IONIQ 5 N คือการผสมกันที่แปลกประหลาดระหว่างตัวรถแฮตชแบ็คคันใหญ่ กับชุดแต่งสำหรับลงแข่งทางเรียบในสนามแข่ง  พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 650 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ แรงบิด 740-770 นิวตันเมตร นี่คือนางร้ายในตำนานที่เหี้ยมโหดเอาเรื่อง ในขณะที่ EV พลังสูงส่วนมากตบหน้าคนรักกลิ่นเบนซินด้วยแรงม้าแรงบิดมหาศาล แต่ฟิลลิ่งยังห่างไกลรถสันดาปภายใน  แต่เทคโนโลยีใน IONIQ 5 N พยายามทำทุกอย่างให้คนคิดว่ามันคือรถสันดาปภายใน ยกเว้นแรงดึงของมอเตอร์คู่ที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไม่มีวันทำได้ หรือทำได้ ก็มีราคาแพงมากจนเอื้อมไม่ถึง  


...






ขั้นตอนการพัฒนาของ IONIQ 5 N นั้น อยู่ในความดูแลของวิศวกรเยอรมันที่มาจาก BMW M มันคือรถไฟฟ้าที่ถูกจูนให้วิ่งได้เหมือนรถสันดาปแรงๆ ทุกวันนี้มีรถ EV พลังสูงในตลาดครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ รถอย่าง Tesla Model 3 Performance  BMW i5 M60 MG  และ Lotus Eletre รวมถึง Porsche Taycan นั้นแรงอยู่แล้ว หันไปทางฝั่งจีน  BYD Seal ทับถมด้วยการเอาแรงม้าระดับห้าร้อยกว่าตัวมาอยู่ในราคาที่ Accord กับ Camry ส่วน MG ก็มี iM6 ราคา 1.6 ล้านที่แรงระดับ 600 แรงม้า  ด้วยราคาแค่นี้ คนซื้อเหลืองบไปทำช่วงล่างทำเบรกให้มั่นใจได้บาน นี่คือโลกใหม่ซึ่งม้าครึ่งพัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับคนรวย หรือคนที่สนิทกับสำนักโมดิฟาย หรือคนที่เก่งเรื่องรถอีกต่อไป  

...



...



IONIQ 5 N  กำลัง 650 แรงม้า ในราคา 3.7 ล้าน ส่วน Porsche 911 ราคา 15 ล้าน บางรุ่น ยังได้ม้าน้อยกว่านี้  และมันไม่ใช่รถที่ให้แต่ม้าแล้วลืมให้เกือกดีๆ IONIQ 5 N ถูกฟูมฟักมาด้วยอ้อมอกของคนเยอรมันที่ผันตัวเองมาช่วยแบรนด์เกาหลี บางคนก็เคยทำงานกับบริษัทรถแรงๆ มาก่อน  พอรถเสร็จก็ไปวิ่งทดสอบหนักๆในสนาม Nurburgring ไปลองซิ่งบนถนนน้ำแข็งที่ Arjeplog ปรับจูนช่วงล่างจนมั่นใจได้ว่า แม้มันจะไม่สามารถตอบสนองด้วยบุคลิกรถเบาคล่องแคล่วอย่างพวก GR86 ได้ แต่หลายคนที่ลองมาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคือรถที่หนักเกินสองตัน แต่ตอบสนองเหมือนรถตันเจ็ด เร่งถึง 260 กม./ชม. ใช้เวลาไม่นาน ซึ่ง ณ จุดนั้น มันตรงใจคนที่ชอบรถแรงทั้งหมด  

...

จุดเด่นของ Hyundai IONIQ 5 N

  • สมรรถนะ: กำลังสูงสุด 601 แรงม้า (บูสต์ได้ถึง 641 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 740-770 Nm (บูสต์ได้ 770 Nm).
  • อัตราเร่ง: 0-100 กม./ชม. ใน 3.4-3.5 วินาที.
  • ความเร็วสูงสุด: 260 กม./ชม..
  • แบตเตอรี่: 84 kWh รองรับการชาร์จเร็ว 800V.
  • การขับขี่: ระบบช่วงล่างแบบ N (MacPherson Strut/Multi-Link), ระบบเบรกสมรรถนะสูง, ระบบพวงมาลัย R-MDPS.
  • ดีไซน์: ชุดแต่ง N เต็มรูปแบบ กันชนหน้า/หลัง สปอยเลอร์ ดิฟฟิวเซอร์, ล้อ 21 นิ้ว ยาง Pirelli, ภายในเบาะ N สีดำตัดแดง.
  • เทคโนโลยีจำลองเสียง/เกียร์: มีระบบ N e-shift และ N Active Sound+ จำลองเสียงเครื่องยนต์สันดาปและฟีลลิ่งการเปลี่ยนเกียร์. 

ความแตกต่างกับ IONIQ 5 และ IONIQ 5 N Line

  • IONIQ 5 (ปกติ): เน้นความสบาย ใช้งานทั่วไป.
  • IONIQ 5 N Line: เป็นรุ่นแต่งสปอร์ต แต่สมรรถนะยังเหมือนรุ่นปกติ (228 แรงม้า) (ประมาณ 1.99 ล้านบาท).
  • IONIQ 5 N: คือรุ่นสนามแข่งจริงจัง สมรรถนะสูงลิบ ราคา 3.79 ล้านบาท. 






