากเกียร์ 1 ไปจนถึงเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ หรือเกียร์ 7 ซึ่งเป็นเกียร์ที่เข้ามาช่วยลดรอบเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อใช้ความเร็วคงที่ การตอบสนองของเกียร์เมื่อชิฟผ่านแป้น Paddle Shift ให้อารมณ์การขับที่สนุกสนานกว่าเดิม ความแม่นยำในการทำงานเมื่อต้องชิฟเกียร์บนทางคดเคี้ยว สามารถตอบสนองได้ดั่งใจ หากระยะยาวเกียร์ยังเหนียวไม่พังง่ายๆ เกียร์ลูกนี้ก็น่าจะประจำการอยู่ใน MG รุ่นใหม่ๆ ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน หลังจากที่เคยใช้เกียร์ 1 แบบกับรถ 1 รุ่น ก็สมควรที่จะเปลี่ยนมาใช้เกียร์เดียวกับรถทุกรุ่น แล้วจูนอัตราทดให้เข้ากับคาแรกเตอร์ของรถแต่ละรุ่นเอาเอง เมื่อผลักเกียร์ไปทางด้านขวา GS 1.5 จะเข้าสู่ Sport Mode หน้าปัดมาตรวัดจะกลายเป็นสีแดง เกียร์ 7 สปีดคลัตช์คู่เตรียมความพร้อมสำหรับการรองรับเมื่อขับเร็วๆ โดยจะคาเกียร์ 3-4 เพื่อเรียกแรงบิด พร้อมๆ ไปกับคันเร่งที่ว่องไวมากยิ่งขึ้น แค่เติมน้ำหนักฝ่าเท้านิดเดียวมันก็พุ่งทะยานไปตามใจสั่ง แม้จะไม่ได้เร็วหรือแรงเท่ากับครอสโอเวอร์ราคา 2 ล้านจาก BMW และ Mercedes Benz แต่เกียร์ของ GS 1.5 นั้นทำออกมาได้ดีกว่าเกียร์ GS 2.0 ชัดเจน จนแทบจะกลายเป็นเกียร์คนละแบบทั้งๆ ที่ MG แค่ปรับอัตราทดให้ลงตัวกับเครื่องยนต์ตัวเล็ก ส่วนแป้น Paddle ก็ตอบสนองได้ตามสั่ง หากค่อยๆ เชนเกียร์ไม่ใจร้อนชิฟจากเกียร์ 6 ลงมาเหลือแค่เกียร์ 3 เกียร์ลูกนี้ก็น่าจะมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวแต่ก็ต้องดูกันอีกทีว่าจะเหนียวหรือจะรูด! เมื่ออายุการใช้งานทะยานผ่าน 100,000 กิโลเมตร ?  

การเก็บเสียง 
เสียงแปลกปลอมจากภายนอกลดลงมาก วิ่งที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงของยางบดกับผิวถนนและเสียงปะทะของกระแสลมน้อยจนเงียบ ชิ้นส่วนในห้องโดยสารประกอบมาหนาแน่นใช้ได้ไม่มีเสียงกระทบ หรือเสียดสีกันของชิ้นส่วนพลาสติก ยางขอบประตูกับยางขอบกระจกมีขนาดที่หนาและใหญ่ ทำให้การเก็บเสียงทำได้ค่อนข้างดีน่าประทับใจ วิ่งเร็วๆ ก็ยังมีเสียงดังเข้ามารบกวนไม่มากจนรู้สึกแปลกใจ จุดนี้ MG GS 1.5 Turbo สอบผ่านฉลุยครับ 

สรุป MG GS 1.5 Turbo รุ่นเครื่องเล็กแต่ทรงพลังนั้นขับได้ดีขึ้นมาก ดีกว่ารุ่น 2.0 ลิตรที่ยังไม่ได้ปรับปรุงเห็นๆ ห้องโดยสารกว้างนั่งสบายใส่จักรยานได้ทั้งคันโดนไม่ต้องถอดล้อ แค่พับเบาะหลังให้ราบลงกับพื้นก็ยัดจักรยานเสือหมอบไซส์ 52 ได้อย่างสบายๆ กำลังของเครื่องยนต์เหลือๆ สำหรับถนนในประเทศไทย ผลักคันเกียร์ไปทางขวาทีไรเป็นได้สนุกทุกครั้ง เครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างทำงานไปในทิศทางเดียวกันและสร้างไดนามิกที่ดีขึ้น เป็นครอสโอเวอร์ขับเคลื่อนล้อหน้าที่วิ่งใจขาด ขับเร็วๆ ก็ยังให้ความมั่นใจไม่ออกอาการน่ากลัวหรือสับสน รอบเครื่องยนต์มาเร็วแต่อาการรอรอบก็ยังมีให้เห็นอยู่เหมือนกัน เป็นรถ 5 ประตู 5 ที่นั่งที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ที่ใส่มาให้กับรถคู่แข่งที่มีราคาสูงกว่า ลองไปขับดูเอาเองตามโชว์รูมของ MG แต่ควรขับยาวๆ มากกว่าจะวนแค่ 1-2 กิโลเมตร แล้วก็ขับกลับโชว์รูม คุณจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในรถรุ่นนี้ หลังจากเคยเสียความรู้สึกกับรุ่น 2.0 ลิตร พอมาถึงรุ่น 1.5 ลิตร MG GS ปรับปรุงได้ดีขึ้น ขับสนุกลุกนั่งสะดวก ไม่แรงมากแต่ก็ไม่ได้อืดอาดชักช้าจนเสียอารมณ์ ระวังให้ดีเมื่อผลักเกียร์ไปทางขวาเพื่อเข้าสู่ Sport Mode มันต้องการถนนโล่งๆ มากกว่าจะขับเร็วท่ามกลางการจราจรที่พลุกพล่าน บนไฮเวย์มันคือพระเอกราคา 9.9 แสนบาท ซึ่งมีดีมากพอที่จะชนะใจคนทั่วไป ให้เวลากับ MG อีกนิด มันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังกับการจ่ายเงินเกือบๆ ล้านเพื่อแลกกับครอสโอเวอร์ไซส์กลาง ทุกสิ่งทุกอย่างทำออกมาได้ดี และมีความตั้งใจที่จะแก้ไขสิ่งที่เคยเป็นจุดด้อยของรถรุ่นนี้ เหลือแค่ดีไซน์เท่านั้นที่ยังไม่โดนใจเท่าที่ควร คนของ MG ในแผนกออกแบบควรใช้เวลาในการเรียนรู้และเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยรูปแบบที่ทันสมัยและโดนใจลูกค้าใหม่ให้มากเข้าไว้ ด้วยดีไซน์ที่โดนและการขับที่ดีก็เพื่อล้วงเงินในกระเป๋าของลูกค้าให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้.