5 N ยัดแอโรพาร์ทที่แตกต่างจากรถไฟฟ้าทั่วไป ไม่ใช่แค่สไตล์หรือทำให้ดูดี วิศวกรที่ดูแลอากาศพลศาสตร์ ต้องลงมือปรับแก้หลายต่อหลายครั้ งเพื่อให้แต่ละพาร์ตมีผลต่อการระบายความร้อนส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง ซับเฟรม จุดยึดช่วงล่าง แตกต่างจาก IONIQ 5 ธรรมดา ยางรองมอเตอร์ ยางยึดแบตเตอรี่ จุดยึดต่างๆ เป็นแบบ Heavy Duty จุดเชื่อมบนตัวถัง ก็มีจุด Spot เพิ่มจากรุ่นธรรมดาอีก 42 จุด และเพิ่มจุดที่เชื่อมต่อกันด้วยกาวอุตสาหกรรม  มากกว่ารุ่นเดิม เป็นแนวยาว 2.1 เมตร ทั้งหมดนี้ต้องทำเพื่อให้ตัวถังรถสามารถต้านทานแรงขณะออกตัว เบรก หรือเข้าโค้งอย่างรุนแรงได้ดีขึ้น ให้คุณมองว่าเทียบ IONIQ 5 กับ 5 N ก็เหมือนคุณเทียบ Mitsubishi Lancer 1.8 CVT กับ Lancer Evolution 8MR นั่นล่ะครับ ความต่างมันมีประมาณนั้น









Ioniq 5 N มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เมื่อเทียบกับ Ioniq 5 รุ่นมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น รุ่น N จะต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน 20 มิลลิเมตรที่ 1,585 มิลลิเมตร กว้างกว่า 50 มิลลิเมตรที่ 1,940 มิลลิเมตร ยาวกว่า Ioniq 5 รุ่นมาตรฐาน 80 มิลลิเมตร หรือ 4,715 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,628 มิลลิเมตร หลัง 1,638 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 160 มิลลิเมตร ด้านหน้าโดดเด่นด้วยสปลิตเตอร์ แผงแอร์ และม่านอากาศแบบใหม่ ในขณะที่ด้านหลังมีสปอยเลอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ดิฟฟิวเซอร์เด่นชัด ไฟเบรกทรงสามเหลี่ยม และไม่เหมือนกับ Ioniq 5 รุ่นมาตรฐานตรงที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง ล้ออะลูมิเนียมฟอร์จ ขนาด 21 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero ขนาด 275/35ZR21











ภายในที่แตกต่างไปจาก Ioniq 5 รุ่นมาตรฐานด้วยการออกแบบห้องโดยสารสไตล์รถแข่งที่แผนก N ของ Hyundai มีความถนัด พวงมาลัยหุ้มหนังดึงดูดสายตาและให้สัมผัสในการจับที่ดี มีปุ่ม N ต่างๆ รวมถึงปุ่ม N Grin Boost  มีคันเกียร์แบบใหม่ที่อยู่ใต้ตำแหน่งก้านไฟเลี้ยว  คอนโซลกลางออกแบบสำหรับการขับในสนามแข่งจากการแสดงผลของมาตรวัดและจอภาพที่อิงกับมอเตอร์สปอร์ต เบาะนั่งแบบสปอร์ตของ N หุ้มหนังสองรูปแบบทั้งหนังปกติและหนังกลับ Alcantara เบาะปรับมือตามรูปแบบของเบาะรถแข่ง ปุ่มต่างๆ ออกแบบโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความง่ายในการใช้งานและไม่รวมทุกอย่างเอาไว้ในจอภาพมอนิเตอร์กลาง มาตรวัดแบบทรงกลม ปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย มีดีไซน์คล้ายมาตรวัดของรถยนต์สันดาปภายใน มีทั้งมาตรวัดวงกลมที่แสดงผลรอบเครื่องยนต์กับสปีดความเร็วและตำแหน่งเกียร์ซึ่งเป็นการจำลองหน่วยวัดแบบรถเชื้อเพลิงอย่างชัดเจน 

IONIQ 5 N มีระบบปรับการกระจายแรงบิด ซึ่งทำงานได้ทั้งในโหมด AUTO และให้คนขับกำหนดเอง ซึ่งคุณสามารถถ่ายแรงบิดไปข้างหน้า 100% (ปิดการทำงานมอเตอร์หลัง) ก็ได้ ถ่ายแรงบิดไปข้างหลัง 100% ก็ได้ หรือสามารถกำหนดอัตราส่วนผกผันระหว่างหน้ากับหลังเองก็ได้ (ถ้าจำไม่ผิดอันที่จริง Tesla Model 3 Performance ก็ทำได้) ลองคิดดูในแง่ของคนที่จ่ายเงินซื้อรถมาคันหนึ่ง เพื่อฝึกฝนทักษะในการขับ จะดีแค่ไหน ถ้าคุณซื้อรถคันเดียว แล้วสามารถให้คุณฝึกควบคุม อาการหน้าสะบัดยามออกตัวของรถขับหน้า ฝึกดริฟต์กวาดท้ายแบบรถขับหลัง ฝึกการโยนหลอกก่อนเข้าโค้ง (Scandinavian Flick) แบบแรลลี่บนพื้นลื่นๆ อย่างที่ต้องทำในรถขับสี่ หรือเอาอาการขับแบบกึ่งสมดุล ท้ายสาดน้อย ไม่ต้องหักสวนเคาน์เตอร์สเตียร์ แล้วออกโค้งได้ไว แบบพวกที่ถ่ายกำลังหน้า 40% หลัง 60% คุณทำทั้งหมดนี้ได้ โดยการถูนิ้วบนหน้าจอเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ

ข้อต่อมาคือเสียง สิ่งหนึ่งที่คนชอบรถสันดาปยังยืนยันจะอยู่กับรถสันดาปก็คือเสียงเครื่องครับ และไม่ใช่ทุกคนจะชอบเสียงดังมากๆ เสมอไป บางคนก็ขอแค่เสียงที่ฟังแล้วได้อารมณ์ ได้อรรถรสพอแล้ว รถอย่าง Porsche Taycan, Mercedes EQE53 และ BMW EV ทั้งหลายมีเสียงที่ปรุงแต่งมา บางคันก็เลือกเสียงได้ เช่นเดียวกับ IONIQ 5 N ซึ่งมาให้เลือกถึงสามเสียง ซึ่งผมคงไม่ฟันธงว่าเสียงไหนเพราะหรือไม่ เพราะต้องไปได้ยินกับหูจริงๆ คุณสามารถเลือกได้ทั้งเสียงเลียนแบบเครื่องเบนซิน 2.0 เทอร์โบของ Hyundai เอง เสียงรถไฟฟ้า และเสียงโทนเครื่องบินเจ็ต ซึ่งเสียงสังเคราะห์แบบนี้ไร้สาระในโลกของรถมีเครื่องสันดาป แต่พอเป็น EV ที่ปกติมันมักจะเงียบ การมีเสียงที่ถึงแม้จะปรุงแต่ง หากปรุงมาดี ก็ยิ่งสร้างอารมณ์ของการขับเคลื่อนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่ใช่เอาแต่ส่งเสียงวิ้ดๆ หรือเสียงปรุงแต่งจำลองที่ทำออกมาคล้ายกับเสียงยานเอเลี่ยน ซึ่งไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร? 




แผนก N ของ Hyundai เหมือนกับ BMW M / Mercedes-AMG / Audi Sport / Nissan Nismo / Toyota GR Sport แนวคิดในการนำ Ioniq 5 รถยนต์ EV ขับเคลื่อนสี่ล้อรูปทรงแฮตช์แบ็กมาปรับแต่งใหม่ ใส่พลังงานให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนที่สามารถสร้างเรี่ยวแรงได้มากกว่า 600 แรงม้า ปุ่มโหมด N Grin Boost บนพวงมาลัยสำหรับการระเบิดพลังงานอย่างต่อเนื่อง นาน 10 วินาที มีฟังก์ชั่นควบคุมการออกตัว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.4 วินาที นั่นคือตัวเลขการเร่งความเร็วของ Ferrari 458 ด้วยอัตราเร่งขนาดนั้นทำให้ Ioniq 5 N ออกตัวและทิ้ง Honda Prelude รุ่นใหม่ ราคาสามล้านแบบไม่เห็นฝุ่น ความเร็วสูงสุดของ Ioniq 5 N อยู่ที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความเร็วปลายจัดจ้านติดอันดับโลก การเร่งความเร็วเป็นแนวตรง ควบคุมได้ง่ายด้วยซอฟแวร์กระจายแรงบิดที่สามารถปรับเฉลี่ยแรงบิดว่าจะให้เท่ากันทั้งหน้าและหลัง หรือเทไปหลัง 100% เพื่อสาดท้ายเล่นก็ได้ เพียงแค่ใช้นิ้วรูด ระบบเฉลี่ยแรงบิดใน Ioniq 5 N ก็จะทำงานตามต้องการ แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่เทลงล้อหลังเต็มเหนี่ยวอาจทำให้ยางแหกเอาง่ายๆ ไม่เชื่อก็ไปถามอู๋สปิน 9 ได้เลย






N แบรนด์ ตราสัญลักษณ์แห่งความแรง หรือ N is the official name of Hyundai's high-performance brand ที่เหมือนกับ BMW M หรือ Mercedes-AMG สำหรับ N Brand ของ Hyundai เป็นแผนกที่รับงานปรับแต่งองคาพยพของรถรุ่นมาตรฐาน เพื่อผลักดันประสิทธิภาพของยานยนต์ในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีให้สูงกว่าเดิม  เพื่อดึงความสนุกของรถยนต์เวอร์ชันมาตรฐานในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hyundai ให้มากกว่ารุ่นเดิมและใกล้เคียงกับรถแข่งมอเตอร์สปอร์นต รถ N คันแรกที่ขายในสหรัฐอเมริกา คือ Veloster N ซึ่งหลังจากออกขายได้ไม่นาน ประสิทธิภาพของมันทำให้คว้ารับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี ค.ศ. 2020 หลังจากนั้นก็มีการเปิดตัว Elantra N ที่เร็วกว่าและควบคุมได้ดีกว่า ควบคู่ไปกับรุ่นที่สนุกสุดๆ อย่างครอสโอเวอร์ขับเคลื่อนล้อหน้า Kona N สำหรับตลาดรถยนต์ประสิทธิภาพสูงในทวีปยุโรป Hyundai N วางขาย i20 N และ i30 N hot-hates ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ตามด้วยรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงอย่าง ioniq 5 N และ Ioniq 6 N

ประวัติของแบรนด์ N เป็นไปในเชิงสร้างสรรงานวิศวกรรมยานยนต์ที่มีศักยภาพเหนือกว่า แต่การสร้าง Ioniq 5 ด้วยเวอร์ชันที่คู่ควรกับตราสัญลักษณ์ N เป็นสิ่งที่ Hyundai ไม่เคยทำมาก่อน ioniq 5 N เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงคันแรกของแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุด มีแพลตฟอร์มและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่แตกต่างออกไปจาก Ioniq 5 รุ่นมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยน Ioniq 5 ให้กลายเป็นรถที่นักขับชื่นชอบ เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับรถ EV สัญชาติเกาหลีใต้  Hyundai สร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความพิเศษ  วิ่งได้เร็วและเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับรถแข่ง พร้อมซาวนด์แทร็กที่เหมือนกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปภายใน 




ioniq 5 N มีลักษณะเฉพาะตัว คล้ายกับรถแฮตชแบ็คที่สร้างไว้เพื่อลงแข่ง มีการจำลองลอกเลียนแบบการทำงานของเกียร์ DCT  โดยใช้ซอฟแวร์ปรับแต่งการทำงานของมอเตอร์คู่ การจำลองรูปแบบ อารมณ์ ความรู้สึกในการขับเคลื่อนแบบรอบต่อนาทีของรถสันดาปภายใน บวกไดนามิกที่เป็นเอกเทศ สำหรับคนที่ชอบการขับรถ เมื่อทั้งสามสิ่งนี้เมื่อรวมกันแล้ว จะทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปกับการขับรถ EV ซึ่งปกติไม่มีเกียร์ เกียร์ของรถไฟฟ้าและการเซ็ตช่วงล่าง ทำให้ความสนุกและการมีส่วนร่วมระหว่างรถกับคนขับหายไป Ioniq 5 N ไม่ใช่ EV แบบปกติ ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดได้รับการปรับแต่งและมีการโปรแกรมการทำงานเพื่อร่วมผสมโรงกับ N e-shift ทำให้คนขับรู้สึกเหมือนกำลังขับรถที่มีเครื่องยนต์พร้อมกับเกียร์คลัตช์คู่ วิศวกรของ Hyundai ปรับแต่งกราฟแรงบิดแบบเฉพาะทาง สำหรับสร้างความรู้สึกที่เลียนแบบการเปลี่ยนเกียร์ในรถแข่ง ส่งถ่ายสัมผัสแรงกระชากต่อเนื่องให้เหมือนกำลังอัดเข้าไปใกล้กับเรดไลน์หรือจุดสูงสุดความเร็วรอบ พร้อมด้วยแรงบิดที่ปรับเปลี่ยนไปตามความเร็ว แรงบิดจึงมาพร้อมกับแรงกระชากคล้ายการเปลี่ยนเกียร์ในรถแข่ง Ioniq 5 N พร้อมเสียงคำรามของโปรแกรมจำลองเสียงเครื่องยนต์ Ioniq 5 N ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขับรถที่มีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ในรอบสูง ไม่ใช่กำลังขับรถ EV ที่เอาแต่เร็วโดยปราศจากเสียงที่ทำให้รู้สึกเร้าใจ 