MG GS 1.5T D  ราคา 890,000 บาท
MG GS 1.5T X  ราคา 990,000 บาท 


MG GS 1.5 TURBO X  SPECIFICATIONS
เครื่องยนต์ .............................15E4E DOHC 4 สูบแถวเรียง เบนซิน
วาล์ว ...................................4 วาลว์ต่อสูบ -16 วาล์ว
ระบบอัดอากาศ.........................Turbo TGI-TECH
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง......................GDI ไดเรกอินเจกชั่น
ปริมาตรความจุกระบอกสูบ............1,490 ซีซี
กระบอกสูบคูณช่วงชัก.................74.0 มิลลิเมตรx86.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด.....................10.0:1
แรงม้าสูงสุด...........................124 กิโลวัตต์ 167 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด..........................250 นิวตันเมตร ที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง.........................เกียร์อัตโนมัติทวินคลัตช์ TST 7 สปีด
อัตราทดเกียร์ 1......................4.231
อัตราทดเกียร์ 2......................2.476
อัตราทดเกียร์ 3......................1.389
อัตราทดเกียร์ 4......................0.929
อัตราทดเกียร์ 5......................0.775
อัตราทดเกียร์ 6......................0.714
อัตราทดเกียร์ 7......................0.566
อัตราทดเกียร์ถอย....................4.434
อัตราทดเฟืองท้าย....................1/2/6/7 4.563 3/4/5/R 5.214
ระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่าง
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
ระบบพวงมาลัย.......................แรคแอนพีเนียน มอเตอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงหมุน
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด..................6 เมตร
ช่วงล่างด้านหน้า......................แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช็กอัพ เหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง......................มัลติลิงก์ เหล็กกันโคลง
ระบบเบรก
ด้านหน้า..............................ดิสเบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
ด้านหลัง..............................ดิสเบรก
ล้อและยาง...........................อัลลอย 17 นิ้ว ยาง 215/60R17
มิติตัวถัง
ความกว้าง............................1,855 มิลลิเมตร
ความยาว..............................4,500 มิลลิเมตร
ความสูง...............................1,689 มิลลิเมตร
ฐานล้อ.................................2,650 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อคู่หน้า.....................1,574 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อคู่หลัง.....................1,593 มิลลิเมตร
ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง............174 มิลลิเมตร
น้ำหนัก................................1460 กิโลกรัม
ความจุถังเชื้อเพลิง....................55 ลิตร

ระบบความปลอดภัย
โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบเสริมแรงเบรก EBA
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อลดเกียร์ต่ำฉับพลัน MSR
ระบบควบคุมการเบรกขณะขับเข้าโค้ง CBC
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS
ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรก AVH
เบรคมือไฟฟ้า EPB
จุดยึดเบาะนั่งของเด็กเล็ก
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ
เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
พวงมาลัยแบบยุบตัวได้
กล้องมองหลัง
สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ระบบกุญแจนิรภัย
ระบบเครื่องเสียง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่มควบคุม
ลำโพง 8 ตำแหน่ง
ระบบนำทาง GPS
ระบบ inkaNet
หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย
ช่องเชื่อมต่อ USB / AUX
อุปกรณ์ภายนอก
ไฟหน้าโปรเจกเตอร์
ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ
ไฟส่องสว่างกลางวัน LED Day Time Running Lights
ไฟตัดหมอกหน้า
ไฟตัดหมอกหลัง
ไฟท้าย LED
ไฟเบรกดวงที่ 3
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
ระบบไล่ฝ้าที่กระจกหลัง
แรคหลังคา
ซันรูฟไฟฟ้า
อุปกรณ์ภายใน
สีภายในดำ
เบาะหนังสังเคราะห์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
เบาะหลังปรับเอนได้
หน้าจอแสดงผล  MID
กระจกไฟฟ้าแบบ One Touch ฝั่งประตูคนขับ
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
ช่องแอร์ผู้โดยสารตอนหลัง
ช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12V ที่ห้องเก็บสัมภาระท้าย
ระบบกุญแจรีโมต
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์
ไฟส่องแผนที่

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/