แพลตฟอร์มพื้นฐาน Electric-Global Module Platform ประโยชน์ด้านความเชี่ยวชาญที่ Hyundai ได้รับจากการสร้างห้องปฏิบัติการเพื่อทดลองระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในอนาคต ซึ่งคนที่ทำงานในห้องปฏิบัติการดังกล่าว ชอบคิดค้นของแปลกๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น รถต้นแบบ RM20e พลัง 810 แรงม้า, รถต้นแบบ RN22e 570 แรงม้า และรถยนต์ต้นแบบพลังไฮโดรเจน N Vision 74 กำลัง 670 แรงม้า สำหรับ Ioniq 5 N มีชุดแบตเตอรี่ 84 กิโลวัตต์ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหน้าและหลัง  ปรับปรุงประสิทธิภาพการถ่ายเทแรงบิดแบบผกผันต่อเนื่อง มอเตอร์หน้า กำลัง 166 กิโลวัตต์ (222 แรงม้า) มอเตอร์หลังกำลัง 282 กิโลวัตต์ (378 แรงม้า) ทั้งสองตัวเมื่อรวมกันจะมีกำลังสูงถึง 448 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 601 แรงม้า โหมด N Boost พลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 478 กิโลวัตต์ หรือ 650 แรงม้า ทำให้ Ioniq 5 N มีกำลังมากกว่ารถสปอร์ตทุกคันที่มีราคา 3.7 ล้านบาท 




ด้วยตัวเลขกำลังแรงบิดเฉลี่ย 700 นิวตันเมตร ส่งผลให้ Ioniq 5 N เร่งความเร็วจาก 0 ไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผลิตภัณฑ์จากแผนก N ของ Hyundai ไม่ชอบการคุยโวโอ้อวดด้วยตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะของรถ จักรกล N ทุกคัน ไม่ว่าจะใช้เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ ต้องสร้างแรงดึงดูดด้วยสัมผัสของรถสปอร์ตที่มีฟีลลิ่งคล้ายกับการขับรถแข่งอย่างแท้จริง ในจุดนี้ เมื่อมองดูความสามารถโดยรวมของ Ioniq 5 N ก็ไม่ได้อยู่แค่ตัวเลขอัตราเร่งและความเร็วสูงสุดเพียงแค่นั้น  Hyundai N ใช้วิธีการที่แยบยลในการโน้มน้าวใจของเศรษฐีที่ไม่ชอบรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการใส่จิตวิญญาณ อารมณ์ ความรู้สึกและสัมผัสของรถยนต์สันดาปภายในลงไป  นี่คือจุดที่ทำให้เกิดความสมดุล ตามมาด้วยความมหัศจรรย์ที่มีอยู่แค่คันเดียวบนโลกใบนี้ ความเร่าร้อนของ Ioniq 5 N ทำให้รถอย่าง Porsche Taycan Turbo / BMW i5 M60 / AMG EQE53 4 Matic + กลายเป็นจักรกลไฟฟ้าที่แปลกประหลากขึ้นมาในบัดดล ไม่น่าเชื่อว่าพวกเยอรมันจะทิ้งเสียงเครื่องยนต์ในรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงแล้วใส่ซาวนด์ที่คล้ายกับการดูทอมครูซกำลังไล่ถล่มยานรบของมนุษย์ต่างดาว! 





ในเรื่องของการชาร์จไฟ ทีเด็ดของรถแรงรุ่นนี้ก็คือ ระบบไฟ 800 โวลต์ แบตเตอรี่  84kWh  ชาร์จไฟกระแสตรง DC จาก 10 ไปจนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลา 18 นาที มีอัตราการชาร์จสูงสุด 238kW มีอินเวอร์เตอร์สองสเตจ ช่วยในการดันมอเตอร์คู่ให้มีกำลังสูงสุด 478kW หรือ 650 แรงม้า พร้อมแรงบิด 740 นิวตันเมตร กำลังสูงสุดนั้นทำได้ในโหมดพิเศษ N Grin Boost สามารถเปิดใช้งานบนหน้าจอสัมผัสหรือโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในโหมด N นาน 10 วินาที ขอเตือนว่าต้องโล่งจริงๆ หากต้องการจะระเบิดพลังงาน เรื่องระยะเบรกก็สำคัญเพราะทั้งแรงและหนักก็ต้องมีจุดเบรกที่แตกต่างจากรถสันดาปภายใน (เบรกเร็วกว่าก็จะปลอดภัยกว่า)  สำหรับการจัดการกับระบบระบายความร้อนในชุดแบตเตอรี่ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในลำดับต้นๆ ของยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ระบบระบายความร้อนและรักษาอุณหภูมิของแบตเตอรี่ ได้รับการอัปเกรดให้มีหม้อน้ำแยกโดยตรงเพื่อระบายความร้อนแบตเตอรี่และมอเตอร์ การนำพาอุณหภูมิความร้อนออกจากระบบขับเคลื่อนช่วยทำให้ชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าทำงานเต็มประสิทธิภาพ มีการออกแบบช่องเหนี่ยวนำความร้อน เพื่อถ่ายเทอุณหภูมิความร้อนออกจากเซลล์แบตฯ รวมถึงการระบายความร้อนของมอเตอร์ขับเคลื่อน ระบบหล่อเย็นชุดแบตเตอรี่ออกแบบให้มีค่าความต้านทานต่อการเสื่อมสภาพของพลังงานที่เกิดจากความร้อนได้สูงกว่าระบบระบายความร้อนของยานยนต์ EV ทั่วไป เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงของคู่แข่ง




จากการทดสอบในนูร์เบิร์กริง ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่และมอเตอร์ ถูกคิดค้นเพื่อทำให้ลูกค้าสามารถอัด Ioniq 5 N ได้ทั้งวัน โดยปราศจากความร้อนสะสมที่ชุดแบตเตอรี่หรือมอเตอร์ขับเคลื่อน ด้วยหม้อน้ำแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ การระบายอากาศส่วนหน้าที่มากขึ้น หม้อน้ำออกแบบมาเพื่อทำความเย็นให้กับแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ควบรวมกับปั๊มไฟฟ้าแรงดันสูง เพื่อให้สารหล่อเย็นไหลผ่านไปยังเซลล์แบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น Hyundai ไม่ได้หยุดอยู่แค่ระดับฮาร์ดแวร์ ความสามารถในการคงอุณหภูมิของแบตเตอรี่จะส่งถ่ายประสิทธิภาพสูงสุดในการจ่ายกระแสไฟออกมา ทั้งหมดถูกฝังอยู่ในซอฟต์แวร์ของระบบระบายความร้อน  Hyundai ควบรวมการปรับตั้งอุณหภูมิแบตเตอรี่แบบล่วงหน้าได้ถึงสองระดับใน Ioniq 5 N เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกใช้งาน ทั้งการปรับอุณหภูมิของแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการขับใช้งานในชีวิตประจำวันหรืออัดเต็มกำลังในสนามแข่งท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงอย่างต่อเนื่อง การปรับอุณหภูมิแบตเตอรี่ล่วงหน้าระหว่าง 30 ถึง 40 องศาเซลเซียส เพื่อส่งกำลังสูงสุดสำหรับการวิ่งระยะสั้น ในขณะที่โหมด Race จะตั้งค่าแบตเตอรี่ไว้ที่ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาพลังงานไฟฟ้าในแบตฯ ให้คงที่ขณะที่ใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องในสนามแข่ง 





เนื่องจาก Ioniq 5 N ถูกสร้างขึ้นสำหรับสนามแข่ง โครงสร้างของมันจึงมีการปรับแต่งให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเชื่อมเพิ่มเติมอีก 42 จุด กาวพิเศษที่ช่วยยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ช่วยให้รถมีความแข็งแกร่งต้านทานแรงบิดตัวได้มากขึ้น สำหรับการใช้งานในสนามแข่ง หรือการขับแบบดริฟต์ วิศวกรของ Hyundai กล่าวว่า Ioniq 5 N มีการควบคุมแบบรถแรลลี่ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ติดตั้งบนแร็คพร้อมอัตราการบังคับเลี้ยวที่รวดเร็ว สอดรับการทำงานกับแรงบิดที่เพิ่มขึ้น โหมด  N Pedal ทำให้การขับเข้าโค้งโดยไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกก่อนถึงหัวโค้งนั้นดีงามมาก ในขณะที่ระบบสะสมพลังงานระหว่างการเบรกทำงานอย่างเต็มกำลัง ทั้งหน่วงความเร็วและสะสมกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากพลังงานจลน์ระหว่างการเบรกไปเก็บในแบตเตอรี่ (regenerative braking) 




อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการทำงานของรถ เพื่อให้ไม่เพียงแต่รวดเร็วขึ้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดแนวคิดควบคุมรถยนต์ไฟฟ้าด้วยวิธีการใหม่ๆ ที่น่าสนใจ คุณสามารถเข้าเมนูการปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ง่ายและสะดวก ปรับโหมดเพื่อทำให้ Inoiq 5 N มีเสียงเหมือนเครื่องยนต์สันดาปที่กำลังบ้าคลั่ง เปลี่ยนเป็นเสียงเครื่องบินไอพ่น หรือยานรบเอเลี่ยนที่กำลังบุกจู่โจมโลกมนุษย์ ไม่แปลกที่เสียงเครื่องยนต์เบนซินปลอมนั้นทำงานได้ดีที่สุด เจ๋งที่สุดและสมจริงเอามากๆ 

การลอกเลียนแบบอารมณ์ความรู้สึกของรถสันดาปไม่ได้หยุดอยู่แค่เสียงและระบบรองรับกับระบบบังคับเลี้ยวเท่านั้น การจำลองกระปุกเกียร์แพดเดิลชิฟต์ 8 สปีด เป็นการปลอมแปลงฟีลลิ่งเกียร์อัตโนมัตครั้งแรกในรถยนต์ไฟฟ้า มีการปรับจูนสัมผัสของการส่งกำลังในระบบเกียร์ซิงเกิลสปีดของ Ioniq 5 N ให้เหมือนกับอารมณ์การทำงานที่ว่องไวของเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด วิศวกรที่เขียนซอฟต์แวร์ควบคุมระบบเกียร์ ได้ทำให้ทุกอย่างเหมือนของจริงอย่างที่สุด เช่น การจัดการกับแรงบิดของล้อทั้งสี่ เพื่อให้ผู้ขับรู้สึกถึงการเร่งความเร็วในแต่ละเกียร์ เมื่อรอบเครื่องยนต์จำลองหมุนไปถึงเรดไลน์ที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่กระชากทุกจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ทำให้รถคันนี้มีจิตวิญญาณของรถสันดาป เมื่อใช้เบรกหนักๆ ก่อนมุดเข้าหัวโค้ง เกียร์จะเชนลงต่ำให้เอง ซึ่งบางครั้งระบบจะลดเกียร์ให้ถึงสามตำแหน่ง พร้อมๆ กับรอบเครื่องจำลองที่ตวัดขึ้นทุกครั้งขณะที่ระบบลดเกียร์ลง ตามด้วยเสียงคำรามในรอบสูงของเครื่องยนต์ซึ่งจำลองมาจากเสียงรถแข่งเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบ  ยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ไหนที่ทำได้แบบนี้มาก่อน Inoiq 5 N ยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีที่ปรับแต่งมาอย่างน่ากลัว แต่ที่น่าตกใจคือ ทุกระบบของมันทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ มันสมจริงมากจนผมเองก็ลืมไปว่ากำลังโต้ตอบกับซอฟต์แวร์ ไม่ใช่การระเบิดของเชื้อเพลิงที่ถูกจุดและแรงกระชากจากฟันเฟืองที่หมุนอยู่ในเกียร์คลัตช์คู่ เรียกว่าโดนระบบอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ต้มซะเปื่อย  



วิธีที่ดีที่สุดในการอธิบายกิริยาท่าทางและการตอบสนองของรถคันนี้ก็คือ  BMW M3 G80 ที่มี xDrive เป็นการผสมผสานธรรมชาติของ N Electric เข้ากับความเป็นผู้ใหญ่ในเรือนร่างของรถแฮตช์แบ็ก สามารถสัมผัสได้ถึงมวลขณะเลี้ยวในโค้งมุมแคบ แต่ไม่มากเท่ากับน้ำหนักของรถไฟฟ้าพลังสูงที่ผลิตโดยแบรนด์หรูเยอรมนี ซึ่งโผล่ออกมาทันทีที่อัดเข้าโค้งแรงๆ ด้วยแรงต้านทานการเลี้ยวที่ถูกส่งมายังพวงมาลัย Ioniq 5 N ปิดบังน้ำหนักตัว 2.2 ตันได้ดี จากการเลี้ยวที่คล่องแคล่วบวกกับการถ่ายเทน้ำหนักที่สุดยอด แบตเตอรี่ถูกวางอยู่บนพื้น ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถมีสมดุลเป็นเลิศ วิศวกรได้เพิ่มความเสถียรให้กับแชสซี พร้อมตัวช่วยควบคุมเสถียรภาพ ทำให้เกิดความมั่นใจอย่างมากเมื่อขับเร็ว แรงบิดลงล้อทั้งสี่ด้วยการเฉลี่ยอย่างสมดุล การควบคุมทั้งหมดขึ้นอยู่กับองศาของคันเร่งและมุมของพวงมาลัย มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ผมเกือบทำมันสบัดเพราะเกิดอาการโอเวอร์สเตียร์ เนื่องจากเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงเกินไป แต่ระบบช่วยทรงตัวก็ดอดเข้ามาจัดทรงให้รถอยู่กับร่องกับรอยอย่างรวดเร็ว

ด้วยเทคโนโลยีทั้งหมดที่บรรจุอยู่ใน Ioniq 5 N คนขับจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า 5 N นั้นเป็น EV ระดับบนที่แรงมุทะลุดุดัน แรงบิด 740 นิวตันเมตร  อย่างฉับพลันทันทีปราศจากอาการรอรอบ ทำให้รถพุ่งออกตัวราวกับลูกธูน น้ำหนัก 2.2 ตันไม่สร้างปัญหาเมื่อเลี้ยวเร็วๆในโค้งมุมแคบ การปรับแต่งระบบกันสะเทือน และการกระจายกำลังอย่างชาญฉลาด ทำให้รถ Ioniq 5 N ยังคงควบคุมได้ดีแม้จะใส่มาแรง ในโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อ N ไฟฟ้าเกาะหนึบ ไม่มีเสียอาการเมื่อถูกอัดจนใกล้ถึงขีดจำกัด ไม่มีการสูญเสียกำลังใดๆ  เป็นเรื่องยากที่จะประเมินความสามารถที่แท้จริงของ Ioniq 5 N บนถนนสาธารณะ ในความเป็นจริง ถ้าอยากจะสนุกอย่างเต็มที่ สนามแข่งมาตรฐานที่มีรันออฟเยอะๆ อย่างสนามช้าง ดูจะเหมาะสมกับการทำความเร็วของ Ioniq 5 N มากกว่า





มีเสียงจำลอง ที่แตกต่างกันสามแบบให้เลือก เริ่มจาก Engine Sound อันนี้คือดีสุด ใกล้เคียงรถสันดาปมากสุด / ส่วน Evolution และ Supersonic จะออกแนวอวกาศ ส่วนตัวไม่ชอบเสียงสังเคราะห์แนวนี้อยู่แล้ว สำหรับเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ในโหมด Engine Sound นั้นดีที่สุด  สมจริงและสร้างความเร้าใจได้ดี  ส่วน Evolution เป็นเสียงหอนหวีดหวิวของมอเตอร์ไฟฟ้า ผมลองเปลี่ยน Ioniq 5 N เป็นโหมด N และเลือกเสียงการจุดระเบิด Engine Sound จากนั้นเมื่อกระแทกคันเร่ง คุณจะได้ยินเสียงระเบิดปังๆ จากท่อระบายท้ายของรถแข่ง เมื่อจอดนิ่งๆในโหมด Engine Sound วิศวกรของ Hyundai ปรับเสียงสังเคราะห์ให้เหมือนการเดินเบาของรถแข่ง ด้วยรอบเครื่องที่ไม่นิ่ง! ทุกครั้งที่ยกคันเร่งจะได้ยินเสียงพรึบดังสนั่นออกมาจากลำโพงในห้องโดยสาร ที่ติดตั้งอยู่ทางด้านหลัง เสียงในโหมด Supersonic เหมือนเสียงเครื่องยนต์ไอพ่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ แต่มีเสียงโซนิกบูมดังเข้ามาในห้องโดยสารทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ นั่นก็แปลกประหลาดเกินไป  และโหมดเสียง Supersonic Sound ที่ได้ยินก็ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากหนัง Top Gun Maverick 




ioniq 5 N หนัก 2.1 ตัน แต่เปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นรถไฟฟ้าที่มีฝีเท้าจัดจ้าน เร่งความเร็วพรวดๆ บนทางตรงยาวได้เร็วมาก ตัวเลข 0-100 ของ Ioniq 5 N แซงขึ้นหน้า BMW M2 CS เมื่อออกตัวไปพร้อมๆ กัน การบังคับเลี้ยวนั้นชัดเจนว่าเบากว่า AMG GT-R รถสันดาปภายในพลัง 600 แรงม้าที่ผมเคยขับในสนามแข่งที่บุรีรัมย์ น้ำหนักของรถที่หนักอึ้งไม่ได้สร้างปัญหาในการเลี้ยวเร็วๆ ที่โค้งมุมแคบต่อเนื่อง จากโค้ง 10 ไปจนถึงโค้ง 18 สนามแข่งโคเรียนอินเตอร์เนชันแนลสปีดเวย์มีโค้งที่เจ้าเล่ห์ดักอยู่เต็มไปหมด แต่ระบบเฉลี่ยแรงบิดในชุดขับเคลื่อนสี่ล้อทำให้การยึดเกาะอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ความรู้สึกในโค้งเหมือนกับ Audi RS 3 Quattro ที่โคตรเกาะและมีกำลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเท่า ระบบรักษาเสถียรภาพทำหน้าที่ควบคุมมวลน้ำหนักของรถได้ดี  เลี้ยวได้อย่างเฉียบคมและโคตรเร็ว ฟีลลิ่งตอนเลี้ยวให้ความรู้สึกเบากว่าที่ควรจะเป็น การขับในเมือง คันเร่งตอบสนองทันทีทันควันและรุนแรงมากจนต้องเพิ่มความระวังให้มาก แต่ความสนุกที่แท้จริงเกิดมาจากการใช้เวลาทำความเข้าใจโหมดการขับขี่ทั้งหมด จากนั้นก็เปิดใช้งานไปทีละโหมด แล้วขับทดสอบในสนามแข่งเพื่อจับความรู้สึก และเรียนรู้เพื่อเข้าใจการทำงานทั้งหมดของรถ
N Drift Optimiser ถูกปิดตาย เนื่องจากไม่มีพื้นที่กว้างมากพอและไม่อยากทำลายยาง P ZERO ด้วยโหมดสาดท้าย ซอฟแวร์ควบคุมจะสั่งงานให้ส่งแรงบิดทั้งหมดไปยังเพลาล้อหลัง 100 % โดยตัดแรงบิดมอเตอร์หน้าแบบ 0% คงไว้เพียงระบบสัมผัสแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เบาที่สุด เพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้ด้วยการปั่นล้อหลังฟรีทิ้งไปพร้อมกับรอยยางไหม้ สามารถตั้งค่าการแบ่งแรงบิดร่วมแกนระหว่างล้อหน้า-หลัง บนแถบเลื่อนที่จอมอนิเตอร์กลางได้อย่างหลากหลาย จากการเทแรงบิดไปที่ด้านหลัง 100 เปอร์เซ็นต์ ไปจนถึงส่งแรงบิดไปที่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า 100 เปอร์เซ็นต์ N Drift Optimiser จะปิดตัวช่วยทุกอย่าง จากนั้นก็กดคันเร่งและเทิรน์พวงมาลัยเพื่อการดริฟต์อย่างรุนแรง N Drift Optimiser เป็นฟังก์ชั่นจำลองคลัตช์ปลอมๆ ที่สมจริง จากนั้นระบบจะเทแรงบิดทั้งหมดลงบนยางหลัง ด้วยแรงบิดมหาศาล จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความอดทนในการเรียนรู้ รวมถึงทักษะในการควบคุมทั้งคันเร่งและพวงมาลัย ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่เพราะอันตรายและต้องการพื้นที่ปิดที่มีความปลอดภัยในการใช้โหมดนี้



โหมด N Race ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Ioniq 5 N ลงไปซิ่งในสนามแข่ง มีโหมดเพิ่มเติมอีกสองโหมด คือ Sprint และ Endurance โหมด Sprint รองรับการขับแบบจับเวลาต่อรอบ พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จะถูกป้อนให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โหมด Endurance เน้นการทำระยะทางยาวๆ โดยบริหารพลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสม Endurance ให้ความสำคัญกับระยะทางมากกว่าจะเทพลังงานในรูปของแรงบิดออกมาทั้งหมด ด้วยสไตล์และพลังของการขับเคลื่อนที่หลากหลาย ทั้งสองโหมดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรถขณะขับในสนามแข่ง พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์จำลองที่สร้างความเร้าใจไปตลอดทาง เป้าหมายคือความสนุกหรือเวลาต่อรอบแล้วแต่จะเลือกใช้งาน ในขั้นตอนของการพัฒนาและทดสอบ Biermann หัวกระทิของ BMW ซึ่งเข้ามารับงานในตำแหน่งผู้อำนวยการแผนก R&D เพื่อพัฒนารถยนต์แบรนด์ Hyundai, Genesis และ Kia มาตั้งแต่ปี 2015 กล่าวว่า Ioniq 5 N สามารถซิ่งแบบจับเวลาต่อรอบในสนาม Nürburgring ความยาวรอบละ 23 กิโลเมตรได้สองรอบ ก่อนที่แบตเตอรี่ลดระดับพลังงานลง 

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแนวคิดที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนุกสนาน การโต้ตอบระหว่างคนขับและรถ ความรักที่คุณมีต่อรถเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งถูกถ่ายเทมาอยู่ใน Inoiq 5 N ในฐานะที่เป็นประตูมิติที่นำเราไปสู่สิ่งที่เป็นไปได้ ด้วยรถยนต์สมรรถนะสูงพลังงานไฟฟ้าในอนาคตที่ขับได้เหมือนกับรถยนต์สันดาปภายใน เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อและน่ายินดีไปพร้อมๆ กัน 




Hyundai Ioniq 5 N มาพร้อมระบบเบรกประสิทธิภาพสูง (จริงๆแล้วอยากให้ใหญ่กว่านี้) ซึ่งประกอบด้วยจานดิสก์หน้าขนาด 400 มิลลิเมตร (15.7 นิ้ว) คาลิเปอร์สี่ลูกสูบสีส้ม ประทับตราสัญลักษณ์ N จานดิสก์หลังขนาด 360 มิลลิเมตร (14.1 นิ้ว) คาลิปเปอร์เบรกหลังแบบซิงเกิลพอต พ่นสีส้มอีกเช่นเดียวกัน พลังของระบบเบรกแบบรีเจเนอเรทีฟ มาพร้อมการปรับปรุงใหม่ทั้งระบบ  ให้แรงชะลอความเร็วได้ 0.6 G  การเปลี่ยนผ่านและผสมผสานการทำงานระหว่างระบบเบรกสะสมพลังงาน regenerative braking กับสัมผัสของระบบเบรกไฮดรอลิกในรถแข่ง โหมด N Race สามารถเลือกระหว่างการตั้งค่าระหว่าง 'Endurance' และ 'Sprint' ฟังก์ชั่นแรกจะลดกำลังสูงสุดเหมาะสำหรับการขับทางไกลยาวๆ ส่วนฟังก์ชั่นที่สอง จะทำหน้าที่จัดลำดับความสำคัญของกำลังสูงสุด เพื่อความสมดุลและเสถียรภาพของรถขณะทำความเร็ว ระบบรองรับใน Hyundai Ioniq 5 N ช่วงล่างด้านหน้าแบบสปอร์ต แมคเฟอร์สันสตรัท สปริงแต่งและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ สปริง โช้คอัพและกันโคลง

เพลาขับอิสระ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง World Rally Championship ของ Hyundai มีการเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง เพื่อให้ทนทานต่อแรงบิดมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้า ในขณะที่น้ำหนักของชุดเพลาขับก็ลดลง มีการเสริมความแข็งแกร่งให้กับคอพวงมาลัยเพื่อการตอบสนองและการตอบรับจากล้อที่ดีขึ้น ในขณะที่พวงมาลัยพาวเวอร์มีอัตราการบังคับเลี้ยวที่สูงขึ้น การตอบสนองแรงบิดที่เพิ่มขึ้น N Pedal ได้รับการติดตั้งเพื่อปรับปรุงการตอบสนองของคันเร่งและความไวในการรับน้ำหนักของรถ การใช้ i-Pedal ซึ่งใช้การเบรกแบบ regenerative braking เพื่อชะลอความเร็วและจ่ายพลังงานกลับเข้าไปในแบตเตอรี่ ช่วยในการถ่ายเทน้ำหนักและเข้าโค้งได้คมชัดยิ่งขึ้น เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการดริฟต์และการตั้งค่า 11 รูปแบบสำหรับการกระจายแรงบิดบนเพลาหน้า-หลัง เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าโค้ง 




ทุกวันนี้ รถยนต์ไฟฟ้าต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบาก เพื่อบรรลุถึงการทำลายสถิติด้านอัตราเร่งของรถสันดาปภายใน พลังแรงบิดที่ล้นเหลือ การยึดเกาะที่แนบสนิทไปกับผิวถนน แต่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ยังขาดหลักการในเรื่องความเพลิดเพลินของการขับ นักขับที่มาจากรถสันดาปภายใน จะให้ความสำคัญกับไดนามิก ฟีลลิ่งของการควบคุม ตัวถังที่มีน้ำหนักเบา ระบบเกียร์ที่สมบูรณ์แบบ การทรงตัวในโค้งที่ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์รอบจัด ผสมผสานการทำงานกับระบบเกียร์ พร้อมซาวนด์ที่แท้จริงซึ่งเกิดจากการจุดระเบิดผ่านระบบวาล์วในท่อไอเสีย เพื่อสนองความรู้สึกทั้งหมดออกมาเป็นอารมณ์ที่ลึกซึ้ง นั่นคือความสำคัญสูงสุดของรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ไม่มีอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า ยกเว้น Ioniq 5 N




ไม่เคยมีผู้ผลิตรายใดสามารถถอดรหัสดังกล่าว จนกระทั่ง Hyundai สร้าง Ioniq 5 N ออกมา เมื่อมองดูในกลุ่มรถไฟฟ้าคู่แข่ง ส่วนใหญ่ไม่มีเสียง หรือมีก็ไม่ใช่เสียงเครื่อง กลายเป็นเสียงแปลกๆ ที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ไม่มีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่อง ไม่มีเสียงเครื่องขณะเดินเบา หรือเบิ้ลรอบ ไม่มีแรงกระชากพร้อมเสียงดังบึมขณะเปลี่ยนเกียร์ รถไฟฟ้าสมรรถนะสูงมีเพียงการปรับแต่งพวงมาลัยและระบบกันสะเทือน พร้อมซาวนด์แทร็กแปลกๆ ที่แปร่งหูเท่านั้น ร้อยละ 99 ของรถยนต์ไฟฟ้านั้นไร้วิญญาณ ไร้เสียง ไม่ว่าฝ่ายการตลาดหรือผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรณ์จะพยายามบอกกับเราว่ามันมีซาวนด์อวกาศที่คิดค้นโดยวาทยกรนักแต่งเพลงระดับโลก ซึ่งเคยประพันธ์เพลงให้กับภาพยนตร์ชั้นนำมาแล้ว Hyundai Ioniq 5 N เป็นรถคันแรกที่เข้ามาโน้มน้าวจิตใจของคนที่เกลียดรถยนต์ไฟฟ้าให้หันกลับมามอง เป็นการเพิ่มองค์ประกอบที่นักเลงรถสันดาปชื่นชอบเข้าไปใส่ไว้ในยานยนต์ EV อย่างแยบยล

Ioniq 5 N เป็นรถสปอร์ตแฮตช์แบ็กที่ผสมผสานระหว่างองค์ความรู้ทางเทคโนโลยี ประสบการณ์ด้านมอเตอร์สปอร์ตของแบรนด์ N เพื่อผลักดันขีดจำกัดและสมรรถนะของยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ 5 N กลายเป็นรถที่เข้ามาเปลี่ยนเกมในกลุ่มยานยนต์สมรรถนะสูงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า การพัฒนาที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของ Hyundai ทุกรุ่นในอนาคต คาดว่า มันน่าจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ด้วยราคาที่ถูกกว่า Mercedes-AMG EQE53 หรือแม้แต่ BMW i5 M60.  


อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th  
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358